บทที่ 2
การติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์
(Windows NT Server Installation)
ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์ถูกออกแบบมาให้สามารถติดตั้งได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
ที่มีหน่วยประมวลผลกลาง(CPU) หลายประเภท ได้แก่
-
Intel 80486 หรือ สูงกว่า เช่น Pentium,
Pentium-Pro, Pentium II
-
RISC ได้แก่ MIPS
-
Alpha ของบริษัท Digital Equipment
ความต้องการทรัพยากร
เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่จะติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์
4.0 ควรจะมีลักษณะดังนี้
ทรัพยากร
|
ความต้องการ
|
จอภาพ |
VGA หรือ สูงกว่า |
จานแม่เหล็ก |
ที่ว่างอย่างน้อย110 MB |
CD-ROM |
1 เครื่อง หรือ พื้นที่ว่างในจานแม่เหล็ก
135 MB หากไม่ต้องการ ติดตั้งผ่าน CD-ROM |
การ์ดเครือข่าย |
1 การ์ด หรือ มากกว่า |
หน่วยความจำ |
อย่างน้อย 16 MB (ควรใช้ 32 MB
: ตามความเห็นของผู้เรียบเรียง) |
เมาส์ |
1 ตัว |
ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์
สามารถติดตั้งได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ/รุ่นต่างๆ และสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆได้มากกว่า
2,300 รายการ(Intel-based) รายการอุปกรณ์ต่างๆที่ผ่านการทดสอบของไมโครซอฟต์
สามารถดูได้จากแฟ้ม Hardware Compatibility List(HCL) ซึ่งมาพร้อมกับแผ่น
CD-ROM ของระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์นั้น หรือดูได้ที่เวปไซต์ของไมโครซอฟต์
http://www.microsoft.com
ระบบบัสของเครื่องคอมพิวเตอร์
ระบบบัสภายในของเครื่องคอมพิวเตอร์ปัจจุบันแบ่งออกได้เป็น
3 ประเภทคือ
-
ISA (Industrial Standard Architechture)
-
EISA (Extended Industrial Standard
Architechture)
-
PCI (Peripheral Component Interconnect)
ระบบบัสเหล่านี้มีหน้าที่ในการรับ-ส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์บนแผงวงจรหลัก(Main
Board) กับ อุปกรณ์ต่อพ่วง เช่น การ์ดจอภาพ, การ์ดเครือข่าย หรือการ์ดควบคุมจานแม่เหล็กแบบ
SCSII โดยที่
-
PCI มีขนาดการรับส่งข้อมูลครั้งละ 64
บิต
และมีความเร็วในการรับ-ส่ง 132-264 เมกกะบิต/วินาที
-
EISA มีขนาดการรับส่งข้อมูลครั้งละ
32 บิต ความเร็ว 66 เมกกะบิต/วินาที
-
ISA มีขนาดการรับส่งข้อมูลครั้งละ 16
บิต ความเร็ว 10 เมกกะบิต/วินาที
เครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน(1997)
มักจะมี Slot เพื่อเชื่อมต่อ 2 แบบคือ PCI และ ISA (โดยทั่วไป ช่องเสียบ PCI
จะมีสีขาว ส่วน ISA จะมีสีดำ) ตัวอย่างเมนบอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แสดงระบบบัสแบบ
ISA และ PCI เป็นดังรูป
ระบบจานแม่เหล็ก
จานแม่เหล็กที่ใช้งานในระบบคอมพิวเตอร์นั้นจะถูกควบคุมโดยการ์ดควบคุม(Disk
Controller) โดยทั่วไปการ์ดควบคุมจานแม่เหล็กจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ
-
SCSI (Small Computer System Interface)
-
IDE (Integrated Device Electronics)
ความเร็วของ SCSI จะเริ่มตั้งแต่ 20
MegaByte/Sec ถึง 40 MB/Sec สำหรับ IDE 10-20 MB/Sec โดยทั่วไป IDE จะมีราคาต่ำกว่า
SCSI นอกจากนี้ IDE Controller ยังถูกสร้างเข้าไปในแผงวงจรหลักของเครื่องทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ในการซื้อการ์ดควบคุมเหมือนกับการ์ดควบคุมแบบ SCSI
การเลือกใช้จานแม่เหล็กจะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน
ซึ่งถ้าใช้งานเป็นเครื่องแม่ข่าย(Server) ควรใช้แบบ SCSI เนื่องจากสามารถรองรับการใช้งานในลักษณะที่ใช้ร่วมกันหลายๆผู้ใช้ในเวลาเดียวกันได้ดีกว่าแบบ
IDE ถ้าเป็นเครื่องลูกข่าย(Workstation) อาจใช้แบบ IDE เนื่องจากมีราคาถูกและการใช้งานเป็นแบบใช้คนเดียว
การ์ดแบบ SCSI บางครั้งเรียกว่า
Host Adaptor นอกจากมีข้อดีที่กล่าวมาแล้ว ยังสามารถต่อพ่วงอุปกรณ์หลายๆประเภทได้อีก
7 ตัวด้วยกัน(เช่น CD-ROM, Optical Disk, Scanner) การนำ SCSI มาใช้งานจะต้องนำเอาการ์ด
SCSI มาเสียบในช่องว่าง(Slot)บนแผงวงจรหลัก โดยต้องตรวจสอบว่าใช้กับบัสแบบใดระหว่าง
PCI หรือ ISA แล้วต่อพ่วงอุปกรณ์จากการ์ด SCSI มายังจานแม่เหล็กแบบภายใน หรือต่อพ่วงไปยังอุปกรณ์ที่ติดตั้งภายนอกอื่นๆโดยใช้สายพ่วง
ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกันไปเรื่อยๆดังรูป
เมื่อต่อพ่วงเสร็จแล้ว ก่อนใช้งานจะต้องกำหนดหมายเลขอุปกรณ์(SCSI
ID)ให้ถูกต้อง โดยจะต้องกำหนดหมายเลขของอุปกรณ์ไม่ให้ซ้ำกัน และกำหนดอุปกรณ์ที่จะทำหน้าที่บูท(Boot)ระบบให้มี
SCSI ID เท่ากับ 0 จึงจะสามารถบูทระบบปฎิบัติการที่อยู่ในอุปกรณ์นั้นขึ้นมาได้
การสนับสนุนการ์ดแบบ SCSI ของวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์
วินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์นอกจากสนับสนุนจานแม่เหล็กแบบ
SCSI ที่ได้กล่าวมาแล้ว วินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์ยังสนับสนุนอุปกรณ์ SCSI
อย่างอื่นอีก เช่น CD-ROM, Tape Drive, Removable Disk Drive ฯลฯ การเลือกการ์ดและอุปกรณ์
SCSI ให้ดูจาก Hardware Compatibility List เพื่อความสะดวกในการติดตั้ง หากอุปกรณ์ที่ใช้ไม่อยู่ในรายการ
HCL การติดตั้งจำเป็นต้องนำเอาไดร์เวอร์ของอุปกรณ์นั้นมาติดตั้งเพิ่มเข้าไปซึ่งจะทำให้มีความยุ่งยากในการติดตั้ง
การ์ด SCSI นั้นมีผู้ผลิตอยู่เป็นจำนวนมากบริษัทที่มีชื่อเสียงได้แก่ COMPAQ,
DEC, Hitachi, IBM, NEC, Panasonic, Sony, Adaptec
การสนับสนุนการ์ดจอภาพ
วินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์สนับสนุนการ์ดจอภาพมากมาย
โดยทั่วไปจอภาพที่ควรใช้จะเป็นจอภาพชนิด Video Graphic Array (VGA) แต่ถ้าการ์ดจอภาพนั้นไม่ได้อยู่ใน
HCL แล้วผู้ผลิตจะให้ไดร์เวอร์มาด้วย ซึ่งเมื่อติดตั้งเข้าไปจะทำให้จอภาพทำงานได้อย่างถูกต้อง
สื่อ(Media)ที่ใช้ในการติดตั้งวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์
การติดตั้งวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์สามารถติดตั้งโดยใช้แผ่นดิสเก็ตหรือ
CD-ROM โดยทั่วไปการติดตั้งจากแผ่น CD-ROM จะง่ายและรวดเร็วกว่าเนื่องจากไม่ต้องคอยถอด/ใส่แผ่นดิสเก็ตทีละแผ่น
วิธีการติดตั้งวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์
วิธีการติดตั้งวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์ทำได้ดังนี้
-
ติดตั้งจากแผ่นดิสเก็ต
-
ติดตั้งจาก CD-ROM และมีการสร้างแผ่นดิสเก็ตเพื่อช่วยในการติดตั้ง
3 แผ่น (Boot Disk)
-
ติดตั้งจาก CD-ROM แต่ไม่มีการสร้าง
Boot Disk โดยการใช้ Option การติดตั้ง /B
วิธีการที่ 3 อาจทำได้อีกแบบหนึ่งในกรณีที่เครื่องที่ติดตั้งไม่มี
CD-ROM แต่จะต้องมีการ์ดเครือข่าย โดยการบูทระบบปฎิบัติการอื่นก่อน แล้วทำการเชื่อมต่อกับเครือข่าย
เมื่อเชื่อมกับเครือข่ายได้แล้วก็ทำการก๊อปปี้ โปรแกรมติดตั้งที่อยู่ในไดเร็คทอรี่
I386 (ในเซอร์ฟเวอร์เครือข่ายที่มีอยู่แล้ว อาจเป็น NetWare, NT หรือ OS/2)
เข้ามาเก็บไว้ใน Local Drive แล้วติดตั้งโดยใช้คำสั่ง WINNT /B
ขั้นตอนการติดตั้งวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์โดยย่อ
-
บูทเครื่องโดยใช้แผ่น Windows NT Server
Startup Disk (แผ่นที่ 1 จากแผ่น Setup ที่มีอยู่ 3 แผ่น) หรือ บูทเข้าสู่
DOS แล้วใช้คำสั่ง WINNT/B ก่อนใช้คำสั่งนี้ต้องเปลี่ยนไดเร็คทอรี่ปัจจุบันให้เป็นไดเร็คทอรี่ที่เก็บโปรแกรม
Setup ไว้ เช่น C:\I386 หรือใน CD-ROM D:\I386 เป็นต้น ในกรณีที่เป็นการ Upgrade
จาก NT 3.51 ให้บูท NT 3.51 ขึ้นมาก่อนแล้วรันคำสั่ง WINNT32 แทน
-
เลือกตำแหน่งที่เก็บโปรแกรม Setup ของวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์
-
เลือกพาร์ติชันของจานแม่เหล็กที่ต้องการติดตั้งระบบปฎิบัติการวินโดวส์เอ็นที
และ ต้องตัดสินใจว่าต้องการระบบแฟ้มข้อมูลเป็นแบบ FAT หรือ NTFS (ในจานแม่เหล็กหนึ่งชุด
เราสามารถกำหนดให้มีพาร์ติชันได้หลายๆพาร์ติชัน แต่ละพาร์ติชันอาจมีระบบปฎิบัติการที่แตกต่างกันได้
หรืออาจเป็นเพียงพาร์ติชันข้อมูลก็ได้ การแบ่งพาร์ติชันทำได้หลายวิธี เช่น
ใช้คำสั่ง FDISK ใน DOS, ใช้ Disk Administrator Utility ในวินโดวส์เอ็นที,
หรือแม้แต่ในขณะที่ติดตั้งวินโดวส์เอ็นทีก็สามารถจัดการพาร์ติชั่นได้)
-
เลือกว่าจะฟอร์แมตพาร์ติชันด้วยหรือไม่
-
กำหนดไดเร็คทอรี่/โฟลเดอร์ ที่จะเก็บไปรแกรมวินโดวส์เอ็นที
-
ระบุชื่อหน่วยงานและชื่อผู้ใช้
-
เลือกประเภทลิขสิทธิ์การใช้ (Licensing
Mode : Per Server หรือ Per Seat)
-
ตั้งชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์
-
กำหนดบทบาทของเครื่องคอมพิวเตอร์ว่าทำหน้าที่ใดต่อไปนี้
-
Stand-Alone Server
-
Primary Domain Controller (PDC)
-
Backup Domain Controller (BDC)
-
ตั้งรหัสผ่านของผู้ดูแลระบบ (รหัสบัญชีผู้ใช้ที่กำหนดให้เป็นผู้ดูแลระบบคือ
Administrator)
-
เลือกว่าต้องการสร้าง Emergency Repair
Diskette (ERD) หรือไม่
-
เลือกโปรแกรมที่ต้องการติดตั้ง เช่น
Accessories, Communication, Games, Microsoft Exchange, Multimedia
-
เลือกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะเชื่อมโยงกับเครือข่ายหรือไม่
ถ้าเชื่อมโยงกับเครือข่ายจะเชื่อมโยงโดยวิธีใด ระหว่าง ใช้โมเด็ม กับ ใช้การ์ดเครือข่าย(LAN
Card)
-
เลือกว่าจะติดตั้ง Internet Information
Server (IIS) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ตของไมโครซอฟต์ด้วยหรือไม่
-
เลือกว่าต้องการให้ตรวจจับว่าการ์ดเครือข่ายเป็นของบริษัทใดหรือไม่
หรือต้องการระบุชนิดของการ์ดเครือข่ายเองซึ่งในกรณีนี้จะต้องมีไดร์เวอร์ของการ์ดเครือข่ายที่ใช้กับวินโดวส์เอ็นทีเตรียมพร้อมไว้ด้วย
-
เลือกโปรโตคอลเครือข่าย(Network Protocol)
ที่ต้องการติดตั้ง มีให้เลือกอยู่สามแบบ การเลือกสามารถเลือกได้มากกว่าหนึ่งแบบจากรายการดังต่อไปนี้
-
NetBEUI
-
NWLink IPX/SPX Compatible Transport
-
TCP/IP
-
เลือกบริการด้านเครือข่ายที่ต้องการ(Network
Services)
-
ระบุชนิดของการ์ดเครือข่าย และรายละเอียดของการ์ด
ได้แก่ อินเทอร์รัป(Interrupt Request หรือ IRQ) และ IO Port Address
-
ถ้าเลือกโปรโตคอล NWLink IPX/SPX หรือ
TCP/IP จะต้องกำหนดรายละเอียดการปรับแต่งของโปรโตคอลที่เลือก
-
ถ้าเลือกบทบาทให้เป็น PDC จะต้องกำหนดชื่อโดเมนที่จะให้ควบคุม
-
ถ้าเลือกติดตั้ง IIS จะต้องระบุโปรแกรมและบริการ(Services)ที่ต้องการติดตั้ง
-
กำหนด วันที่/เวลา และ Time-zone
-
ถ้าเลือกให้สร้าง ERD โปรแกรมติดตั้งจะให้ใส่แผ่นดิสเก็ตเพื่อสร้าง
Emergency Repair Diskette
ระบบแฟ้มข้อมูล FAT และ NTFS
ระบบแฟ้มข้อมูลแบบ FAT (File Allocation
Table) เป็นระบบแฟ้มข้อมูลที่ใช้กันมาตั้งแต่ ระบบ ปฎิบัติการ DOS ซึ่งมีข้อจำกัดในการตั้งชื่อแฟ้มข้อมูลที่ยาวไม่เกิน
8.3 (ชื่อแฟ้มยาว 8 ตัวอักษร, นามสกุลยาว 3 ตัวอักษร) และในกรณีที่ใช้งานไปนานๆจะมีการกระจายของที่ว่าง(Fragmentation)ในระบบมากขึ้นทำให้การอ่าน/เขียนข้อมูลช้าลง
อย่างไรก็ตามระบบแฟ้มข้อมูลแบบ FAT ก็มีข้อดีคือ สามารถติดตั้งระบบปฎิบัติการอื่นๆได้แก่
DOS, Windows 3.11, Windows for Workgroup, Windows 95, OS/2 พร้อมกันกับวินโดวส์เอ็นทีได้
ทำให้สามารถเลือกที่จะทำงานกับระบบปฎิบัติการใด้มากกว่าหนึ่งชนิดในจานแม่เหล็กชุดเดียวกัน
ระบบแฟ้มข้อมูลแบบ NTFS (NT File
System) เป็นระบบแฟ้มข้อมูลที่ออกแบบมาให้ใช้สำหรับวินโดวส์เอ็นทีโดยเฉพาะ
ซึ่งมีข้อดีในด้านต่างๆดังนี้
-
การรักษาความปลอดภัยที่สามารถกำหนดได้ละเอียดมากขึ้น
-
สามารถตั้งชื่อแฟ้มข้อมูลได้ยาวถึง
255 ตัวอักษรซึ่งยังคงความเข้ากันได้กับแฟ้มข้อมูลแบบ 8.3
-
สามารถบีบอัด(Compress)แฟ้มข้อมูล เพื่อให้เก็บข้อมูลได้มากขึ้น
สำหรับข้อเสียของ NTFS มีดังนี้
-
ไม่สามารถติดตั้งระบบปฎิบัติการอื่นๆพร้อมกันได้
เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีระบบปฎิบัติการที่สนับสนุน NTFS นอกจากวินโดวส์เอ็นที
(วินโดว์ 95 เวอร์ชันต่อไปอาจติดตั้งได้บน NTFS)
-
ถ้าไม่สามารถบูทวินโดวส์เอ็นทีได้ ก็ไม่สามารถดึงข้อมูลมาใช้ด้วยระบบปฏิบัติการแบบ
DOS ได้ ต้องทำการติดตั้งวินโดวส์เอ็นทีใหม่หรือแก้ไขให้วินโดวส์เอ็นทีบูทขึ้นมา
หรือนำเป็นติดตั้งเป็นไดรว์ข้อมูลกับวินโดวส์เอ็นทีเครื่องอื่นที่บูทเครื่องขึ้นมาได้
จึงจะนำเอาข้อมูลเดิมมาใช้ได้
ขณะติดตั้งวินโดวส์เอ็นทีจะมีขั้นตอนของการฟอร์แมตจานแม่เหล็กให้เป็นระบบแฟ้มข้อมูลแบบ
FAT หรือ NTFS ถ้ายังไม่ต้องการฟอร์แมตให้เป็น NTFS ในขณะติดตั้ง เมื่อภายหลังต้องการเปลี่ยนเป็น
NTFS สามารถทำได้โดยใช้คำสั่ง CONVERT ผ่าน DOS Prompt โดยมีรูปแบบของคำสั่งดังนี้
CONVERT [drive:] /FS:NTFS
โดยที่ [drive:]
ระบุไดรว์ที่ต้องการเปลี่ยนเป็น NTFS
/FS:NTFS ระบุระบบแฟ้มข้อมูลที่ต้องการ
หลังจาก Convert เป็นระบบ NTFS
แล้วจะไม่สามารถ Convert กลับมาเป็น FAT ได้
วินโดวส์เอ็นทียังมีโปรแกรมที่ช่วยในการจัดการจานแม่เหล็กอีกโปรแกรมหนึ่งคือ
Disk Administrator (ในเมนู Administrator Tools) สามารถใช้ในการจัดการแบ่งพาร์ติชัน,ฟอร์แมตจานแม่เหล็ก,กำหนด
Drive Letter ฯลฯ
การกำหนดบทบาทของวินโดวส์เอ็นที
ในขณะติดตั้งวินโดวส์เอ็นที จะต้องทราบว่าเครื่องที่กำลังติดตั้งนี้จะใช้ทำหน้าที่อะไรในเครือข่าย
ซึ่งมีอยู่สามประเภทที่ได้กล่าวมาแล้ว ในส่วนนี้จะกล่าวถึงบทบาทแต่ละประเภทโดยสรุป
และจะได้กล่าวรายละเอียดในบทต่อไป
-
Domain คือกลุ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องที่นำมารวมกัน
และจัดให้มีระบบการรักษาความปลอดภัยรวม ที่จะเก็บบัญชีผู้ใช้และสิทธิ์การใช้งานไว้ที่ผู้นำกลุ่ม
เพื่อให้ง่ายในการจัดการและบริหารเซอร์ฟเวอร์ในกลุ่ม
-
Primary Domain Controller คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดูแลบริหารบัญชีผู้ใช้และสิทธิ์ในการใช้งานแทนเครื่องสมาชิกในโดเมน
โดยทำหน้าที่เป็นผู้นำในกลุ่ม ที่สามารถเข้าใช้ทรัพยากรของสมาชิกทุกเครื่องในโดเมนนั้นได้
-
Backup Domain Controller คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีคุณสมบัติเหมือนกับ
PDC เก็บข้อมูลเช่นเดียวกัน แต่เป็นเครื่องที่สำรองไว้ เผื่อกรณีที่ PDC ไม่สามารถทำงานได้
BDC จะทำงานแทน โดยผู้ดูแลระบบ(Administrator) สามารถเลื่อนตำแหน่ง(Promote)
BDC ให้ทำงานเป็น PDC แทน ทั้งนี้เพื่อให้โดเมนมีความทนทานต่อการเสียหายต่างๆ
-
Stand-Alone Server เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีทรัพยากรของตนเองและทำงานโดยตนเองไม่ขึ้นกับเครื่องใด
แต่ถ้านำเข้าไปเป็นสมาชิกของโดเมน(join to domain)แล้ว คล้ายกับเป็นการนำทรัพยากรของตัวเองให้กับโดเมนบริหารแทน
การตั้งชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์
ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เอ็นทีนั้นมีความยาวได้ไม่เกิน
15 ตัวอักษรและชื่อของเครื่องหนึ่งต้องไม่ซ้ำกับชื่ออีกเครื่องหนึ่งในระบบเครือข่าย
การเปลี่ยนชื่อคอมพิวเตอร์ภายหลังจากติดตั้งแล้วทำได้โดยใช้ ไอคอน Network
ในคอนโทรลพาเนล
การกำหนดค่าพารามิเตอร์สำหรับการ์ดเครือข่าย
สิ่งที่ต้องทราบสำหรับการ์ดเครือข่ายได้แก่
Interrupt Request Number (IRQ), I/O Port Address และ DMA Channel บริษัทที่ผลิตการ์ดเครือข่ายจะให้โปรแกรมสำหรับตรวจสอบ/กำหนดค่าเหล่านี้ได้
โปรแกรมเหล่านี้จะมาพร้อมกับการ์ดเครือข่าย ถ้าไม่มีโปรแกรมเหล่านี้เราสามารถเข้าไปที่
Web Site ของบริษัทนั้นเพื่อทำการดาว์นโหลดมาใช้ได้ ทั้งนี้ต้องทราบรุ่นของการ์ดและระบบปฎิบัติการที่ต้องการติดตั้ง
(การ์ดรุ่นใหม่ๆมักจะมีคุณสมบัติแบบ Plug and Play ถ้าติดตั้งวินโดวส์ 95
ซึ่งสนับสนุน Plug and Play แล้ว วินโดวส์ 95 จะทำการย้าย IRQ และ I/O Port
Address ถ้ามันพบว่ามี IRQ "ชน" กันระหว่างอุปกรณ์) ปัจจุบันเอ็นทียังไม่สนับสนุน
Plug and Play เต็มที่ ดังนั้นผู้ติดตั้งจะต้องกำหนดค่าพารามิเตอร์เหล่านี้เอง
และไม่ให้ "ชน" กับอุปกรณ์อื่นๆ
โดยปกติ IRQ ของเครื่องคอมพิวเตอร์จะมี
16 หมายเลข โดยที่บางหมายเลขถูกจองไว้ใช้ในอุปกรณ์มาตรฐานแล้ว รายละเอียดของ
IRQ ทั้งหมดแสดงด้วยตารางต่อไปนี้
IRQ
|
Device
|
0
|
Timer
|
1
|
Keyboard
|
2
|
System
|
3
|
COM2/COM4
|
4
|
COM1/COM3
|
5
|
LPT2
|
6
|
Floppy Disk Controller
|
7
|
LPT1
|
8
|
Real-time Clock
|
9
|
System
|
10
|
-
|
11
|
-
|
12
|
-
|
13
|
Math Co-Processor
|
14
|
Hard Drive
|
15
|
Secondary Disk Controller
|
I/O Port Address และ DMA
Channel เป็นการระบุหน่วยความจำที่ใช้ร่วมกันระหว่าง CPU กับ การ์ดเครือข่ายเพื่อใช้ในการตรวจสอบสถานะและเป็นเป็นบัฟเฟอร์สำหรับการรับส่งข้อมูล
การเลือกใช้โปรโตคอลเครือข่าย
โปรโตคอลเครือข่ายที่วินโดวส์เอ็นทีสนับสนุนมีหลายชนิด
แต่โปรโตคอลที่สำคัญมีดังนี้
-
NetBEUI เป็นโปรโตคอลดั้งเดิมของไมโครซอฟต์
ที่ใช้สำหรับเครือข่ายขนาดเล็กระดับแผนกหรือ บริษัทขนาดย่อม NetBEUI ย่อมาจาก
Network BIOS Extended User Interface ปกติแล้วการเชื่อมต่อระหว่างระบบปฏิบัติการต่อไปนี้จะใช้โปรโตคอล
NetBEUI ได้แก่ วินโดวส์ 3.11, วินโดวส์ฟอร์เวิรค์กรุ๊ป 3.11, วินโดวส์
95 , LAN Manager, MS-DOS
-
NWLink IPX/SPX Compatible Transport
เป็นโปรโตคอลซึ่งไมโครซอฟต์เขียนขึ้นมาเพื่อให้สามารถทำงานในเครือข่าย NetWare
ของบริษัทโนเวลได้
-
TCP/IP ย่อมาจาก Transmission Control
Protocol/Internet Protocol นิยมใช้กันมากในเครือข่ายระยะไกลและเป็นมาตรฐานการสื่อสารในระบบปฎิบัติการแบบยูนิกซ์
ปัจจุบันวินโดวส์เอ็นทีก็สนับสนุนโปรโตคอล TCP/IP ด้วย ถ้าเราต้องการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นยูนิกซ์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
แล้วจะต้องใช้โปรโตคอลนี้
BACK
Chapter 1/ Chapter 2 /Chapter
3 / Chapter 4 / Chapter
5 / Chapter 6 / Chapter
7 / Chapter 8 / Chapter
9 NEXT
Chapter 10
/ Chapter 11 / Reference