เจ้าหน้าที่ของรัฐ และนักการเมืองรับคำสั่งของ VATICAN COUNCIL 2 |
|
เหตุการณ์ ทำลายองค์กรปกครองคณะสงฆ์ไทย พระภิกษุสงฆ์ และสังฆมลฑล ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง เปิดเผย จากการสั่งการและการดำเนินการ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐและนักการเมืองนั้น มิได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยปกติ หรือถูกต้องตามหลักนิติธรรมใดๆ แต่เป็นการปฏิบัติการอันมาจากคำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 ซึ่งระบุไว้ในข้อ 7:7 ว่า "บรรดาปิตาจารย์ จงใช้ความพยายามอย่างสุดกำลัง สุดความสามารถ ทุกวิถีทาง ทั้งโดยการพูด การเขียน ในอันที่จะกำจัดศาสนาอื่นๆ ที่มิใช่คริสต์ศาสนาให้หมดสิ้นไป อีกทั้ง ต้องใช้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง เข้าร่วมทำการนี้กับตนด้วย" ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่าแม้มีการกระทำความผิดซึ่งหน้า เช่นกล่าววาจาจาบจ้วง พระเถรานุเถระ กรรมการในมหาเถรสมาคม กรีดเลือด เผาหุ่นพระภิกษุ สงฆ์ ทำหุ่นศีรษะพระภิกษุ (เจ้าคุณพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค๑) กรรมการมหาเถรสมาคมมา เตะ กระทืบ เผา เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทำการจับกุมใดๆ ท่านทราบหรือไม่ว่า พระสงฆ์เป็นสิ่งสักการะของพุทธศาสนิกชน การนำภาพหรือวัตถุ อันเป็นรูปเคารพทางศาสนามาทำลาย เป็นความผิดทางอาญาฐานดูหมิ่นศาสนา ตามมาตรา ๒๖๐ การกระทำได้เกิดขึ้นต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจระดับนายพล จัดว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า ทำไมจึงไม่มีการจับกุม ท่านผู้อ่านว่าแปลกหรือไม่?? แม้กระทั่งรายการวิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ออกข่าวกล่าววาจาด่าพระภิกษุสงฆ์ ลงข่าวบิดเบือน ทำลายภาพพจน์พระพุทธศาสนา เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งนี้รวมไปถึงพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) และกรรมาธิการศาสนาฯ ที่อ้างว่าปกป้องพระพุทธศาสนา ก็มิได้มีการตักเตือนต่อผู้กระทำการผิดกฎหมายนั้นแต่อย่างใด ในกรณีที่เห็นได้ชัดก็คือ กระทรวงศึกษาธิการ และกรมการศาสนา ซึ่งไม่มีอำนาจทางกฎหมายใดๆ ที่จะสั่งการองค์กรปกครองคณะสงฆ์ได้ในทุกกรณี นอกจากจะให้เป็นเพียง "เด็กรับใช้" (สนองงาน) เท่านั้น ยังแอบอ้างอำนาจอันไม่มีในตนข่มขู่พระสงฆ์ให้ประชาชนมองภาพพจน์ในด้านเสีย ที่ร้ายที่สุดก็คือการออกคำสั่งไปยังธนาคารทุกแห่ง ให้ร่วมมือในการชะลอการปิดบัญชีเงินฝาก (คำสั่งที่ ศธ.๐๓๐/พิเศษ) โดยไม่มีอำนาจทางกฎหมายใดๆ เพราะตาม พ.ร.บ. ธนาคารพาณิชย์ฯ นั้น ระบุให้รับทราบและพิจารณาให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น ซึ่งจะเห็นว่านี่เป็นการกระทำอันเป็นการใช้อำนาจการเมืองบีบคณะสงฆ์ไทยโดยแท้ ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการจัดเสวนา โดยใช้อิทธิพลทางการเมือง เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ เป็นการสร้างภาพไม่ให้มีการต่อต้านจากพุทธศาสนิกชน โดยใช้อาคารรัฐสภาเป็นที่ประชุม พร้อมกับใช้เครื่องมือสื่อสารของรัฐอันมาจากภาษีของประชาชน คือสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย และสถานีโทรทัศน์ช่อง ๑๑ ในการเผย แพร่ข้อความอันบิดเบือน ทำให้คลาดเคลื่อนจาก และทำลายความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ทหารซึ่งมีหน้าที่รักษาความมั่นคงไม่อาจดำเนินการอย่างใดได้ เพราะได้ถูกขบวนการดังกล่าวนี้ทำลายภาพพจน์ และใช้ความสับสนทางการเมืองยกเลิก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบ ปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งให้อำนาจดำเนินการโดยเด็ดขาด เต็มอำนาจกับผู้ทำลายสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดังนั้นต่อไปนี้ (นับจากปี พ.ศ.๒๕๔๒) การทำลายสถาบันทั้ง ๓ นี้ขบวนการกลืนชาติ ก็จะอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย ชี้นำว่ามีความชอบธรรม ในการทำลายสถาบันทั้งสามได้โดยไม่มีความผิด ซึ่งจะเห็นการทำลายสถาบันทั้งสาม โดยไม่มีการดำเนินคดีใดๆ จากเจ้าหน้าที่ในขณะนี้ (ต.ค.๒๕๔๒) และนี่คือผลของคำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 ที่ปรากฏออกมาอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นหลักฐานต่อสาธารณชน |