กำเนิดไวรัสศาสนา

 

 

a_167.jpg (5484 bytes)การทำลายพระพุทธศาสนาโดยวิธีการต่างๆ นั้นมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ เช่น ยุคพระสังกราจารย์ อัจฉริยะวรรณะพราหมณ์ ปลอมเข้ามาบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา ประมาณปี พ.ศ.๑๓๓๒ เพราะความอยากมีอำนาจ และลาภสักการะ เข้าศึกษาในมหาวิทยาลับสงฆ์ เมืองนาลันทา และเมื่อเรียนรู้จบพระไตรปิฎกอย่างเชี่ยวชาญแล้ว   ก็นำเอาพระธรรมคำสั่งสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปปรับแปลงปลอมปน ใส่ไว้ในคัมภีร์เวทานตะ และคัมภีร์อุปนิษัท และสั่งสอนว่า เป็นบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งมีมาแต่เดิมก่อนพุทธศาสนา (ความเป็นจริง ศาสนาพราหมณ์ มีมาก่อนศาสนาพุทธ ๑,๕๐๐ปี   แต่ไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ เพิ่งจะมีการเขียนขึ้น ในสมัยพระสังกราจารย์นี้เอง) โดยปรับแปลงคำสอนเสียใหม่ว่า   “พระพุทธเจ้าเป็นอวตารปางหนึ่ง ของพระนารายณ์ ที่ให้ลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อสั่งสอนให้คนตกนรกให้มากที่สุด เพราะสวรรค์แออัด” ซึ่งคริสต์เตียนโรมันคาทอลิค ได้รับเชื้อไวรัสศาสนามาใช้ว่า “พระเจ้าส่งให้พระพุทธเจ้ามาสอนผิดๆ เพื่อให้พระเยซูมานำคนขึ้นสวรรค์ และพระพุทธเจ้านั้น เป็นเพียงประกาศกของพระเยซู” นั่นเอง นับว่าพระสังกราจารย์ จัดเป็นต้นกำเนิดของ “ไวรัสศาสนา”   ที่เข้าแพร่เชื้อแทรกซึม และทำลายพระพุทธศาสนาเป็นคนแรกก็ว่าได้

การแพร่เชื้อของ “ไวรัสศาสนา” ทำให้เกิดการทำลายล้าง และทำให้คลาดเคลื่อน จากพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา มีมาอย่างต่อเนื่อง ระบาดไปทุกชาติ ที่รุนแรงที่สุดก็คือ “ไวรัสคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิค” เกิดขึ้น ในประเทศศรีลังกา โดยนักล่าอาณานิคมชาวโปรตุเกส ที่เผาทำลายวัดวาอาราม รวมไปถึงการห้ามบวชพระสงฆ์ในพุทธศาสนา   และนำเอาพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปใส่ครกตำ เพื่อทำลาย ให้สิ้นซาก  แต่ด้วยพุทธานุภาพ ปรากฏว่าไม่อาจทำลายได้แม้เพียงรอยแมวข่วน

a_195.jpg (7296 bytes)ตัวอย่างของประเทศที่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และมีพระมหากษัตริย์ เป็นองค์พระประมุข   แต่ถูกข้าราชการที่เป็นคริสเตียน ทำลายล้างชาวพุทธ พร้อมกับวางแผน ให้โค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสาเหตุให้ประเทศเวียตนามแตกแยก ฆ่าฟันกันเอง เป็นสงครามกลางเมือง ก็สืบเนื่องมาจากการใช้คำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 นับว่าเป็นตัวอย่างที่ควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผลของการปราบปรามพุทธบริษัท ทำให้ประเทศเวียตนาม บ้านแตกสาแหรกขาด   เกิดสงครามขยายไป แทบจะครอบคลุมภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ในปัจจุบันประเทศ ก็ยังไม่อยู่ในภาวะ ที่ฟื้นคืนสู่สภาพเศรษฐกิจที่มั่นคงได ้ สาเหตุทั้งหลายทั้งสิ้นในสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น   ประชาชนเวียตนาม ซึ่งเป็นผู้รับเคราะห์กรรมสืบต่อเนื่องกันต่อไป ยังไม่รู้ว่านานอีกเท่าใด ที่แน่นอนที่สุดก็คือ “สถาบันพระมหากษัตริย์”   ของประเทศเวียตนาม จะไม่มีวันกลับคืนมา เป็นสถาบันสูงสุดของประเทศเวียตนามได้อีกชั่วนิรันดร   นับเป็นอุทาหรณ์สำหรับชาวไทย ที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นพุทธศาสนิกชน ที่จะต้องจับตาสังเกตพฤติกรรม การกระทำของกลุ่มบุคคล   และองค์กรต่างศาสนา ที่เคลื่อนไหวโดยอ้างว่าปกป้องคุ้มครองสถาบันพระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์   มาจากความจริงใจหรือไม่? ใครอยู่เบื้องหลัง และใครเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากการกระทำนั้นๆ ???


(หน้าปก - - - สารบัญ - - - อ่านต่อ)

1