นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 10 บทนำบทใหม่แห่งประวัติศาสตร์
-5-


“เฮ้อ มันช่างเย้ายวนจริงน้อ”

จู่ ๆ หยางซึ่งนั่งนิ่งคิดอะไรอยู่เป็นเวลานาน โดยไม่ยอมแตะต้องน้ำชาที่ยกออกมาเสริฟไว้ให้ตนเอง ก็พูดพึมพำขึ้นมา ทำเอาจูเลียนที่เพิ่งเดินมาใกล้เพื่อที่จะยกน้ำชานั้นกลับไป ได้แต่ยืนจ้องมองฝ่ายแรกอย่างสงสัย ร่ำ ๆ ที่เด็กชายอ้าปากจะถามอีกฝ่ายว่าพูดถึงอะไรอยู่ แต่แล้วบรรยากาศบางอย่างก็ทำให้เด็กจูเลียนรู้สึกว่าไม่สมควรถามอะไรทั้งสิ้น จึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ใกล้ ๆ เช่นนั้น

ขั้วอำนาจใหม่ในจักรวรรดิคือ ขั้วอำนาจของลิชเทนลาเด-โรเอนกรัมนั้น ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างกะทันหันก็จริง แต่ก็มั่นคงนักและทำท่าจะพาให้จักรวรรดิมีความเสถียรทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง แต่การณ์ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป เพราะทางฝ่ายของขุนนางฐานันดรอันนำโดยเบราสไวก์และลิตเทนไฮม์ย่อมต้องใช้กำลังทหารก่อการกบฏขึ้นมาแน่ ไม่สิ พูดให้ถูกคือ ถูกบีบบังคับให้ก่อการกบฏจะถูกต้องกว่า เมื่อถึงตอนนั้น ก็จะเกิดสงครามกลางเมืองที่แบ่งจักรวรรดิออกเป็นสองฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงตอนนั้น หากเราใช้ยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมล่ะ- อย่างเช่น ร่วมมือกับพวกเบราสไวก์ก่อน เพื่อตีขนาบมาร์ควิสไรน์ฮาร์ด ฟอน โรเอนกรัมผู้นั้น จากนั้นก็หันกลับไปล้มพวกเบราสไวก์ในคราวเดียว เพียงเท่านี้ จักรวรรดิทางช้างเผือกก็ล่มสลาย

หรือไม่ก็... คิดแผนยุทธศาสตร์ให้เบราสไวก์เพื่อให้เขาสามารถสู้กับโรเอนกรัมได้อย่างสูสี รอจนกองกำลังของทั้งสองฝ่ายอ่อนแรงลงทั้งคู่ ค่อยบุกเข้าโจมตี... หากเป็นเขาละก็ ต้องทำได้สำเร็จแน่ สมองส่วนที่เป็นนักการทหารของเขามีความมั่นใจเช่นนั้น- สมองส่วนที่แม้แต่เจ้าของเองก็รู้สึกไม่ชอบนั่นแหละ- และที่หยางพึมพำว่า ช่างเย้ายวนเหลือเกิน ก็หมายถึงเรื่องนี้นั่นเอง

หากเขาเป็นผู้นำเบ็ดเสร็จ (เผด็จการนั่นแหละ) ของสมาพันธ์ละก็เขาจะต้องลงมือทำเช่นนั้นแน่ แต่นี่... เขาเป็นเพียงนายทหารคนหนึ่งในประเทศประชาธิปไตยเท่านั้นเอง ขอบเขตของการกระทำย่อมต้องถูกจำกัด หากเขาก้าวข้ามขอบเขตนั้นไปแล้ว ย่อมไม่แคล้วได้กลายเป็นลูดอร์ฟคนที่สองเป็นแน่

รอจนกระทั่งจูเลียนยกน้ำชาถ้วยเดิมซึ่งเย็นชืดไปเปลี่ยนเป็นชาร้อนแล้วยกมาตั้งให้ใหม่ หยางถึงได้รู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ความคิดของตน รีบกล่าวคำ “อะ ขอบใจ” แก่เด็กน้อย

“กำลังคิดอะไรอยู่หรือครับ?”

จูเลียนลองกลั้นใจถามดู แล้วก็ทำให้พลเอกที่หนุ่มที่สุดของกองทัพสมาพันธ์มีสีหน้ากระดากดุจเด็กเล็ก ๆ ที่ทำผิดแล้วโดนจับได้

“เรื่องที่ไม่สามารถเล่าให้คนอื่นฟังได้นะสิ... เฮ้อ คนเรา พอคิดแต่เรื่องจะเอาชนะกันแล้วนี่ ความกระหายในชัยชนะมันก็ตามออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุดเลยน้อ....”

“...”

“ว่าแต่... จูเลียน ได้ข่าวว่าเชนค็อปลงทุนสอนยิงปืนให้เธอด้วยตัวเองเลยนี่ เป็นไงบ้าง?”

“ก็ตามที่ท่านพลจัตวาบอก เขาว่าผมมีแววดีครับ”

“อะเหรอ... ดี ดี”

“ท่านผบ. ไม่เคยฝึกซ้อมยิงปืนเลยนี่ครับ ไม่เป็นไรเหรอครับอย่างนี้”

หยางหัวเราะออกมาคำหนึ่ง

“ฉันมันไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้น่ะ แล้วยังขี้เกียจซ้อมด้วย สงสัยป่านนี้ฝีมือการยิงปืนของฉันนี่ห่วยที่สุดในกองทัพสมาพันธ์แล้วมั้ง”

“อ้าว แล้วถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาจะป้องกันตัวได้ยังไงละครับ?”

“ถ้าแม่ทัพต้องจับปืนเพื่อต่อสู้ด้วยตัวเองละก็ สงครามครั้งนั้นก็แพ้แล้วละ เพราะฉะนั้น ฉันคิดแต่เพียงว่าทำอย่างไรไม่ให้เกิดสภาพนั้นขึ้นมาเท่านั้น”

“นั่นนะสิครับ ถ้างั้น เอางี้ละกัน ผมจะช่วยคุ้มกันให้ท่านแม่ทัพเองดีไหมครับ”

“ได้เลย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”

หยางตอบยิ้ม ๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำชา

จูเลียนมองผู้บัญชาการหนุ่ม แล้วก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า- ผู้ชายคนนี้แก่กว่าตน 15 ปี อยากรู้เหลือเกินว่า อีก 15 ปีให้หลัง ตนเองจะก้าวขึ้นไปถึงระดับเดียวกับเขาในตอนนี้ได้ไหมหนอ?

เด็กน้อยรู้สึกว่า นั่นช่างเป็นระยะทางที่ห่างไกลเหลือเกินสำหรับตน

.... ห้วงอวกาศยังคงเคลื่อนที่ต่อไป โดยมีกระแสความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนไหลเวียนในตัวมัน

ขณะนั้น เป็นเวลาปีสากลอวกาศที่ 796 ปีจักรวรรดิที่ 487 ทั้งไรน์ฮาร์ด ฟอน โรเอนกรัม และหยางเหวินหลี่ ต่างก็ไม่สามารถจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้เลยว่า ในอนาคต พวกตนจะเป็นเช่นไร

(จบเล่มหนึ่ง)
(อ่านตอนต่อไป)

กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1