โดย

Home

ยา

ผู้หญิง

เด็ก

เครื่องสำอาง

ปฐมพยาบาล

โรคทั่วไป

อื่นๆน่าสนใจ

สอบถามปัญหา

This Page
Related Topic
Interesting Link


เชิญ ติชม เสนอแนะ สอบถามครับ

ชื่อ
email
ติชม เรื่องที่อยากสอบถาม

 

"ยานี้
กัดกระเพาะ
มีผลเสียถ้า
ใช้ติดต่อกัน
เป็นเวลานาน"

สเตียรอยด์ - Steroids

Last update : 13/02/43

บทนำ        

จากข่าวสารที่ออกมาส่วนใหญ่ที่ได้รับรู้กัน ทำให้ ยากลุ่มที่เรียกว่า สเตียรอยด์ ถูกมองเหมือนเป็นยาที่มีพิษ อันตรายมาก ผมจึงขอให้รวมรวมข้อมูลไว้ ณ ที่นี้ เพื่อให้ท่านได้รู้จักกับยาตัวนี้ในแง่มุมทั้ง 2 ด้าน

ภายในร่างกาย        
  • สเตียรอยด์ เป็นชื่อเรียกของกลุ่มฮอร์โมนที่ถูกสร้างจากต่อมหมวกไต ซึ่งที่ต่อมนี้จะสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน ( ฮอร์โมนชาย ) ด้วย
  • สเตียรอยด์ ถูกสร้างขึ้นจากสารตั้งต้นที่เรียกว่า คอเลสเตอรอล Cholesterol ( จะเห็นว่า คอเลสเตอรอล ไม่ได้มีข้อเสียมากอย่างที่คิด )
  • สเตียรอยด์ที่ถูกสร้างขึ้น มีหลักๆ 2 ชนิด คือ Cortisol และ Aldosterone
  • Cortisol ถูกสร้างวันละประมาณ 20 -30 มิลลิกรัม ถูกหลั่งออกมาเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอ โดยสูงสุดตอนตื่นนอน และต่ำสุดตอนนอน เรียกว่า Diurnal Pattern นอกจากนี้ ภาวะที่ร่างกายมีความเครียด กดดันทั้งทางกายและจิตใจ เช่น มีบาดแผล ได้รับการผ่าตัด ออกกำลังกาย ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นไข้ วิตกกังวล ซึมเศร้า เป็นต้น ร่างกายจะหลั่ง Cortisol มากขึ้นเพื่อควบคุมความกดดันเหล่านี้ ดังนั้นสเตียรอยด์จึงมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เชื่อว่าถ้าไม่มีสเตียรอยด์เลย สามารถถึงตายได้ทีเดียว จะขอสรุปสั้นๆถึงผลของ สเตียรอยด์ต่อร่างกายดังนี้
    • มีผลต่อเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
    • ผลต่อความสมดุลของเกลือแร่ อิเล็กโทรไลต์ และน้ำ
    • ฤทธิ์บรรเทาการอักเสบ
    • ฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน
    • ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
    • ผลต่อเลือด
    • ผลต่อการเจริญเติบโต การแบ่งเซลล์ กล้ามเนื้อ กระดูก
ยากลุ่มสเตียรอยด์        

จากต้นแบบ Cortisol มนุษย์เราได้พัฒนาความแรงของ Cortisol เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และมีฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับโรคบางอย่างที่ต้องการมากขึ้น

Hydrocortisone Prednisolone Triamcinolone
Fluocinolone Betamethasone Clobetasol
Desoximetasone Prednicarbate Mometasone
Beclomethasone Budesonide Dexamethasone

ถ้าสังเกตจากชื่อยาจะเห็นว่า มักลงท้ายด้วย -one หรือ -ol เสมอ ยกเว้นบางตัว ดังนั้นจึงพอใช้เป็นข้อสังเกตว่ายาตัวไหนเป็นสเตียรอยด์หรือไม่

ประโยชน์ และ โทษ        

ประโยชน์

โทษ

  • ทดแทนภาวะขาดฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต

  • ข้ออักเสบ เฉพาะที่รุนแรง ควบคุมไม่ได้ด้วยยามาตรฐาน โดยให้ยาด้วยวิธีรับประทาน หรือ ฉีดเข้าข้อโดยตรง

  • หัวใจอักเสบรูมาติก

  • โรคไต บางชนิด เช่น Glomerulonephritis, Nephrotic syndrome ,etc.

  • โรคเกี่ยวกับคอลลาเจนบางชนิด เช่น Polymyositis, Polyarteritis nodusa, systemic lupus erythematosus (SLE)

  • โรคภูมิแพ้ ที่รุนแรง ควบคุมด้วยยามาตรฐานแล้วไม่ได้ผล เช่น หอบ หืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โดยส่วนใหญ่ใช้ในรูปการพ่น สเปรย์ แต่ในรายรุนแรงก็จะให้กิน หรือ ฉีด

  • โรคตา ในรูปหยอด หรือป้ายตา เช่น โรคเส้นประสาทตาอักเสบ

  • โรคผิวหนัง ให้ในรูปยาทาเฉพาะที่ ได้แก่ โรคภูมิแพ้ในรูปแบบต่างๆ

  • โรคทางเดินอาหารบางชนิด ที่ไม่ใช่โรคแผลในกระเพาะอาหาร ได้แก่ Ulcerative colitis , Crohn's disease

  • โรคตับบางชนิด เช่น Subacute Hepatic Necrosis, Chronic active Hepatitis, ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ และตับแข็งในสตรีที่ไม่ดื่มสุรา

  • โรคมะเร็ง ในโรค Lymphoblastic Leukemia มะเร็งเต้านม

  • ป้องกันอาเจียนในผู้ที่ได้รับยาต้านมะเร็ง

  • ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง

  • โรคโลหิตจางบางชนิด ได้แก่ Immunohemolytic anemia

  • การปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อให้เกิดการยอมรับอวัยวะผู้อื่นดีขึ้น

  • อื่นๆ อีกหลายอย่าง

 

  • ยามีฤทธิ์กดการทำงานของต่อมหมวกไต ห้ามหยุดยาอย่างทันที หลังจากใช้เป็นระยะเวลานาน
  • เกิดลักษณะของผู้ที่ได้รับยาสเตียรอยด์นานๆ ที่เรียกว่า Cushing's Syndrome คือ มีอาการบวม ท้องลาย สิว ผิวเข้มขึ้น ความดันโลหิตสูง อ่อนแรง เพลีย ขนขึ้นตามตัว ฯลฯ
  • ติดเชื้อง่ายขึ้น เพราะยากดระบบภูมิคุ้มกันที่คอยต่อต้านเชื้อโรค
  • กดการเจริญเติบโตในเด็ก
  • เกิดความดันโลหิตสูง ระดับโปแตสเซียมในเลือดต่ำ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง ผิวหนังบาง ลีบ
  • เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ ภาวะกระดูกพรุน
  • ความดันในลูกตาเพิ่มทำให้เป็นต้อหิน
  • เลนส์กระจกตาขุ่น เกิดต้อกระจก
  • ภาวะไขมันในเลือดสูง
  • ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
  • อารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงง่าย
  • คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ทางเดินอาหารระคายเคือง เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
  • เกิดเชื้อราในช่องปากง่ายขึ้น
  • ถ้าใช้ยามานาน แล้วหยุดยาทันทีเกิดอาการถอนยา ทำให้เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนล้า ปวดศรีษะ มีไข้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักตัวลดลง ความดันโลหิตต่ภ
  • รบกวนผลการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ เช่น กดผลการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
  • อื่นๆ ได้แก่ แผลหายช้า เกิดห้อเลือด ฟกช้ำง่าย มีไขมันสะสมมากที่ตับ ตับอ่อนอักเสบ มีขนขึ้นมาก ประจำเดือนผิดปกติ หรืออาจไม่มีประจำเดือน ลดความรู้สึกทางเพศในผู้ชาย

ความเห็นของผม

       

สเตียรอยด์ จะมีประโยชน์ต่อการรักษาโรคมากมาย มีทั้งใช้ในลักษณะว่า

  • จำเป็นต้องใช้ เป็นอันดับแรก ได้แก่ Nephrotic Syndrome, การแพ้ยา , SLE เป้นต้น
  • ใช้เมื่อรักษาด้วยยาอื่นๆเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้นจึงจำเป็นต้องใช้สเตียรอยด์ ได้แก่ หอบ, ภูมิแพ้, โรคข้อรูมาตอยด์ เป็นต้น

โทษของยามักเกิดจากการ

  • ใช้ยาผิดขนาด
  • ใช้โดยไม่จำเป็นต้องใช้
  • ใช้ต่อเนื่องกันยาวนาน
  • รับประทานเวลาท้องว่าง
  • ทายา เป็นบริเวณกว้างมากๆเป็นเวลานานๆ ตัวยาถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้
  • หยอดตาติดต่อกันนานๆ ทำให้ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น เพิ่มโอกาสการเป็นต้อหิน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเลนส์ตา กลายเป็นต้อกระจก

ดังนั้น ถ้าท่านจำเป็นต้องใช้สเตียรอยด์ ก็ขอให้ถามแพทย์ เภสัชกรที่จ่ายยาให้ท่านว่า

  • จำเป็นต้องใช้นานแค่ไหน ?
  • เหตุผลที่ต้องใช้คืออะไร?
  • มีความจำเป็นเป็นอันดับแรกเพราะไม่มียาอื่นรักษาหรือไม่ ?

ถ้าตอบไม่ได้ ก็ควรหาที่ปรึกษาใหม่ครับ

 

Post a Message in My Message Board!

ถ้าท่านชอบ web  นี้ 
ท่านที่ต้องการสอบถาม เสนอแนะ เชิญครับ mailto:vichiena@yahoo.com
ขอขอบคุณ Geocities.com ที่ให้พื้นที่ฟรีสำหรับการจัดทำ Web Site นี้
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลที่สำคัญ discoveryhealth | mediconsult | mayohealth | medscape.com | healthylives | สมาคมแพทย์โรคผิวหนัง USA | fda.gov | my.yahoo.com

1