บทที่ 9
การบริการเชื่อมต่อระยะไกล
(Remote Access Services)

Remote Access Services หรือ RAS เป็นบริการบนวินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์และเวอร์คสเตชัน เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อกับเครื่องลูกข่ายที่อยู่ระยะไกล โดยผ่านระบบการสื่อสารแบบต่างๆ ได้แก่ โทรศัพท์, ISDN (Integrated Services Digital Network), X.25 Packet Switching Network

เครื่องลูกข่ายที่สามารถเชื่อมเข้ามาได้แก่ Windows, Windows for Workgroup, Windows 95, MS-DOS และ LAN Manager RAS Client จำนวนเครื่องลูกข่ายที่สามารถเชื่อมเข้ากับเอ็นทีเซอร์ฟเวอร์คือ 256 เครื่อง ส่วนเอ็นทีเวอร์คสเตชันเชื่อมได้ 2 เครื่อง

สายที่ใช้ในการเชื่อมต่อโดย RAS

สายโทรศัพท์
สายโทรศัพท์เป็นสื่อที่ใช้กันมากเนื่องจากเกิดขึ้นก่อนและมีราคาถูก สายโทรศัพท์ที่ใช้เป็นสายซึ่งใช้สำหรับการสื่อสารด้วยเสียงโดยมีสัญญานแบบอนาลอก(Analog) ในขณะที่เครื่องคอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลแบบดิจิตัล(Digital) ดังนั้นต้องมีอุปกรณ์แปลงสัญญานซึ่งเรียกว่าโมเด็ม(Modem)

วินโดวส์เอ็นทีสนับสนุนโมเด็มมากกว่า 200 ชนิด(รายละเอียดของโมเด็มที่สนับสนุนดูได้จาก Hardware Compatibility List (HCL) ซึ่งอยู่ในแผ่น CD-ROM ของวินโดว์สเอ็นที) ปัจจุบันโมเด็มที่มีความเร็วสูงสุดที่นิยมใช้กันมากได้แก่ 28.8 และ 33.6 KBit/Sec

ISDN
ISDN เป็นเครือข่ายการสื่อสารแบบใหม่ซึ่งเกิดขึ้นจากการแก้ไขข้อเสียของระบบโทรศัพท์ธรรมดา     ระบบโทรศัพท์แบบISDN สามารถรับส่งสัญญานหลายประเภท ได้แก่ สัญญานเสียง, แฟ็กซ์, ข้อมูล ประเภทการให้บริการ ISDN แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Basic Rate Interface(BRI) กับ Primary Rate Interface(PRI) โดยที่ BRI มีช่องสัญญานรับส่งขนาด 64 KBit/Sec สองช่องสัญญานและช่องสัญญานควบคุมขนาด 16 KBit/Sec อีกหนึ่งช่องอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "2B+D Channel"   บริการแบบ BRI ถูกออกแบบมาให้เพื่อใช้งานภายในบ้าน ส่วน PRI ซึ่งออกแบบมาให้ใช้ในสำนักงานมีช่องสัญญานข้อมูลขนาด 64 KBit/Sec จำนวน 23 ช่องและสัญญานควบคุมอีกหนึ่งช่อง มักจะถูกเรียกว่า "23B+D Channels" การใช้ ISDN จะต้องขอรับบริการจากผู้ให้บริการซึ่งจะให้การ์ด ISDN มาต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์

X.25
X.25 เป็นเครือข่ายการสื่อสารแบบ Packet Switching Network ซึ่งทำหน้าที่ 3 Layers ล่างของขบวนการสื่อสาร ได้แก่ Physical, Datalink และ Network Layer ผู้ที่ต้องการใช้งาน X.25 ต้องติดต่อขอรับบริการจากผู้ให้บริการและจะต้องนำเอาการ์ด PAD(Packet Assembler/Disassembler) มาต่อเชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์

RS-232
ในกรณีที่เราไม่มีการ์ดเครือข่ายอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ต้องการให้เครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเชื่อมต่อกันโดยใช้ COM port สามารถทำได้โดยใช้สายแบบ RS-232 null modem

สาย RS-232 null modem จะช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อแบบ Point-to-Point ตลอดเวลาระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ สองเครื่องโดยการสลับสายสัญญานบางเส้นของ RS-232 ทั้งแบบ 9 pin หรือ 25 pin

การสลับสายสัญญานของแต่ละแบบเป็นไปในตาราง

ตารางการสลับสายสัญญาน COM port แบบ 9 pin
pin ด้านผู้รับ
pin ด้านผู้ส่ง
สัญญาน
3
2
Transmit data
2
3
Receive data
7
8
Request to send
8
7
Clear to send
6,1
4
Data set ready, Carrier detect
5
5
Signal Ground
4
6,1
Data terminal ready
ตารางการสลับสายสัญญาน COM port แบบ 25 pin
pin ด้านผู้รับ
pin ด้านผู้ส่ง
สัญญาน
3
2
Transmit data
2
3
Receive data
4
5
Request to send
5
4
Clear to send
6,8
20
Data set ready, Carrier detect
7
7
Signal ground
20
6,8
Data terminal ready

โปรโตคอลที่ใช้ในการติดต่อระยะไกล
โปรโตคอลที่ใช้ในการติดต่อระยะไกลหรือ RAS มี 2 ชนิดคือ SLIP(Serial Line Interface Protocol) และ PPP(Point to Point Protocol)

SLIP
เป็นโปรโตคอลดั้งเดิมที่ใช้กันมาตั้งแต่เริ่มแรกของการสื่อสารระยะไกล โปรโตคอล SLIP นั้นถูกพัฒนาโดย Rick Adamson เพื่อใช้กับ BSD Unix โปรโตคอลชนิดนี้ไม่สามารถส่งผ่านโปรโตคอลหลายๆชนิดในขณะเดียวกัน และไม่สามารถแจก IP Address ให้กับเครื่องลูกข่ายที่ต่อเข้ามา ในขณะที่โปรโตคอลแบบ PPP นั้นสามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม SLIP ก็จัดว่าเป็นโปรโตคอลที่ทำงานได้ดีในระดับหนึ่งและมีผู้นิยมใช้กันมาก

ในปัจจุบันบริษัทผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต(ISP : Internet Services Provider) ซึ่งให้บริการเชื่อมต่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต ได้ใช้โปรโตคอล SLIP และ PPP ในการให้บริการเชื่อมต่อ ในกรณีของ SLIP ที่ทำงานบนเครื่องเซอร์ฟเวอร์แบบยูนิกซ์ ได้มีผู้คิดค้น สลิปเทียม (SLIrP) ขึ้นมาโดยเขียนเป็นโปรแกรมที่ทำงานบนเครื่องแม่ข่ายเพื่อจำลองการรับส่งข้อมูลแบบ SLIP ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำงานบน Shell ของเครื่องยูนิกซ์ หมายถึงผู้ใช้จะต้อง Login เข้าไปที่เครื่องยูนิกซ์ก่อนแล้วจึงเรียกโปรแกรม SLIrp ขึ้นมาเพื่อทำการติดต่อสื่อสารกับเครื่องลูกข่ายต่อไป

PPP
เป็นโปรโตคอลที่พัฒนาขึ้นในภายหลัง มีข้อดีคือ การรับส่งข้อมูลเป็นเฟรมซึ่งสามารถตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูลได้ และสามารถรับส่งโปรโตคอลได้หลายๆชนิดในขณะเดียวกัน เช่น IP, IPX, AppleTalk, DECnet เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถที่จะให้แจก IP Address ให้กับเครื่องลูกข่ายที่ต่อเชื่อมเข้ามาได้โดยอัตโนมัติ ทำให้การปรับแต่งเครื่องลูกข่ายเพื่อให้เข้ามาเชื่อมโยงทำได้ง่าย

การติดตั้ง RAS Server
การติดตั้ง RAS Server มีความหลากหลายในการติดตั้งค่อนข้างมาก(จอภาพการติดตั้ง) ขึ้นกับ โปรโตคอลที่ใช้ ถ้าต้องการ RAS Server เพื่อรับส่งโปรโตคอล IPX หรือ TCP/IP จะต้องทำการเพิ่มโปรโตคอลทั้งสองเข้าไปก่อน

ก่อนการติดตั้งควรจะศึกษาว่าโมเด็มหรืออุปกรณ์ติดต่อระยะไกลนั้นเป็นอุปกรณ์ที่วินโดวส์เอ็นทีสนับสนุนหรือไม่โดยดูจาก HCL

    4. เลือกรายการ Remote Access Service แล้วตอบ OK
    5. ป้อนชื่อ Path ของ CD-ROM วินโดวส์เอ็นทีเซอร์ฟเวอร์ แล้วกดปุ่ม Continue
    6. โปรแกรมติดตั้งจะทำการ Copy ข้อมูลจาก CD-ROM ลงฮาร์ดดิส
    7. จากนั้นจะปรากฏจอภาพ Add RAS Device ขึ้นมาดังรูป


    (ในกรณีที่ไม่มี COM port ว่างและไม่ได้ติดตั้งโมเด็มไว้ก่อน โปรแกรมติดตั้งจะไม่สามารถทำงานต่อไปได้ จะต้องยกเลิกการติดตั้งแล้วทำการเพิ่ม COM port ที่ไอคอน Port ในคอนโทรลพาเนลเสียก่อน แล้วทำการติดตั้งโมเด็มด้วย)

    8. ตอบ OK หาก Port และโมเด็มที่แสดงขึ้นมาตรงกับความต้องการ หรือถ้าต้องการติดตั้งโมเด็มใหม่ก็ให้กดปุ่ม Install Modem... เมื่อเลือก Port และโมเด็มแล้วตอบ OK จะปรากฏจอภาพดังรูป

    10. ที่ด้านขวาของจอภาพ Remote Access Setup มีปุ่ม Network... ใช้สำหรับการกำหนดการเข้าใช้เครือข่ายและโปรโตคอลที่ใช้ในการรับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องลูกข่ายและเซอร์ฟเวอร์ ซึ่งเมื่อกดปุ่มนี้จะปรากฏจอภาพ Network Configuration ดังรูป
    11. ตอบ OK สำหรับจอภาพของ Network Configuration ซึ่งโปรแกรมติดตั้งจะถามถึงการกำหนดการเข้าใช้เครือข่ายของโปรโตคอลแบบต่างๆ ให้ทำการกดปุ่ม OK ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจอภาพ Remote Access Setup ให้ตอบ Continue

    12. เมื่อโปรแกรมติดตั้ง RAS ทำงานเสร็จสิ้นก็จะปรากฏ รายการ Remote Access Services อยู่ภายใน List จากนั้นกดปุ่ม Close และทำการบูทเครื่องใหม่ เพื่อให้ RAS Services เริ่มทำงาน

การปรับแต่ง RAS เพื่อใช้โปรโตคอลแบบต่างๆ

ถ้าเราได้ติดตั้งโปรโตคอลไว้สำหรับการ์ดเครือข่าย(LAN Card)ไว้แล้ว เช่น IPX/SPX, TCP/IP, NetBEUI แล้วเมื่อเราติดตั้ง RAS เพิ่มเข้าไป โปรโตคอลเหล่านี้จะถูกกำหนดให้ใช้ใน RAS ด้วย เราเพียงทำการปรับแต่งโปรโตคอลเหล่านี้ขณะติดตั้ง RAS หรือปรับแต่งในภายหลังได้

วิธีการปรับแต่ง RAS ภายหลังการติดตั้ง

    เมื่อได้กำหนดสิ่งต่างๆดังกล่าวข้างต้นแล้ว ตอบ Continue และกดปุ่ม Close เพื่อปิดจอภาพต่างๆ แล้วบูทเครื่องใหม่
การกำหนดการเข้าใช้เครือข่ายโดยโปรโตคอล NetBEUI

เมื่อกดปุ่ม Configure... ที่ข้างๆ NetBEUI จากจอภาพ Network Configuration แล้ว จะปรากฏจอภาพเพื่อให้กำหนด การเข้าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายของโปรโตคอล NetBEUI ดังรูป

การกำหนดการเข้าใช้เครือข่ายโดยโปรโตคอล TCP/IP

เมื่อกดปุ่ม Configure... ที่ข้างๆ TCP/IP จากจอภาพ Network Configure แล้ว จะปรากฏจอภาพเพื่อให้กำหนด การเข้าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายของโปรโตคอล TCP/IP ดังรูป

การกำหนดการเข้าใช้เครือข่ายโดยโปรโตคอล IPX

การกำหนดคล้ายกับโปรโตคอล NetBEUI

การกำหนดการเข้ารหัสข้อมูลของการเชื่อมต่อ

ที่ส่วนของ Encryption Setting ของจอภาพ Network Configuration นั้นสามารถกำหนดวิธีการเข้ารหัสข้อมูลที่รับส่งกันระหว่างเครื่องลูกข่ายและเซอร์ฟเวอร์ ได้หลายแบบดังนี้

การเปิดให้บริการ RAS

เมื่อติดตั้ง RAS แล้ว การให้บริการ RAS จะเริ่มโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงการเปิด/ปิด/หยุดการให้บริการชั่วคราว สามารถทำได้โดยใช้ไอคอน Services ในคอนโทรลพาเนล ซึ่งเมื่อเรียกขึ้นมาจะปรากฏจอภาพดังรูป

ในรายการบริการต่างๆนั้นจะมีสถานะที่แสดงว่ากำลัง เปิดหรือปิดให้บริการอยู่ และแสดงวิธีการเปิดบริการ(Automatic/Manual/Disable) การปรับเปลี่ยนทำได้โดยคลิกเลือกรายการที่ต้องการปรับเปลี่ยนแล้วกดปุ่ม Startup จะปรากฏจอภาพดังรูป
การบริหารจัดการ RAS

โปรแกรมที่ใช้สำหรับการบริหาร RAS มี 3 โปรแกรมดังนี้

การใช้โปรแกรม Remote Access Admin
เมื่อเรียกโปรแกรม Remote Access Admin ขึ้นมาจะปรากฏจอภาพดังรูป
โปรแกรมแสดงรายชื่อเซอร์ฟเวอร์ที่ให้บริการ RAS พร้อมทั้ง port ที่กำหนดไว้ และ port ที่กำลังใช้งานอยู่ โปรแกรมนี้สามารถจัดการ RAS ที่อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆได้โดยใช้เมนู Server/Select Domain or Server เมนูที่สำคัญอื่นๆมีดังนี้ การใช้โปรแกรม Dial-up Networking

    1. Logon ด้วย Admininstrator
    2. ใช้เมนู Start/Program/Accessories/Dial-up Networking หรือเรียกผ่าน Dial-up Networking ใน My Computer    ในกรณีที่ยังไม่เคยสร้างจุดเชื่อมต่อไว้ โปรแกรมจะแสดง Wizzard เพื่อช่วยในการสร้างจุดเชื่อมต่อดังรูป

    3. ใส่ชื่อจุดเชื่อมต่อเข้าไป แล้วกดปุ่ม Next โปรแกรมจะให้เลือกรายละเอียดการเชื่อมต่อกับเซอร์ฟเวอร์ดังรูป
       ให้เลือกรายการที่ต้องการเชื่อมต่อ(เลือกได้หลายรายการ) จอภาพที่ปรากฏออกมาจะแตกต่างกันตามรายการที่เลือก

    4. จอภาพที่ปรากฎต่อไป เป็นการกำหนดหมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง ดังรูป

    5. ถ้าเลือกการเชื่อมต่อกับเครื่องเซอร์ฟเวอร์ที่ไม่เป็นวินโดวส์เอ็นที จะปรากฎจอภาพเพื่อให้ระบุ IP Address ดังรูป
    6. จอภาพ Serial Line Protocol จะปรากฎดังรูป
    7. จอภาพ Login Script จะปรากฎดังรูป
        ใช้กำหนดว่าเมื่อเชื่อมต่อกับเครื่องเซอร์ฟเวอร์ได้แล้วให้ทำงานอะไรต่อ     8. เมื่อตอบ Next แล้วจะปรากฎจอภาพให้ใส่ DNS ดังรูป
    9. เมื่อเสร็จแล้ว ตอบ Finished

    10. จอภาพ Dial-up Networking จะปรากฎเมื่อตอบ Finished ที่โปรแกรม Wizzard ดังรูป

เมนูของการจัดการจุดเชื่อมต่อ
เมื่อคลิกที่ปุ่ม More... จะปรากฎเมนูการทำงานหลายอัน ซึ่งแต่ละเมนูมีการทำงานดังนี้

เมนู Edit entry and modem properties...
ใช้สำหรับปรับปรุงข้อมูลจุดเชื่อมต่อและปรับปรุงข้อมูลโมเด็ม ซึ่งเมื่อเรียกเมนูนี้ขึ้นมาทำงานจะปรากฏจอภาพดังรูป

ในจอภาพจะมีรายการอยู่หลายหน้า รายการที่สำคัญมีดังนี้ เมนู Clone entry and modem properties...

ใช้สำหรับ Copy ต้นแบบจุดเชื่อมต่อที่ต้องการ เพื่อนำมาปรับแต่งเป็นจุดเชื่อมต่อใหม่

เมนู Delete entry

ใช้สำหรับลบจุดเชื่อมต่อ

เมนู Create shortcut to entry

ใช้สำหรับสร้าง shortcut ไว้ที่ desktop

เมนู Monitor status

ใช้สำหรับเรียกจอภาพที่แสดงสถิติการใช้งานของจุดเชื่อมต่อ ดังรูป

เมนู User preference และ Logon preference

ใช้สำหรับกำหนด Location ที่ทำการ Logon กำหนดรายละเอียดการ Call Back, Apperence และแสดงสมุดรายนามโทรศัพท์ที่ได้สร้างไว้


BACK     Chapter 1/ Chapter 2 /Chapter 3 / Chapter 4 / Chapter 5 / Chapter 6 / Chapter 7 / Chapter 8 / Chapter 9     NEXT
Chapter 10 / Chapter 11 / Reference
1