นวนิยายแฟนตาซีอวกาศเรื่องยาว

วีรบุรุษทางช้างเผือก銀河英雄伝説

เรื่อง โดย ทะนะกะ โยะชิกิ (田中芳樹) แปลโดย Pae

บทที่ 6 หลากวิถีหลากดวงดาว
-5-


ผู้ปกครองดินแดนปกครองตนเองเฟซาน- ลันเดสเฮล- ลูวินสกี้ กำลังนั่งฟังรายงานเกี่ยวกับยุทธการทางเศรษฐกิจจากผู้ช่วยของเขาที่คฤหาสน์หลังงาม
1031-luvinski.jpg

“บริษัทยูนิเวอร์สไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นดัมมี่ (บริษัทที่เปิดบังหน้า) ของรัฐบาลดินแดนปกครองตนเองของเรา ได้รับสัมประทานในการขุดเจาะทำเหมืองเชื้อเพลิงธรรมชาติที่ดาวเคราะห์ดวงที่ 7 และ 8 ของหมู่ดาวบารัทพูลจากทางสมาพันธ์แล้วขอรับ ปริมาณแร่สำรองในเหมืองรวมกันทั้งสิ้น 48 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร คาดว่าในอีกสองปีข้างหน้าจะถึงจุดคุ้มทุนขอรับ”

ผู้ช่วยชำเลืองมองลูวินสกี้พยักหน้า แล้วเขาก็รายงานต่อไป

“เรื่องต่อไป เกี่ยวกับบริษัทขนส่งระหว่างหมู่ดาวฤกษ์ที่ใหญ่ที่สุดในสมาพันธ์ คือ บริษัทซานตาครู้สไลน์นั้น เรามีส่วนแบ่งผู้ถือหุ้นถึง 41.9 เปอร์เซนต์แล้วขอรับ โดยแบ่งเป็นนามผู้ถือหุ้นที่แตกต่างกันถึงยี่สิบราย คาดว่าฝ่ายนั้นคงยังไม่มีใครรู้ตัว ว่าตอนนี้ สัดส่วนผู้ครองหุ้นของเรามากกว่าบริษัทที่ดำเนินการโดยรัฐบาลสมาพันธ์ซึ่งเดิมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว”

“ดีมาก แต่อย่าเพิ่งปล่อยมือ จนกว่าเราจะกว้านหุ้นมาได้เกินครึ่งหนึ่ง”

“แน่นอนขอรับ เรื่องต่อไป เป็นด้านจักรวรรดิบ้าง เราได้รับอนุมัติให้ลงทุนในโครงการพัฒนาเกษตรกรรมในหมู่ดาวไกลโพ้นเขตที่เจ็ดเรียบร้อยแล้วขอรับ อ่า... หมายถึงโครงการที่ว่า จะขนน้ำปริมาณ 20 หมื่นล้านล้านตันจากดาวเคราะห์ดวงที่สองในหมู่ดาวไอเซนเฮิร์ทซ์เพื่อไปแจกจ่ายใช้ในดาวเคราะห์แห้งแล้งจำนวนแปดดวง และผลิตพืชผลทางเกษตรเพิ่มให้เพียงพอสำหรับประชากรจำนวนห้าพันล้านคนน่ะขอรับ”

“แล้วอัตราส่วนการลงทุนล่ะ?”

“ดัมมี่ของรัฐบาลเราจำนวนสามบริษัท มีอัตราส่วนการลงทุนรวมกัน 84 เปอร์เซนต์ขอรับ เรียกได้ว่าในทางปฏิบัติแล้วเราเป็นคนผูกขาดเลยก็ว่าได้ขอรับ เรื่องต่อไป เกี่ยวกับโรงงานผลิตโลหะเรเดียมที่อินกอลสตัดท์...”

หลังจากลูวินสกี้ฟังรายงานทั้งสิ้นจบแล้ว เขาก็ให้ผู้ช่วยกลับออกไปก่อน ส่วนตัวเองลุกขึ้นมายืนมองทิวทัศน์ที่ข้างผนังห้อง

สภาพ ณ ปัจจุบัน เรียกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี ทั้งฝ่ายจักรวรรดิก็ดี หรือสมาพันธ์ก็ดี ในยามที่กล่าวถึงคำว่าสงคราม บรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลายล้วนแล้วแต่มีแนวโน้มฝังหัวที่จะคิดถึงแต่การลากยานรบอวกาศมาประจันหน้าแล้วสาดจรวดมิสซายน์ความเร็วแสงเข้าใส่กันเท่านั้น ระหว่างที่เจ้าพวกคร่ำครึโง่เง่าเหล่านี้มัวแต่ทำสงครามกันอยู่ รากฐานทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศทั้งสองก็คงจะค่อย ๆ ตกอยู่ในกำมือของเฟซานจนหมดสิ้นแม้แต่รากฐานก็ไม่เหลือเป็นแม่นมั่น ดูแต่ในขณะนี้เถิด พันธบัตรรัฐบาลที่รัฐบาลทั้งสองประเทศตีพิมพ์ออกมาใช้ในยามสงครามนั้น จำนวนกว่าครึ่งถูกซื้อมาเก็บไว้โดยรัฐบาลเฟซานทั้งทางตรงและทางอ้อม

บริเวณใดก็ตามในอวกาศที่มีผู้คนอาศัยอยู่ ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ภายใต้อำนาจทางเศรษฐกิจของเฟซานทั้งสิ้น และในอนาคตทั้งรัฐบาลจักรวรรดิก็ดี รัฐบาลสมาพันธ์ก็ดี ก็จะมีหน้าที่เพียงเป็นตัวแทนดำเนินนโยบายที่เอื้ออำนวยผลประโยชน์ให้แก่เฟซานยิ่ง ๆ ขึ้นไปเท่านั้น แน่นอน กว่าจะถึงวันนั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกยาวนานพอสมควร แต่ถ้าวันนั้นมาถึงแล้วก็เรียกได้ว่า เป้าหมายที่แท้จริงของเฟซานก็อยู่แค่เอื้อม...

หากแต่... แน่นอนว่า จะลืมความสำคัญของการดำเนินการทางการเมืองและการทหารไปเลยนั้นหาได้ไม่ พูดง่าย ๆ ก็คือ หากจักรวรรดิหรือสมาพันธ์ก็ดี ตกอยู่ภายใต้อำนาจใหม่ที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่จะจัดสร้างโครงสร้างการปกครองขึ้นใหม่ได้แล้วไซร้ ฐานะของเฟซานก็หมดความสำคัญและหมดความหมายใด ๆ ไปทันที และก็ซ้ำรอยกับประเทศเมืองท่าเล็ก ๆ ในอดีตของมนุษยชาติที่ถูกจักรวรรดิเกิดใหม่ไล่ล่าเข้าเป็นอาณานิคมด้วยอำนาจทางการเมืองและการทหารที่เหนือกว่า

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง เฟซานก็สูญเสียหนทางที่จะบรรลุเป้าหมายสุดท้ายไปชั่วนิรันดร์ ดังนั้นจะยอมให้ “จักรวรรดิทางช้างเผือกใหม่” ถือกำเนิดขึ้นมิได้เป็นอันขาด

-- จักรวรรดิทางช้างเผือกใหม่?.... หรือ--

ความคิดนั้น ทำให้ลูวินสกี้รู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ณ ปัจจุบัน จักรวรรดิทางช้างเผือกของราชวงศ์โกลเดนบาวม์นั้นกำลังเสื่อมทรามถึงขีดสุด การที่จะตั้งตัวได้ใหม่นั้นคงเป็นไปได้ยากเต็มที ต่อให้พวกเขาแตกตัวออกเป็นประเทศอิสระเล็ก ๆ และมีประเทศหนึ่งในนั้นที่สามารถรวบรวมดินแดนทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ใหม่ ก็คงต้องใช้เวลาอีกหลายศตวรรษเลยทีเดียว

อีกด้านหนึ่ง ทางสมาพันธ์ดาวเคราะห์เสรีก็เช่นกัน ได้สูญเสียเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งประเทศไปหมดสิ้นแล้ว และดำเนินความเป็นประเทศไปอย่างแกน ๆ ไร้แก่นสารใด ๆ การหยุดชะงักของการเสริมสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมนั้น ได้ก่อให้เกิดความไม่พอใจในประชากรระดับล่างโดยทั่วหน้า จะเห็นได้จากมีการโวยวายถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างดาวเคราะห์ต่าง ๆ ที่มารวมกันเป็นสมาพันธ์อยู่ไม่ขาดสาย ตราบใดที่ไม่มีผู้นำที่เด็ดขาดและมีความสามารถโดดเด่น จนรวบรวมอำนาจสร้างประเทศขึ้นใหม่ได้แล้วละก็ สภาพน่าอึดอัดเช่นนี้ของสมาพันธ์ก็คงจะดำเนินต่อไปอีกนานเท่านาน

เมื่อห้าศตวรรษก่อน ชายหนุ่มนาม ลูดอร์ฟ ฟอน โกลเดนบาวม์ เจ้าของร่างยักษ์ซึ่งเปี่ยมแน่นด้วยพลังความทะเยอะทะยานทางการเมือง ได้ประสบความสำเร็จในการยึดครองสหพันธ์ทางช้างเผือก (USG) ไว้ใต้อำนาจของตนเอง แล้วพาตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้ใดจักล่วงละเมิดมิได้ และนั่นคือ การถือกำเนิดจอมเผด็จการสูงสุดอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรมเสียด้วย ปรากฏการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อีกหรือไม่หนอ? หากใช้วิธียึดครองระบบอำนาจเดิมแล้วละก็ ก็จะสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แม้จะเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องก็ตามเถิด...

รัฐประหารหรือ... ช่างเป็นวิธีที่น่าสนใจสำหรับบรรดาผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจการปกครองทั้งในด้านการเมืองและการทหารเสียเหลือเกิน แม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่เก่าไปหน่อยก็ตาม แต่ก็ยังคงมีมนต์ขลังยั่วยวนใจคนมิรู้หาย

ลูวินสกี้ยื่นมือไปกดปุ่มบนแผงควบคุม แล้วเรียกผู้ช่วยของเขาเข้ามา

“ความน่าจะเป็นที่จะเกิดรัฐประหารในทั้งสองประเทศหรือขอรับ?”

คำสั่งของลันเดสเฮล ทำให้เขาประหลาดใจ

“หากท่านลันเดสเฮลมีคำสั่งเช่นนั้น ข้าฯ น้อยก็จะรีบไปดำเนินการหาข้อมูลมาให้ทันทีขอรับ ว่าแต่... มีลางบอกเหตุอันใดที่ทำให้ท่านจู่ ๆ ก็ยกประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาหรือขอรับ?”

“ไม่มีอะไรหรอก เรานึกขึ้นมาได้เฉย ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ไม่เสียหลายมิใช่หรือ ที่จะเตรียมพร้อมรับมือความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นไว้ทุก ๆ ด้านน่ะ”

ลันเดสเฮลคิดต่อในใจว่า ถึงแม้เขาจะไม่พอใจเท่าไรนัก ที่จะปล่อยให้ผู้นำซึ่งทั้งสมองและจิตใจเน่าฝ่อหมดแล้วยังคงอำนาจสูงสุดอยู่ก็ตาม แต่ในตอนนี้ เฟซานยังจำเป็นต้องให้ประเทศทั้งสองดำรงคงอยู่ต่อไปก่อน จนกว่าจะถึงวันนั้น... วันที่เฟซานบรรลุเป้าหมายซึ่งทั้งจักรวรรดิและสมาพันธ์ไม่มีทางคิดถึงมาก่อนเลย
(อ่านตอนต่อไป)

กลับไปอ่านตอนที่แล้ว +++ กลับไปหน้าสารบัญ +++ ไปอ่านตอนต่อไป 1