มหากาพย์สงครามเนฟเวอร์แลนด์

ภาคหนึ่ง เจ้าหญิงแห่งทัพอสูรใหม่

ศึกบาร์ฮารา: อาวุธมีชีวิต


ในช่วงบ่ายวันนั้นเอง กองกำลังของสามสหายก็เผชิญเข้ากับบุคคลที่ไม่คาดฝัน

“เอ๊ะ มนุษย์นี่?!!!” ซาโต้สังเกตเห็นก่อน ห่างออกไปในซอกมุมหนึ่งของชั้นสองของหอคอยบาร์ฮาร่า มนุษย์กลุ่มหนึ่งกำลังใช้เครื่องมือขุดเจาะผนังกำแพงอย่างขะมักเขม้น ที่บริเวณใกล้ ๆ มีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่กำยำหนึ่ง และรูปร่างสันทัดหนึ่งยืนควบคุมกำกับการทำงานอยู่อย่างใกล้ชิด

“นั่นมัน....” ชิกอุทานออกมาเบา ๆ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้นก็สำเหนียกได้ถึงกองกำลังนินจาที่กำลังเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ เขาหันขวับมาทันที ทำให้พวกนีโอกลาดสังเกตได้ว่า ร่างสูงใหญ่ของชายผู้นี้อยู่ในชุดเสื้อเกราะหนักทั้งชุด รวมถึงหมวกเหล็กที่สวมครอบศีรษะทั้งใบไว้จนมิดชิดด้วย

“ตรวจพบกองกำลังไม่ทราบสัญชาติ เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ จะทำการโจมตีตามโปรแกรมเดิมทันที!!!”

เสียงเรียบ ๆ ไม่มีโทนสูงต่ำ ดังขึ้นเป็นจังหวะเนิบ ๆ ห้วน ๆ จากร่างของชายในชุดเสื้อเกราะ ขาดคำของเขา ร่างนั้นก็พุ่งทะยานตรงเข้าหากองกำลังนินจาทันที ทั้งนี้ ชายร่างเล็กที่อยู่ด้วยกัน ไม่แสดงท่าทีใส่ใจต่อผู้มาใหม่รวมทั้งปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมกลุ่มเลยแม้แต่น้อย ยังคงหันหลังให้และจ้องมองไปที่การทำงานของกลุ่มขุดเจาะอย่างสนอกสนใจ

“ระวัง!!!” ชิกตะโกนเสียงลั่นพลางทรุดกายลงหมอบกับพื้น เสี้ยววินาทีถัดมานั้นเอง เสียง “ปัง ๆ ๆ ๆ” ก็แผดลั่นขึ้นแสบแก้วหู อาวุธบินมีลักษณะเป็นโลหะเม็ดกลมวิ่งพุ่งแหวกอากาศมาจากร่างของชายร่างสูงผู้นั้น ตรงเข้าใส่กลุ่มนินจาทันที

“อ้าก ๆ ๆ” นินจาเกือบสิบคนที่เป็นเหยื่อสังเวย ‘กระสุนปืน’ นั้น ขณะที่ส่วนใหญ่-ที่อยู่ด้านหลังตั้งสติได้และหลบพ้นจากวิถีกระสุนอย่างรวดเร็ว

“อุ๊บ!” ซากิฟอนเองยกโล่ขึ้นบังกายไว้อย่างทันท่วงที โชคดีของเขาที่การใช้โล่เป็นไปตามหลักการรับอาวุธบิน นั่นคือ เขายกโล่ทำมุมเฉียงกับวิถีอาวุธ ทั้งนี้เพื่อให้อาวุธบินนั้นวิ่งมากระทบแล้วแฉลบออกไป ไม่ได้คิดที่จะยกโล่ตั้งรับตรง ๆ แน่นอนในกรณีหลัง โล่ของเขาย่อมไม่แข็งแกร่งพอที่จะทานอำนาจการทะลุทะลวงของกระสุนปืนกลนี้ได้ แต่.... ในการรบเป็นหมู่คณะจริง ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้โล่ในลักษณะนี้ เพราะอาวุธที่แฉลบไป ย่อมไปโดนเพื่อนร่วมทัพที่อยู่ข้าง ๆ ได้ ในตอนนี้เขาไม่ได้รบร่วมกับทัพอัศวินจึงสามารถกระทำเช่นนี้ได้

“เข้าสู่โหมดกวาดล้างข้าศึก!!!” เสียงดังจากชายลึกลับร่างสูงผู้นั้นอีก คราวนี้ ใบมีดคมยาว สีขาวแวววับผุดขึ้นที่มือทั้งสองและปลายเท้าทั้งสองของเขาราวกับเสกคาถา เขาตรงเข้ามาหาร่างของซากิฟอนที่ยืนจังก้าอยู่เป็นอันดับแรกทันที

“ฮึ่ม” “เคร้ง ๆ ๆ” ซากิฟอนสบถคำหนึ่งก่อนยกโล่รับคมดาบของอีกฝ่าย แล้วฟาดฟันดาบของตนกลับไป การสู้กันระหว่างทั้งสองเป็นไปเพียงอึดใจเดียว...อัศวินหนุ่มก็ตระหนักได้ถึงความผิดปกติของอีกฝ่าย

‘อะไรกันนี่ มันเป็นคนรึเปล่า ทำไมเรี่ยวแรงมหาศาลเช่นนี้?’

ไม่เพียงเรี่ยวแรงมหาศาล การเคลื่อนไหวก็ว่องไว ออกอาวุธคมดาบทั้งสี่รวดเร็วราวจักรผัน ไม่กี่กระบวนท่าถัดมา คมดาบที่ติดที่ปลายเท้าของชายลึกลับผู้นี้ก็ตวัดขึ้น หมายจะฟันร่างของซากิฟอนให้ขาดเป็นสองท่อน โดยที่ฝ่ายหลังไม่อยู่ในท่าร่างที่จะหลบหรือรับดาบนี้ได้แล้ว....

“เคร้ง” เป็นซาโต้ที่สอดดาบของตัวเองเข้ามาปัดป้องวิถีดาบของอีกฝ่ายให้เบี่ยงเบนออกไป

“ศัตรูเพิ่มจำนวนเป็นสอง” ชายลึกลับกล่าวเสียงเรียบเหมือนจะรายงานให้ใครสักคนได้รับทราบ และคราวนี้เขาก็ร่ายรำออกอาวุธใส่ทั้งซากิฟอนและซาโต้พร้อมกัน

“!!!” ซาโต้จับความผิดปกติได้ทันที เขาลอบส่งสายตาไปยังซากิฟอน เพื่อรับทราบว่าอีกฝ่ายก็กำลังหนักใจด้วยเรื่องเดียวกัน

‘บ๊ะ มันรบได้ไม่มีเหนื่อยเลยวุ้ย แถมยังเหมือนกับแยกร่างกันสู้กับเราแน่ะ’ ซาโต้รำพึงในใจ ใช่แล้วเป็นไปดังที่เขารู้สึก ศัตรูเบื้องหน้าแม้มีเพียงคนเดียว แต่ก็เหมือนกับมีสองคน พริบตาหนึ่งที่เขาตวัดดาบในมือทั้งสองข้างเข้าใส่ซากิฟอน อีกพริบตาต่อมา ก็ตวัดดาบเข้าหาซาโต้ โดยที่ฝ่ายหลังที่มีสองคนเสียอีกตกเป็นฝ่ายตั้งรับโดยตลอด ขณะนี้ บรรดานินจาในสังกัดของซาโต้ ต่างพากันแฝงกายคุมเชิงอยู่รอบข้าง และหาโอกาสช่วยนายกองของตนอยู่ หากแต่ซาโต้ตระหนักดีว่า โอกาสที่ลูกน้องของตนจะสอดมือเข้ามานั้น แทบจะไม่มีเลย

ชิกเหงื่อตกพลั่ก มิใช่เพราะความกลัวต่อการศึก หากแต่ด้วยอารมณ์ภายในใจของเขาต่างหาก

“ไม่....ไม่จริง....” ใบหน้าของเขาซีดเผือด เม็ดเหงื่อหยาดแล้วหยาดเล่าที่ไหลผ่านใบหน้าลงไป ใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ

การต่อสู้ของนักรบชุดเกราะกับหนึ่งอัศวินหนึ่งนินจายังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดโดยที่นับตั้งแต่ซาโต้เข้ามาลงมือด้วย ก็ยังไม่มีฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำแก่ฝ่ายใด แต่ทั้งสองฝ่ายเอง ก็ตระหนักดีว่า พละกำลังของฝ่ายหลังมีกำจัด และหากการต่อสู้ยืดเยื้อไปเท่าไร โอกาสผิดพลาดของฝ่ายซาโต้และซากิฟอนก็มีมากกว่า

ความเร็วในการต่อสู้ของทั้งสามคน เพิ่มขึ้นไปอีกโดยที่-ไม่ต้องสงสัยเลยว่า-ฝ่ายที่เพิ่มความเร็วก่อน คือ บุรุษลึกลับในชุดเกราะนั่นเอง ในสายตาของชิกตอนนี้ แทบจะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของคมดาบทั้งสี่ของชายผู้นี้แล้ว ได้ยินแต่เสียง “เคร้ง ๆ ๆ ๆ” ดังไม่ขาดระยะเท่านั้น ใจชื้นอยู่ที่-ดูเหมือนว่า-ทั้งซาโต้และซากิฟอนยังมองเห็นอาวุธของฝ่ายตรงข้ามได้อยู่ จึงยังสามารถรับได้อย่างเหนียวแน่น แต่สถานการณ์จะยังคงดำเนินไปเช่นนี้ได้อีกนานเท่าไร ทั้งสองคน-รวมทั้งชิกและบรรดาไพร่พลนินจาที่อยู่วงนอก-ก็ไม่สามารถรับประกันได้

‘และยังมีอีกคนละ?’ ชิกตระหวัดคิดถึงพวกของฝ่ายตรงข้ามที่กำลังสาละวนกับการขุดผนัง และดูเหมือนว่าการทำงานของพวกนั้นก็ใกล้จะเสร็จลงทุกขณะ ชายร่างเล็กเริ่มหันมามองการต่อสู้ที่เกิดขึ้นบ้างเป็นระยะ ๆ

กุนซือหนุ่มแห่งนีโอกลาดตัดสินใจทันที พลางคิดในใจว่า ‘บ้าที่สุด ทำไมต้องมาเจอกันในสภาพนี้ด้วยนะ?’

“พี่คาเมรอน! พี่คาเมรอนใช่ไหม? หยุดมือเถิดท่านพี่” แม้จะบังคับตัวอย่างไร แต่น้ำเสียงของชิกก็ยังไม่วายสั่นเครือด้วยความรู้สึกต่าง ๆ ที่ประดังกันขึ้นมา

“?!!!” ชายร่างเล็กที่ยืนควบคุมการขุดเจาะหันกายกลับมาเต็มตัว เปิดเผยให้เห็นว่าภายใต้ผ้าคลุมหลังที่ซ่อนรูปร่างของเขาไว้จากสายตาฝ่ายนีโอกลาดตั้งแต่เมื่อครู่เขาผู้นี้ก็แต่งกายในชุดเกราะมิดชิดทั้งตัวเหมือนกัน จากรูปลักษณ์ภายนอก เส้นกรอบรูปร่างที่ผอมโปร่ง เอวคอดกิ่วและสะโพกที่ผายออกอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่า เขาผู้นี้ไม่ใช่บุรุษเพศอย่างที่เข้าใจแต่แรกแล้ว หากแต่เป็นอิสตรีต่างหาก สายตาของ ‘เธอ’ มองมาทางชิกอย่างประหลาดใจแกมตื่นเต้น เมื่อได้ยินสาระที่หลุดจากปากของชิก ในขณะที่นักรบชุดเกราะที่บ้าระห่ำนั้นชะงักการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ

“พี่คาเมรอน!” ชิกส่งเสียงเรียกอีก

ซากิฟอนและซาโต้ถือโอกาสผละห่างออกจากตัวของชายชุดเกราะเบื้องหน้า แต่ยังคงย่อตัวลงต่ำและกระชับอาวุธคู่มือมั่นอย่างระมัดระวัง

“...” ความเงียบเกิดขึ้นระยะหนึ่ง ก่อนที่จะมีเสียงดังจากใบหน้าภายใต้หมวกเหล็กว่า “ข้อมูลไม่มีประโยชน์ ยกเลิกการประมวลผล คงโปรแกรมเดิม”

“ไม่ได้การ” ชิกรำพึงออกมาพลางวิ่งเข้าไปหาซาโต้ทันที “ท่านซาโต้ หนี!”

นินจาหน้าบากตอบสนองอย่างรวดเร็วทันใจ เขาขว้างระเบิดควันลงบนพื้นเบื้องหน้า ควันสีขาวหนาแน่นพวยพุ่งขึ้นจากพื้นขึ้นปกคลุมทั้งอาณาบริเวณอย่างรวดเร็วจนบดบังทัศนวิสัยทั้งหมด กว่าที่มันจะจางลงก็กินเวลาอีกหลายนาที ถึงบัดนั้น แน่นอนว่า บรรดากองกำลังจากนีโอกลาดได้อันตรธานหายไปจากบริเวณนั้นแล้ว

...

“พวกนั้นเป็นใครกัน? ท่านชิก” ซาโต้เอ่ยถามขึ้น หลังจากดูแลให้ลูกน้องนินจาของตนจัดกำลังเฝ้ารอบบริเวณที่พวกตนยึดเป็นค่ายที่มั่นและที่พักชั่วคราวสำหรับคืนนี้ พวกเขาหนีจากกลุ่มบุคคลลึกลับเมื่อครู่มาห่างไกลพอสมควร แต่ยังคงอยู่ในชั้นเดียวกันในหอคอยบาร์ฮาร่า

ซากิฟอนเองก็มองมาที่ชิกอย่างรอคอยคำตอบเหมือนกัน ขณะนี้ทั้งสามนั่งล้อมวงโดยทรุดกายบนก้อนศิลาใหญ่สามก้อนที่วางอยู่ใกล้ ๆ กันเป็นวงพอดี

“...” ชิกทำสีหน้าปั้นยาก แต่ยังไม่ยอมตอบใด ๆ ซากิฟอนเอื้อมมือมาตบบ่าสหายนินจาของตนแล้วกล่าวว่า

“เอาเถิด ถ้าเจ้าชิกไม่อยากบอกก็อย่าไปบังคับเขาเลย”

“...” ซาโต้นิ่งเงียบไม่พูดอะไร แต่กลับเป็นชิกที่เอ่ยปากขึ้นในที่สุดว่า

“พวกนั้น... ทหารองครักษ์ของจอมพลไกซาน แห่งสหพันธ์รัฐโดม”

“ลิ่วล้อของจอมพลไกซานแห่งโดมหรือ” ซาโต้ทวนคำ “ทำไมพวกนั้นมาอยู่ที่นี่ได้?”

“อะไรก็ไม่ร้ายเท่าฝีมือมันร้ายกาจเหลือเกิน” ซากิฟอนยอมรับตรง ๆ

ซาโต้ตาวาวเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ เขาจ้องหน้าชิกนิ่งจนฝ่ายหลังรู้สึก

“ท่านรู้จักกับพวกมันใช่ไหม?” เป็นคำถามของฝ่ายแรก

“...รู้จักแค่คนเดียว...เรียกว่าเคยรู้จักดีกว่า” หนุ่มน้อยผู้สวมแว่นตาตอบ “คนที่สู้กับท่านทั้งสองนั่นแหละ”

“เขาเป็นใครกัน?” ซากิฟอนถามบ้าง

“นี่ข้าได้ยินจากข่าวลือนะ ... เฮ้อ ไม่นึกเลยว่าจะเป็นความจริง...” ผู้มาจากสหพันธ์รัฐโดมกล่าว “คนคนนั้นก็คือ พันเอกซีโร่ นักรบอันดับหนึ่งแห่งโดม ขุนพลมือขวาของจอมพลไกซานและ...” หยุดเว้นระยะนิดหนึ่งเหมือนจะชั่งใจ แต่แล้วในที่สุดคำพูดคำต่อไปก็หลุดออกจากปากจนได้ “อดีตคือ พี่ชายของข้าเอง ชื่อคาเมรอน!”

“หา?” “อะไรนะ?” สหายทั้งสองผู้รูปรางสูงใหญ่กว่าอุทานพร้อมกัน

“แต่ก็แค่...‘อดีต’ เท่านั้นแหละ เพราะตอนนี้ .... สิ่งที่สู้กับท่านทั้งสองเมื่อครู่ ไม่ใช่มนุษย์ที่ชื่อคาเมรอนอีกต่อไป แต่เป็นมนุษย์แปลง ... มนุษย์ที่ถูกผ่าตัดเสริมเครื่องกลไกเข้าในร่างกายเพื่อดัดแปลงให้เป็นอาวุธสงครามมีชีวิตนั่นเอง!”

อธิบายมาถึงตอนนี้ ดวงตาทั้งคู่ของชิกอดที่จะปิดลงอย่างปวดร้าวใจไม่ได้ ถึงคราวที่ผู้ฟังทั้งสองคนจะทำสีหน้าปั้นยากบ้าง ทั้งคู่หันไปสบตากันเองอย่างสับสน แต่จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ ในเมื่อเขาทั้งสองได้ประมือกับเจ้ามนุษย์แปลงที่ว่านั้นมาแล้วด้วยตัวของตัวเอง

ชิกก้มหน้าลงใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปิดหน้าอย่างบีบคั้น น้ำเสียงของเขาสั่นเครือ จนจับได้ว่า เขากำลังร้องไห้!

“เมื่อครู่ ข้าลองเรียกชื่อท่านพี่ไปอย่างนั้นเอง นึกไม่ถึงเลยว่า ท่านพี่ยังจำชื่อนี้ได้อยู่... ไม่สิ เขาจำเสียงของข้าได้ด้วยแหละ นั่นความหมายว่า ท่านพี่ต้องตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ทรมานแสนสาหัสตลอดเวลาที่กลายเป็นมนุษย์แปลงนี่ ถ้าท่านพี่ลืมความเป็นมนุษย์ไปทั้งหมดเลย ลืมความหลังให้หมดเลยยังจะดีกว่าอีก...”

แต่ก็นั่นแหละ... หากมิใช่เพราะการเข้ามาขัดจังหวะของชิกแล้ว ป่านนี้ก็ไม่มีใครทราบได้ว่าผลการประทะกันเมื่อครู่จะออกมาเช่นไร? แต่ก็คงจะไม่ใช่ในทางที่ดีนัก สำหรับฝ่ายนีโอกลาด

“ขอโทษด้วย ชิก ที่ทำให้ท่านต้องลำบากใจ” อัศวินหนุ่มลุกขึ้นมายืนข้างเพื่อนร่างเล็กที่ยังคงก้มหน้าแนบกับฝ่ามืออยู่แล้วพูดปลอบพลางตบบ่าอีกฝ่าย

“... ไม่เป็นไร” ชิกเงยหน้าขึ้นตอบ ดวงตายังแดงก่ำ “แล้วเราจะทำยังไงกันต่อดี?”

“...” นินจาหันไปมองหน้าอัศวินอย่างจนปัญญา คำตอบอยู่ในใจทุกคนอยู่แล้วว่า ถ้าเดินหน้าต่อไปและพวกสหพันธรัฐโดมยังอยู่ ... โดยเฉพาะตัวพันเอกซีโร่นั้น... ก็คงไม่แคล้วต้องประทะสู้รบกันอีก ซึ่งเท่าที่ผ่านมา สามารถคาดการณ์ได้ว่า การสู้รบขั้นแตกหัก ไม่ว่าฝ่ายใดชนะก็ตามก็คงจะต้องสังเวยเลือดไปไม่น้อยเลยทีเดียว

“เราตั้งค่ายอยู่ดูลาดเลาแถวนี้ก่อนก็แล้วกัน... ท่าทางสัตว์ร้ายก็จะชุมน้อยที่สุดด้วย” ซากิฟอนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ “ฝากท่านซาโต้จัดหน่วยสอดแนมไปสังเกตการณ์พวก ‘นั้น’ ด้วย”

“ได้” ซาโต้รับคำสั้น ๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปสั่งการแก่ลูกน้อง ขณะที่เขาเดินผ่านหน้าของกุนซือหนุ่ม ก็เอื้อมมือไปตบบ่าให้กำลังใจเบา ๆ หนึ่งทีก่อนจึงเดินเลยไป

คืนนั้น กองกำลังฝ่ายนีโอกลาดก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหวไว้เพียงเท่านั้น เมื่อข่าวจากกองสอดแนมรายงานว่า กองกำลังของสหพันธรัฐโดมยังคงป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณที่คาดว่าเป็นบันไดทางขึ้นไปสู่ชั้นสามซึ่งเป็นเป้าหมายของการปฏิบัติการของพวกซากิฟอนในครั้งนี้

...


กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป
1