เรื่องสั้น
เรื่อง
พบครั้งแรก
ของ จินดา ดวงจินดา
สายลมอ่อน แสงตะวันเรื่อฟ้า
ท้องทุ่งอันเวิ้งว้างว่างเปล่าเป็นทัศนียภาพอันกล่อมอารมณ์
นพ นวรัตน์ได้ดี
ที่นี่คือวัดศรีบุญโยงอันเงียบสงัด
ไกลจากตัวเมืองลำปางเป็นที่ที่นพชอบขี่จักรยานมาหย่อนอารมณ์เสมอ
วันนั้นเขาเห็นกุลสตรีงามคนหนึ่งจูงรถจักรยานออกมาจากวัด
เสียงควากๆบอกว่า
สายโซ่นั้นเกิดติดขัดเสียแล้ว
หล่อนตั้งสแตนด์รถไว้ข้างทาง
ก้มลงนั่งยองๆดึงฝาปิดบังโซ่ออก
หยิบเศษไม้เล็กๆ เขี่ยสายโซ่
ยิ่งเขี่ยจะให้มันเข้าที่เดิม
ก็ดูเหมือนมันยิ่งยุ่ง
ที่สุดหล่อนก็ทิ้งไม้และใช้มือแทน
เสียงบ่นอุบอิบ
ซึ่งหล่อนออกจะโมโห...
แต่อีกนั้นแหละมือไม้เปรอะเปื้อนหมด
เจ้าสายโซ่ก็ยังไม่คลี่คลาย
นพมองดูด้วยความรู้สึกสงสาร
หญิงสาวผู้นี้มีท่าทางบ่งบอกว่าเป็นผู้ดี
เขาอยากจะไปช่วยหล่อน
แต่หล่อนไม่ยักมองมาทางเขา
หล่อนเป็นลูกเต้าเหล่าใครเขาไม่รู้จัก
หน้าที่ของสุภาพบุรุษจะเป็นใครก็ช่างเถิด
เขาควรไปช่วยหล่อนในการแก้ไขรถ
...
สตรีโดยมากมักไม่ประสาต่อความติดขัดของรถ
หล่อนจะรังเกียจหรือไม่
ข้อนี้จะรู้ได้เมื่อภายหลัง
นพจึงลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหาหล่อน
"ขอโทษ
รถของคุณเป็นอะไรไปเล่าครับ?"
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองผู้ถามและตอบชายหนุ่มว่า
"โซ่ค่ะ
มันหลุดไม่รู้ว่าไปติดกับอะไร
ดึงอยู่เป็นนานไม่ยักออก"
"โธ่! มือคุณเปื้อนหมด
หาดคุณไม่รังเกียจ
ให้ผมได้เป็นผู้ช่วยแก้ไขเถิดครับ"
"เป็นพระคุณที่เดียวค่ะ
แต่จะเป็นการลำบากสำหรับคุณกระมัง"
เสียงหล่อนฟังชัดเจน
"ไม่เป็นไรมิได้ครับ
บางที่ผมอาจจะแก้ไขมันได้
ซึ่งผมควรจะรับความดีใจเสียอีก"
นพกล่าวอย่างหนักแน่น
หญิงสาวลุกขึ้นยืนหลีกทางให้
พร้อมกับกล่าวว่า
"เชิญเถิดค่ะ"
ผู้รับอาสาเป็นนายช่างจึงเริ่มลงมือททำงานอย่างขมักเขม้น
"คุณมีธุระอะไรหรือครับ
ถึงได้มาที่วัดนี้"
"ดิฉันมาตามน้องชายค่ะ
เหลวไหลเหลือเกิน
คุณแม่มานิมนต์พระไปสวดมนต์เย็นที่บ้านวันพรุ่งนี้
มาตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วค่ะไม่รู้ไถลไปที่ไหนอีก
คุณแม่มีงานอื่นที่จะใช้แก่อีก
ดิฉันเรียนถามท่านสมภาร
ท่านบอกว่า ธนิตน้องชายของดิฉัน
ได้มานิมนต์ท่านแล้ว
ตกลงแก่คงหนีไปเที่ยวเสียที่อื่น
โดยยังไม่กลับบ้าน"
"อายุเท่าไหร่ครับ
น้องชายคุณ"
"16 ปีแล้วค่ะ"
กาหลงฝูงตัวหนึ่ง
กังวานเสียงหาพวกพ้องฟังวังเวงใจ...
"อ้อ!
กำลังอยู่ในวัยที่รักการเที่ยว"
แล้วเขาก็นำเรื่องของเพื่อนมาเล่าเป็นเชิงสนทนาแก้ขวย
ครู่หนึ่งการแก้ไขสายโซ่ก็เสร็จสิ้น
สีดำของน้ำมันรถเฉลี่ยมาเปรอะเปื้อนมือของหนุ่มสาวเท่าๆกัน
นงนุช กมลนาถ
นึกขอบคุณเขาและนึกขำอยู่ในใจ
มือหล่อนและเขาต้องเปื้อนเปรอะเพราะรถของหล่อนทำพิษ
เขาและหล่อนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
แต่ความเป็นสุภาพบุรุษของเขาน้อมจิตใจให้หล่อนอยากคบค้าและสนทนาด้วย
"ใช้ได้แล้วครับ"
นพพูดพร้อมลุกขึ้นยืน
"เป็นพระคุณอย่างล้นเหลือ
หากไม่ได้คุณ ดิฉันคงแย่
ยางแตกเสียยังดีกว่า
จูงไปได้ง่ายๆ"
"คิดค่าป่วยการเพียง 1 บาทครับ"
นพพูดและหัวเราะด้วยอารมณ์ของคนไร้ทุกข์
"ดิฉันไม่มีสตางค์ค่ะ"
นงนุชตอบยิ้ม
"ไม่เป็นไรหรอกครับ
ไม่ได้วันนี้
วันหลังผมจะไปเก็บที่บ้าน"
แล้วหล่อนและเขาก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
นพเดินไปหักกิ่งไม้ริมคู
นำมาให้หล่อนครึ่งหนึ่ง
เพื่อรูดใบเช็ดมือ
"ยามอัตคัดครับ
ใช้ใบไม้นี้แทนน้ำ
แทนผ้าเช็ดมือไปก่อน
เข้าไปล้างในวัดก็ได้แต่เกรงจะเป็นบาป"
"ดิฉันคงต้องรับบาปคนเดียวเพราะเป็นต้นเหตุ
ในที่สุดคุณก็ได้ช่วยดิฉันถึงสองครั้ง
คือช่วยแก้รถประการแรก
ประการที่สองให้รอดพ้นจากการรับบาป
เพราะดิฉันตั้งใจจะไปของน้ำพระล้างมือในวัด"
หล่อนพูดและยิ้มอย่างอ่อนโยน
"ดีแล้วค่าแรงของผมจะได้เพิ่มสูงขึ้นอีก"
"ได้ค่ะ แต่ต้องไปรับที่บ้าน"
"จะมิเป็นการให้เกียรติผมเกินไปหรือครับ"
นพว่า
"อะไรได้
ก็คุณเป็นเจ้าหนี้นี่ค่ะ
เป็นเกียรติอันสูงเสียด้วยซ้ำ
ที่มีผู้มีพระคุณไปเยี่ยมบ้าน"
"ผมจะไปได้อย่างไรเล่าครับ
ในเมื่อผมยังไม่รู้จักนามของคุณและบ้านของคุณ
หากคุณไม่รังเกียจ
ผมพร้อมแล้วที่จะรับทราบด้วยความยินดี"
"ไม่รังเกียจหลอกค่ะ ดิฉัน
นงนุช บ้านเลขที่ 1364 ท่ามะโอค่ะ"
"ไปอย่างแน่นอนที่เดียวครับคุณนงนุช
1364 ท่ามะโอ ผมจะบันทึกไว้ในสมอง"
"ระวังจะเป็นโรคเส้นประสาทนะคะ
เล็กๆน้อยๆ ก็บันทึกไว้ในสมอง"
"ไม่น้อยเลยครับ
ใหญ่โตมากสำหรับผม
หากจะเป็นโรคเส้นประสาท
ก็เป็นชนิดที่ทำให้ชีวิตเป็นสุขหาน้อยไม่"
"ดิฉันยังไม่ได้เป็นผู้วิเศษหรอกนะคะ"
"วิเศษแล้วสำหรับผมที่จะพอใจจะให้เป็นไปตามความนึกคิด"
นพพูดว่างท่าทางเฉย
"ความนึกคิดจะมีค่าขึ้นได้ก็ด้วยผู้มีความนึกคิดนั้นคิดในสิ่งที่ดี
และประกอบกรรมในความคิดนั้นๆให้บรรลุผลสำเร็จเมื่อพูดถึงความนึกคิด
ดิฉันยังติดใจในพฤติกรรมของเพื่อนคุณสองคนที่เล่าเมื่อกี้ที่คนทั้งหลายเรียกว่าคนชั่วเป็นไปแล้ว
ซึ่งในขั้นแรก
ทางเสียของเขามีมูลมาจากสตรีเป็นต้นเหตุ
คุณหมายถึงเขาเกิดรักกับผู้หญิงในขณะที่มีวัยอ่อนเยาว์กระนั้นหรือ?"
"ถูกแล้วครับ
เขาเกิดรักผู้หญิง
มันเป็นความรักครั้งแรกที่ระคนกับความหลงอย่างถึงขนาด
รักแท้ที่เกิดด้วยใจอันบริสุทธิ์ของฝ่ายชาย
แต่เขากลับได้รับผลตอบแทนจากรักแท้นั้นด้วยรักลวงของฝ่ายหญิง
เขายังเยาว์ยังขาดสติสัมปะชัญญะอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจเมื่อสูญเสียความรัก
คนที่มีรักนั้นก็เหมือนคนที่ไร้สติ
เขาจึงลืมนึกถึงศีลธรรม
แล้วหันหน้าเข้าประกอบกรรมทำชั่วด้วยหัวใจที่ขุ่นมัว
ผลสุดท้ายก็กลายจากคนดีเป็นคนชั่ว"
"ดิฉันคิดว่ารักลวงย่อมนำผลร้ายมาสู่ทั้งชายและหญิงมิใช่หรือค่ะ?
เราจะโทษฝ่ายหญิงเสียฝ่ายเดียวก็มิได้
หญิงที่หลวมตัวชั่วเพราะชายก็มีมาก"
"ถูกอย่างที่คุณว่า
แต่ที่ผมพูดถึงเพื่อนชายให้คุณฟังเท่านั้น
เราอย่าถือเป็นอารมณ์เลยครับ
ในปัญหาเหล่านี้โลกเราย่อมมีทั้งความดีและความชั่ว
ความชั่วย่อมให้ทุกข์แก่ผู้ประกอบดังพระท่านว่า
ถ้าเราขาดธรรมขาดความยั้งคิด
เราก็อาจจะพาชีวิตไปสู่ทางชั่วได้โดยง่าย"
"คุณและดิฉันพบกันและรู้จักกันด้วยลักษณะการอันประหลาด
นามของดิฉันคุณก็ทราบแล้ว
จะมิเป็นการเอาเปรียบเกินไปหรือ
โดยที่ฉันยังไม่ทราบนามของคุณ"
"ผมชื่อ นพ ครับ"
"ไม่จำเป็นต้องบันทึกไว้ในสมองนะคะ?"
หล่อนพูดและยิ้มน้อยๆ
"ผมมิใช่คนสำคัญอะไรนี่ครับ"
"แต่ดิฉันจะจดจำไว้ในใจ"
"เท่านั้นก็เป็นเกียรติอย่างสูงแล้วสำหรับผม
แลนับว่าเป็นโชคอันประเสริฐสุดที่พระเจ้าบันดาลให้ผมมาได้มิตรใหม่เช่นคุณ"
"แลหวังว่ามิตรภาพระหว่างเราต้องยั้งยืนอยู่ด้วยดีในอนาคตนะคะ?"
หญิงสาวพูดสอด
"แน่นอนที่เดียว
ผมก็หวังและตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น"
"ดิฉันยังไม่ทราบว่ามิตรใหม่ของดิฉันมีธุระอะไรถึงได้มาที่นี่"
"มาแสวงหาความสงบเท่านั้นแหละครับเพราะเห็นว่าในย่านนี้เป็นย่านที่สงบดี
อีกทั้งอากาศในแถวนี้ก็บริสุทธิ์ด้วยใกล้ทุ่ง"
"รักสงบเช่นนี้ไม่คิดจะไปมีชีวิตอยู่ตามบ้านนอกที่อุดมไปด้วยความสงบ
และล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติบ้างหรือคะ?
ดิฉันคนหนึ่งที่รักความสงบเหมือนกัน
มันทำให้ความคิดและอารมณ์แจ่มใสได้เป็นอย่างดี"
"เพราะเช่นนั้นแหละครับ
ผมจึงมักไปเที่ยวตามย่านที่สงบในยามว่าง
ส่วนชนบทบ้านนอกอยากไปเหมือนกันแหละครับ
แต่ขัดข้องด้วยการอาชีพ"
ทั้งสองยืนคุยกันอยู่เป็นนาน
ด้วยมีอุดมคติคล้ายคลึงกัน
สำหรับนงนุชหล่อนแปลกใจในตัวเองไม่น้อยไปกว่านพ
ที่หล่อนเป็นหญิงมายืนสนทนาอยู่กับชายหนุ่มซึ่งไม่รู้จักหน้าตามาก่อน
และสถานที่สนทนากันนี้ก็เป็นที่เปลี่ยวและหาคนเดินผ่านไปมาสักหนึ่งก็แสนยาก
ความเป็นสุภาพบุรุษ
ความรู้สึกนึกคิดและอุดมคติของเขานั่นเอง
ที่ทำให้หล่อนซึ้งใจ
หล่อนอยากจะคุยกับเขาอีก
แต่เวลามันจำกัดเสียแล้ว
หล่อนจึงบอกลาและชวนเขากลับพร้อมกัน
แต่นพปฏิเสธเขาบอกหล่อนว่า
"อีกสักครู่ก่อนครับ
ผมจึงจะกลับ"
"อย่าลืมพรุ่งนี้ตอนเย็นนะคะ?"
หญิงสาวเตือน
"ครับ ไม่มีวันลืม"
นพรับคำแล้วหล่อนก็จากเขาไป.
|