การนำเสนอ ชี้นำ เพื่อทำลายพุทธศาสนพิธี

 

 

การนำเสนอ ชี้นำ เพื่อทำลายพุทธศาสนพิธี
ในวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๒
ณ อาคารรัฐสภา เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น.
จัดโดย นายอำนวย สุวรรณคีรี  ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

"การสร้างพระพุทธรูป และการทำพระเครื่องต้องมีสิทธิบัตร แบบพระที่สร้างนั้น??? เพื่อผลประโยชน์ของใคร??

ในการประชุมดังกล่าวนี้ได้จัดโดย นายอำนวย สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการศาสนาฯ มีการแสดงความคิด และแนวทางอันจะมีผลให้เกิดการทำลายพระพุทธศาสนาในอนาคตอย่างชัดแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดที่ "ต้องให้มีการออกกฎหมายบังคับจดลิขสิทธิ์ หรือสิทธิบัตรในการสร้างพระพุทธรูป สำหรับชาวพุทธที่ต้องการสร้างพระพุทธรูปลักษณะปางต่างๆ"

คำถาม.. ในขณะนี้พืชพันธุ์ธัญญาหารของไทย รวมไปถึงสินค้าพื้นบ้าน ถูกชาวต่างชาติต่างศาสนา ลักลอบ นำไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์กันมากมาย และหากให้กระทำดังนี้ ถามว่า "ศาสนาใดจะได้ประโยชน์" หากต่างชาติ ต่างศาสนา ได้นำพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระพุทธชินราช พระพุทธสิหิงค์ หรือพระพุทธรูปสำคัญของไทย ไปจด ทะเบียนสิทธิบัตรไว้เป็นสากล เมื่อชาวพุทธต้องการจะต้องซื้อลิขสิทธิ์ หรือเป็น "แฟนส์ชาย" จากองค์กรต่างศาสนาหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ยากเพียงชาวต่างชาติต่างศาสนา ซื้อหนังสือเกี่ยวกับพุทธศิลป์ ซึ่งมีรายละเอียดทั้งหมดที่เกี่ยวกับศาสนวัตถุ แล้วนำไปจด ทะเบียนลิขสิทธิ์ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย และท่านผู้อ่านเชื่อไหมว่า หากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เราจะต้องได้ยินคำว่า สิทธิและเสรีภาพ เป็นเรื่องเสรีทางการค้า แต่ต้องถามว่าประเทศนี้เป็นของชนชาติใด? ศาสนาใด? จะให้คิดว่านี่คือผลงานของคณะกรรมาธิการศาสนาฯ มีหน้าที่เพียงหาวิธีการอย่างไรจะทำลายพุทธศาสนา และให้ศาสนาอื่นได้ประโยชน์ที่สุด อย่างนั้นหรือ ?

"ศาสนพิธี พุทธาภิเษก ฯลฯ ที่มีเรื่องอิทธิฤทธิ์เป็นสิ่งงมงาย ต้องยกเลิก"

โดยออกกฎหมายมาบีบบังคับพุทธบริษัท ไม่ให้สร้างรูปเคารพไว้สักการะบูชา มาตรา ๕๖ ห้ามมิให้ผู้ใดหรือวัดจัดทำ สร้าง ปลุกเสก หรือโดยกรรมวิธีอื่นใดหรือสนับสนุนการกระทำดังกล่าวที่ไม่เกื้อกูลต่อศาสนธรรมในพระพุทธศาสนาด้วยวิธีการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้ ให้เช่าประดิษฐาน มีไว้เพื่อการสักการบูชา ใช้ประกอบพิธีกรรม

ห้ามสร้างวัด หรือสถานปฏิบัติ ธรรมเพิ่ม??? (คุมกำเนิดพระพุทธศาสนา)

มาตรา ๕๗ การก่อสร้างศาสนสถานนอกจากที่เป็นพระพุทธรูป และที่กำลังดำเนินการสร้างมาก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้นำมาตรา ๕๐ และมาตรา ๕๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

คำถาม..... ในประวัติศาสตร์การกอบกู้อิสระภาพ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นั้น มีบันทึกไว้ปรากฏเป็นหลักฐานว่า พระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา ได้ทำพิธีสร้างเครื่องรางสำหรับราชการสงคราม ทูลเกล้าถวายให้พระองค์ และกองอาสาอาทมาตนำติดตัวในการรบ เพื่อให้พุทธานุภาพคุ้มครอง ซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงบัญญัติไว้ปรากฏเป็นหลักฐาน เรียกว่า "ตำหรับพิชัยสงคราม ว่าด้วยเครื่องอานอันใช้ในราชการสงคราม" และเป็นที่มาของการประดิษฐานพระพุทธรูปบนยอดธงชัยเฉลิมพล อันเป็นธงประจำกองทัพ รวมไปถึงพิธีถือน้ำพิพัฒสัตยาซึ่งทหารหาญของชาติ ต้องกระทำและสาบานตนตลอดมา การนำเสนอเช่นนี้จะจัดว่า เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยหรือไม่

การห้ามสร้างรูปเคารพนั้น หากฟังดูแล้วก็เข้าท่าดีคล้ายกับว่าเป็นแนวทางพุทธศาสนา และเป็นสิ่งถูกต้อง แต่ท่านผู้อ่านอย่าลืมไปอย่างหนึ่งว่า พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ไม่ใช่พระอรหันต์ พลพรรคที่ออกมาเคลื่อนไหว ก็ไม่มีใครบรรลุอรหันต์แม้แต่คนเดียวหรือว่ามี? ดังนั้นหากเราซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชนจะเลือกเชื่อ ก็ต้องเชื่อวจนะของพระอรหันต์ไว้ก่อน เหตุใดผมจึงกล่าวเช่นนี้ ก็เพราะว่าพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นั้น สร้างโดยพระอรหันต์ นามว่า "พระนาคเสน" ซึ่งเมื่อศึกษาพระไตรปิฎกเถรวาท หรือพระไตรปิฎกภาษาใดๆ ก็แล้วแต่ย่อมตรงกันว่า พระอรหันต์คือท่านผู้เลิศด้วยปัญญา มีวิชชาจรณะ และศีลอันบริสุทธิ์ ดังนั้นการที่ท่านได้สร้างพระพุทธรูป (พระแก้วมรกต) ขึ้นเพื่อเป็นที่สักการะบูชานั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องด้วยประการทั้งปวง หรือ "ไวรัสศาสนา" จะอ้างว่าพระอรหันต์ทำผิดพระธรรมวินัยก็ให้ว่ามา แต่ผมมีข้อพิสูจน์ว่า พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) และขบวนการล้มพุทธ ที่มาต่อต้านการสร้างพระพุทธรูป พระเครื่องพระบูชา ฯลฯ อยู่ในขณะนี้ เป็นการกระทำตามคำสั่งสอนของคริสเตียน ซึ่งระบุไว้ในคริสธรรมคัมภีร์ วิวรณ์ 21:8 ว่า

"... บรรดาคนที่ไปติดตามพระเจ้าองค์อื่นๆ ในชีวิตย่อมพบภัยพิบัติไม่จบสิ้น...

พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า คนที่ไหว้รูปเคารพ มรดกของเขาอยู่ที่ในบึงไฟ และกำมะถันที่กำลังไหม้อยู่นั้น...."

การสร้างพระพุทธรูปและพระเครื่องมีสืบเนื่องกันมาทุกยุคทุกสมัย จนเรียกว่า "พุทธศิลป์" ซึ่งศาสนาคริสต์ไม่มี ทำให้คริสต์ไม่สามารถแทรกซึมได้โดยง่าย ดังนั้นการโจมตีในลักษณะดังกล่าวนี้ นอกจากจะขัดกับพระไตรปิฎกบาลีเถรวาทแล้ว พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ยังเสี่ยงต่อการยกตนว่าเหนือกว่าพระอรหันต์เสียอีกด้วย สำหรับผู้ร่วมขบวนการก็นับว่าเป็นบุคคลที่ดูถูกบรรพบุรุษว่าเป็นคนโง่ ชั่ว ทราม ไม่เข้าใจในพระธรรมวินัยจึงได้สร้างพระพุทธรูป ให้คนสมัยนี้กราบไหว้ตามด้วยความโง่ การกล่าวเช่นนั้นไม่ใช่ลักษณะของชาวพุทธอย่างแน่นอน เป็นลักษณะบุคคลที่รับจ้างมาทำลายพระพุทธศาสนาใช่หรือไม่ ? หากไม่ใช่ เหตุใดจึงมีการจัดเสวนาในลักษณะเช่นนี้


(หน้าปก - - - สารบัญ - - - อ่านต่อ)

1