โครงการสำคัญ
อันเนื่องมาแต่พระบรมราโชบายเพื่อการพัฒนาประเทศ
นับแต่เริ่มก่อตั้งศาลาแยกธาตุในปีพ.ศ.2460
แม้ว่าจะมีบุคลากรจำนวนน้อย และเครื่องมือก็ยังขาดแคลน
แต่ศาลาแยกธาตุก็ได้ทำหน้าที่ต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง
ทั้งตรวจสอบวิเคราะห์สารประกอบทางเคมีในแร่ธาตุต่าง ๆ
เพื่อประโยชน์ของทางราชการ และทำการศึกษาหาทางนำเอาทรัพยากรของชาติ
โดยเฉพาะพืชพันธุ์ต่าง ๆ มาผลิตเป็นสินค้าอุตสาหกรรม
ดังปรากฏในรายงานครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ของศาลาแยกธาตุว่า
กิจการสำคัญที่ได้กระทำไปได้แก่
-
การแยกธาตุเงินตราของกรกษาปณ์
เพื่อเปลี่ยนแปลงส่วนผสมเนื้อเงินใหม่ให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติน้ำหนักเงินตรา
-
การตรวจสอบส่วนผสมของยาต่างประเทศ
และยาที่โอสถศาลาของรัฐบาลปรุงเองว่าบริสุทธิ์
และมีคุณสมบัติตามตำรับยาหรือไม่
-
การวิเคราะห์ตรวจสอบความบริสุทธิ์ของน้ำประปา
-
การศึกษาเพื่อตรวจสอบหาวัตถุดิบที่จะใช้ในการฟอกหนังและการทำกระดาษ
-
การทดลองคั้นน้ำมันจากเมล็ดพืชประเภทต่าง ๆ
ที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ เช่นน้ำมันรำข้าว
เป็นต้น
-
การวิเคราะห์พืชสมุนไพรที่อาจใช้ทำยาได้
ซึ่งที่ประสบไปแล้วก็คือการสะกัดน้ำมันเมล็ดกระเบาเพื่อใช้ในการรักษาโรคเรื้อน
-
การวิเคราะห์น้ำให้แก่กรมรถไฟหลวง
เพื่อตรวจสอบน้ำที่จะใช้ได้เหมาะกับหม้อน้ำรถไฟโดยไม่ทำให้เกิดคราบและตะกรัน
-
การวิเคราะห์ตรวจสอบดิน สารอาหารในดิน และสิ่งที่จะใช้ทำปุ๋ยเคมี
โดยมีโครงการทดลองที่คลองรังสิตร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ
จากผลของการที่หน่วยงานต่าง ๆ
ได้อาศัยศาลาแยกธาตุในการให้ความช่วย
เหลือวิเคราะห์และตรวจสอบโดยอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์
ทำให้ศาลาแยกธาตุเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
และมีปริมาณงานเพิ่มมากขึ้นจนเกินความสามารถของสิ่งอำนวยความสะดวกและบุคลากรที่มีอยู่
ดังปรากฏในรายงานของศาลาแยกธาตุฉบับที่ 3 ว่า
"เรื่องที่กรมนี้ให้ความสะดวกในการแยกธาตุแก่กระทรวงทบวงการต่างๆ
และประชาชนทั่วไป เป็นที่รู้ดีกันแล้ว...การสืบ
เสาะพันธุ์ไม้ซึ่งกองตรวจพันธุ์รุกขชาติจัดส่งมา
เพื่อคิดทำให้เป็นสินค้าขึ้นนั้น
เป็นหน้าที่สำคัญอันหนึ่งของศาลาแยกธาตุ
แต่ว่างานด่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของศาลาแยกธาตุมีมาก
เจ้าพนักงานจึงไม่ค่อยมีเวลาพอที่จะทำการแผนกทำสิ่งของจากพันธุ์ไม้
ถ้าจะทำการแผนกนี้ให้เป็นผล
ศาลาแยกธาตุจำต้องเพิ่มเจ้าพนักงานขึ้นอีก"
ดังนั้นจึงได้มีการขยายงานโดยสร้างอาคารขึ้นอีก 1
หลังซึ่งเริ่มในปีพ.ศ.2466
เพื่อให้ศาลาแยกธาตุสามารถทำงานในส่วนการคิดค้นหาวัตถุดิบเพื่อการผลิตทางอุตสาหกรรมได้สะดวกขึ้น
ดังปรากฏในรายงานฉบับเดียวกันว่า
"ได้รับอนุญาตสร้างตึกและเครื่องมือเป็นเงิน
30,000 บาท สำหรับทำสิ่งของโดยใช้วิชาเคมี
ความประสงค์ก็คือจะสืบเสาะทำสิ่งของจากพันธุ์ไม้ต่าง ๆ
ซึ่งอาจเป็นมูลให้เกิดมีหัตถกรรมใหม่ ๆ ขึ้นในบ้านเมือง
หรือมีสินค้าใหม่ส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้เช่น ทำยา
คั้นน้ำมันออกจากเมล็ดพันธุ์ไม้ ทำของฟอกหนัง
สกัดน้ำมันหอมจากพันธุ์ไม้ ฯลฯ
งานแผนกนี้เมื่อได้ทำกันจริงจังพอควรแล้ว
ก็อาจทราบได้ว่าสิ่งของที่ทำขึ้นนั้น
มีค่าในทางพาณิชย์มากน้อยเพียงใด ทั้งจะมีสิ่งของที่ได้ทำขึ้นส่ง
ไปเป็นตัวอย่างให้แก่พ่อค้าได้ด้วย
งานนี้จะเผยแผ่พันธุ์พืชพื้นเมืองของประเทศสยาม
จะช่วยให้พลเมืองมีการงานอื่นทำอีก นอกจากทำนา
การหาเลี้ยงชีพอย่างอื่นนอกจากการทำนานั้น
เป็นสิ่งซึ่งเมืองไทยยังต้องการมาก
และอุตสาหกรรมอันจะพึงเกิดขึ้นใหม่ ซึ่งอาศัยวิชาเคมีอย่างง่าย ๆ
นั้น ก็จะเป็นการทำมาหากินของคนไทยชั้นกลางที่มีความรู้ต่อไป"
อาคารของศาลาแยกธาตุหลังใหม่พร้อมทั้งเครื่องมือนั้น
ได้แล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2468
ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนเงินงบประมาณอย่างร้ายแรง
ทำให้ไม่ได้รับอนุญาตให้บรรจุพนักงานเพิ่มขึ้นสำหรับงานส่วนนี้
และหลังจากนั้นศาลาแยกธาตุซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในด้านการบุกเบิกค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของไทย
ก็มีความสำคัญลดลงไปทุกขณะ
จนเมื่อมีการปรับปรุงระบบบริหารราชการของกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ
เพื่อตัดทอนรายจ่ายลง
ศาลาแยกธาตุจึงถูกยุบเลิกไปเช่นเดียวกับหน่วยงานอื่น ๆ
อีกหลายหน่วยงาน
* หมายเหตุ
อ้างจากบทความโดย รองศาสตราจารย์อสัมภินพงศ์ ฉัตราคม อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
|