Logo003poet2543.gif (2019 bytes)

Novel003.gif (5547 bytes)

นวนิยาย    เรื่องสั้น   บทความ

Ani004LHummbird.gif (2404 bytes)

เรื่องสั้น
คนรักของเพื่อน

                         ใบไม้สีน้ำตาล แห้งกรอบ...และเพียงลมระบัดเบาใบไม้แห้งเฉา ก็ปลิวกระจาย
                    
     ดอกไม้สีม่วง   กลีบหนาเรียวงอพับอับเฉาอยู่ในแจกัน เหมือนคล้ายใบหน้าของหญิงสาวผู้ป่วยไข้และหมองเศร้า
                         ดอกไม้โรยรา...บนโต๊ะตัวใหญ่ดำขรึมเคร่ง กลีบม่วงหม่นทิ่งร่วงเคียงข้างใบไม้สีน้ำตาล...บนโต็ะสีดำโศกสลด                           
                         เขาหยิบกระดาษสีขาว สเกตช์รูปใบไม้บันทึกภาพดอกไม้บานคลี่ ด้วยดินสอแรเงาสีดำ...
                         ดอกไม้สีดำ ปรากฏรูปร่างคลี่บานบนกระดาษขาว ไม่กรุ่นหอมไม่งามสวย
                         เสียงเพื่อน ๕-๖ คนรอบข้างยังประชุมเครียดเคร่งนานนาทีจึงมีเสียงหัวร่อครึกครื้นสลับ
                         ท่ามกลางผู้คน เขารู้สึกเหงา...
                         สายแดดร้อน ลมรำเพยเย็นเยียบ ตะวันดวงโตถูกบดบังโดยเหลี่ยมตึกสูง เห็นเพียงแดดอ่อนสีส้มจางแรงเงาขอบฟ้าไกล                           
                         "เฮ้ย! หมอก มึงว่าไง"
                         "อะไร ?"
                         "กูว่ามึงปิดหน้าต่างเหอะ"
                         "ปิดแล้วมันจะสนใจขึ้นหรือไง"
                         เพื่อนขัดคำกันเอง หมอกงับหน้าต่างกระจกปิดเข้าดังเดิม หากทว่าแรงกระเทือนนั้นกลับทำร้ายให้ใบไม้สีน้ำตาลร่วงหล่นจากก้านแห้ง
                          "มึงว่าควรใช้สีอะไร"
                          "สีเทา" เขาตอบในทันที
                          "เฮ้ย! เจ๋งวะ" เพื่อนอีกคนร้องดัง "พรมสีแดง เบรกด้วยผนังสีเทา แล้วภาพเขียนชุดนี้ก็เล่นสีจัดจ้านทั้งนั้น พื้นนังจะขับให้งานทุกชิ้นโดดเด่นระยำเลย"
                          "งั้นกูกลับได้แล้วซี" หมอกลุกขึ้นยืน ขยำกระดาษกับมือ...คนเราสร้างแล้วกลับทำลาย เขียนรูปดอกไม้แล้วก็ขยำทิ้ง
                          "จะรีบไปไหนวะ เลิกประชุมแล้วฉลองกันหน่อย กูจองโต๊ะไว้ที่ร้านมุมถนน"
                          "ขอตัวว่ะ วันนี้เหงา" เขาบอกปนยิ้ม เพื่อนๆหัวร่อขบขัน
                          "ไอ้ทุเรศ เหงาแล้วเสือกรีบกลับทำไมวะ"
                          "กลับไปอยู่คนเดียว   ระวังจมความเหงาตายนะเว้ยหมอก"
                          เสียงเพื่อนๆ ยังแหย่เย้าไล่ตาม เขาคลายปมไทหนังสีน้ำตาลใบไม้แห้ง แล้วดึงชายเสื้อเชิ้ตยีนส์สีฟ้าจางออกจากกางเกงตัวโคร่งขณะก้าวออกจากออฟฟิศ

                          ในห้องเช่ามีแต่ความเงียบ เขาเปิดหน้าต่างทุกบานอนุญาตให้สายลมย่ำพัดกรูเข้ามาเกลื่อนพื้นห้อง
              
             คนหนุ่มถอดเชิ้ตเหวี่ยงไปบนเตียง แล้วควานหาเบียร์กระป๋องในตู้เย็นมาเปิดดื่มก่อนจะไปยืนนิ่งอิงข้างหน้าต่าง... ตั้งใจจ้องมองใบไม้ไกวเอื่อยอยู่ในความมืดดำของค่ำคืน
                          ในชั่วโมงโดดเดี่ยว หัวใจเปลี่ยวๆทอดถอนรอนเศร้าดวงตาเหม่อเหงาเฝ้ามองหาความอ่อนโยนจากเพียงใบไม้ไกวพลิ้ว
                           ชีวิตของผู้คนในวันหนึ่ง จะมีจำนวนสักเท่าไรที่ไม่เคยเหงา
                           แต่วิธีทำลายความเหงาของผู้คนย่อมแปลกแตกต่างจากกันจะมีสักคนไหมหนอ ที่กลับวิ่งกระโจนลงว่ายแหวกในความเหงาเช่นคนหนุ่มนี้ที่ยินดียื่นมือให้โซ่ตรวนแห่งความอ้างว้างมันรัดพันธนาการจนแน่นเจ็บ
                           เขาคิดถึงดอกไม้บนโต๊ะทำงาน บางที...ในเวลาที่อ้างว้างเขาหน้าจะออกไปเดินหาซื้อดอกไม้สักหอบใหญ่ จะกังวลอันใดหากต้องหาดอกไม้ให้ตัวเองแทนที่จะให้ผู้หญิง
                           คนหนุ่มดื่มเบียร์อึกใหญ่ แปลบใจขณะทบทวนว่าเขาไม่มีผู้หญิงมานานเท่าใดแล้ว และเพราะเหตุใด
                           เขาเลื่อนไหลไปกับกาลเวลา เธอเคยบอกเช่นนั้นก่อนจะหายไป เธอว่าเขาลอยล่องไปเหมือนกระแสน้ำอันเงียบเชียบซ่อนความแรงและกระซิบเศร้าในคืนค่ำ มันเงียบเกินไปที่เธอจะอยู่ด้วยได้ มันเศร้าเกินไป...และมันเลื่อนลอยเกินไป...
                            เธอเข้าใจผิดแล้ว ความจริงนั้น เขาจริงจังเกินไปต่างหาก
                            ขณะที่คนหนุ่มเผลอดิ่งจมสู่วันวาน ค้นหาเหตุแห่งความเหงาประตูห้องก็ถูกเคาะหนักๆ และเมื่อลุกไปเปิดให้ ก็พบว่าแขกที่มาเยือนคือผู้หญิงสวยคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาคิดคำนึงถึง
                            แต่เธอเป็น...คนรักของเพื่อน
                            "มาทำไม ?"
                            "อ้าว!"   เธอเลิกคิ้วฉงนก่อนจะหัวเราะละมุนกับท่าทีไม่น่ารักของเขา
                            เธอวางกล่องบนโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆ กลางห้องแล้วเปิดฝากล่องแล้วเค้กชิ้นน้อยน่าทานก็ปรากฏอวดสีหวานยั่วสายตา
                            "จำผิดหรือเปล่า ปราง"   เขาก้าวไปดนั่งตรงข้ามพลางทักท้วง "วันเกิดหมอกอีกตั้งสองเดือน"
                            "ก็ใครว่าละ วันเกิดปรางต่างหาก"   เธอยิ้มตอบ แต่หมอกยิ่งติงถาม
                            "แล้วไอ้ฟางละ"
                            "ไม่อยู่ไปเขียนรูป"   เธอยิ้มซ่อนความหม่นไหม้
                            "คราวนี้ที่ไหนอีกละ"
                            "ใต้"
                            "...."
                            "หมอกอับจนถ้อยคำ ขยับเรียวปากจะพูดปลอบ แต่ก็ได้เพียงอ้ำอึ้ง ยิ่งเห็นท่วงทีนิ่งเฉยปนยิ้มละมุนอย่างว่าแสร้งไม่หม่นเศร้านั้น หัวใจของเขายิ่งสะเทือนสะท้อนแปลบปร่าด้วยเห็นใจ
                             ทำไมหนอ เธอจึงยินดีทุกข์ทนอยู่ในรักของเพื่อนเขาทำไมผู้หญิงคนหนึ่ง จึงยินยอมหมองเศร้าเพื่อผู้ชายคนหนึ่งได้มากมายถึงเพียงนี้
                              กี่ปีล่วงมาแล้ว...เธอน่าจะรักเขา และเขาน่าจะได้พบเธอก่อน แต่บางที...เธออาจจะเกิดมาเพื่อเป็นคนรักของเพื่อนเขา   เพื่อถูกทิ้งให้เจ็บเศร้าอยู่บ่อยหน   และเพื่อให้ตัวเขาได้ไปคอยชิดใกล้เป็นเพื่อน...
                             เขารู้ว่าเขาแอบรักเธอด้วยเหตุใด   ไม่ใช่พึงใจในรูปกายงามยวนตานั้น   แต่เขาหลงรักหัวใจของเธอ หัวใจที่มีความรักอย่างมากมายเหลือเกิน จนเขาแทบไม่อยากเชื่อ   ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถรักและอดทนได้ถึงเพียงนี้
                             "ดื่มเบียร์กับเค้กเนี่ยนะ?"
                             เธอยิ้มรับกระป๋องเบียร์เย็นฉ่ำจากหมอกและเธอดื่มมันเหมือนกระหายน้ำ
                             "ทำไม"
                             "กลัวเมานะซี"
                             "เมาเบียร์จะหนักหนาอะไร   ที่เมามายอยู่ในความรักล่ะ ไม่รู้สร่างรู้ฟื้นเชียวนะ"   เขาค่อนขอดเธอตรงแทนที่เธอจะโกรธขึ้งแต่เธอกลับแย้มยิ้ม
                             "กับความรักปรางไม่ได้เมานี่จ๊ะ"
                             "แน่ใจนะ"
                             "อืมฮึ"
                             ปรางพยักหน้าปนยิ้ม   หมอกส่งมีดให้ตัดเค้ก   แล้วเขาจุดเทียนเกลียวหลากสีหวานแท่งเล็กๆ สิบกว่าแท่งที่ปักเรียงวนบนหน้าเค็ก
                              "อะไรกันเทียนมีไม่ถึงยี่สิบเล่ม"
                              "ก็อยากอายุสิบเจ็ดไม่ได้หรือไง   จะได้นึกถึงปีแรกที่ได้พบกับฟาง"
                              "อ๋อ..."   หมอกรับคำแล้วก็ยิ้มมองเธอ   "เอาสิ อธิษฐานแล้วเป่าเทียนได้เลย อยากกินเค้กเต็มที่แล้ว"
                              เธอหลับตาอธิษฐานในใจอย่างว่าง่าย   และเธอเปิดเปลือกตาก่อนจะก้มหน้าลงเป่าเทียนจนดับทั้งหมด
                              หมอกปรบมือแล้วพูดอ่อนโยน
                              "สุขสันต์วันเกิดนะปราง"
                              และเขาขยับเข้าไปใกล้   วางจูบแผ่วเบาลงบนแก้มนุ่มเนียนครู่หนึ่งเมื่อผละถอยออกมา   เขาได้ยินเสียงเครือสั่นของเธอ
                              "ขอบคุณนะ หมอก"
                              แล้วเธอจ้องมองเศร้าสร้อยบนเค็กเบื้องหน้า   เทียนเกลียวสีหวานแท่งน้อยๆ ที่เพิ่งมอดดับยังอวดควันลอยกรุ่น
                              "เฮ้! ไม่เอาน่า อย่าทำตัวขี้แยในวันเกิดนะ   ความเข้มแข็งหายไปไหนหมดซะล่ะ"   หมอกแสร้งร้องทักเสียงดัง   เธอรีบยกหลังมือปาดน้ำตาที่คลอเอ่อก่อนที่มันจะหยาดหยด   และพยายามคลี่ยิ้ม
                              "เพื่อนของหมอกไง   ที่ละลายความเข้มแข็งของปรางหมดแล้ว   บางที...ปรางคงเข้มแข็งจนเกินไปมั้ง...ฟางเขาเลยไม่ค่อยห่วง   เขาเลยปล่อยปรางไว้ได้เสมอๆ"
                              "ตัดเค็กเถอะ"
                              หมอกเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะเธออย่างปลอบโยน   ปรางตัดเค้กเป็นชิ้นบางๆ แล้วนั่งทานเอร็ดอร่อยกับหมอก

                              สองคนชวนกันพูดคุยร้อยพันเรื่องราว   หัวร่อผสานกันแว่วอยู่ในสายลมค่ำคืน   ไม่กังวลต่อเวลาที่เคลื่อนไหลไปจนถึงดึกดื่น...
      
                         บนพื้นห้องเกลื่อนไปด้วยกระป๋องเบียร์   คนหนุ่มกับคนสาวเริ่มมึนเมาแล้ว...
                               ตอนหมอกอกหักซี่   ตลกชิบเป๋งเลย"   ปรางเรอเอิ้กอ้ากแล้วหัวร่อร่วน   "จำได้มั้ย คืนนั้นที่หมอกไปเมามายอยู่ในสตูดิโอของฟางน่ะ พอตอนเช้าหมอกกลับไปแล้ว ฟางเขาร้องไห้น้ำตาซึมเชียว   ปรางก็ปลอบเขาใหญ่เลย   บอกว่าหมอกอกหักแค่ไม่กี่วันก็หาย   ทำไมฟางต้องร้องไห้สงสารหมอกด้วย   ฟางเค้าว่าไงรู้ป่าว   ใครบอกว่าเค้าสงสารหมอก เค้าเสียดายภาพเขียนชิ้นโปรดของเค้า ก็หมอกเล่นอ้วกใส่งานของเค้าซะเละเป็นโจ๊กเลย..."
                              แล้วปรางก็หัวเราะขบขันเสียงลั่นอยู่คนเดียว   แต่หมอกเพียงยิ้มละไม เขาวางสายตาบนเธออย่างพึงใจ   เขาชอบยามเธอหัวเราะสนุก   เนียนแก้มขาวของเธอเหมือนถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อน่ามอง หรือบางที   ผู้หญิงอาจดูสวยยวนตาเมื่อเวลาเมามาย...
                              "เฮ้   นั่งมองปรางอยู่ได้ เป็นอะไรหรือหมอก"
                              "อยากจูบปราง"
                              "เฮ้ย! บ้าน่า"   เธอโบกมือไม้อย่างขันนัก
                              "ทำไมเพื่อนขอจูบเพื่อนไม่ได้เหรอ"
                              "ได้ซี   ถ้ามันจะทำให้หมอกสุขใจได้"
                              "ได้จูบคนที่เราชอบ   ทำไมจะไม่สุขใจ"
                              "ก็หลังจากนาทีนั้นผ่านไป   หมอกอาจเป็นทุกข์ใจที่หักหลังฟาง   ปรางรู้นะ...ว่าหมอกรักฟางแค่ไหน"
                              "ก็ใช่ แต่ก็รักปรางด้วยนี่นา"
                               หมอกทำเกเรเอาแต่ใจ   เธอสบตานิ่งนานกับเขา แล้วเธอก็ปิดเปลือกตาพริ้มอย่างอนุญาต   หมอกเชยคางเธอไว้แผ่วเบา   ขยับกายเข้าชิดใกล้...ได้กลิ่นเบียร์กรุ่นรวยรินในลมหายใจของเธอ ริมฝีปากสีแดงอิ่มสวยของเธออยู่ใกล้แทบรู้สึกถึงได้ความอุ่นผ่าว   เขาเผยอปากจะจูบแนบลงไป   แต่ในที่สุดเขาก็ผละออกมา...
                               "ลืมตาเถอะปราง หมอกยอมแพ้"
                               "ทำไม?"
                               "คนเราควรรู้จักหักห้ามใจ"
                               "หมอกเยี่ยมไปเลย"   เธอชมแย้มยิ้ม แต่หมอกแกล้งกระเซ้า
                               "เปล่าหรอก   กลัวจูบแล้วปรางจะมาหลงรักน่ะซิ"
                               "เฮ้ย! บ้าน่า"   เธอหัวเราะสนุกแล้วร้องถามเมื่อเขาลุกขึ้น
                               "จะไปไหน"
                               "ซื้อเบียร์ มันหมดแล้ว"
                               "หมดก็พอเหอะ   คนเราควรรู้จักหักห้ามใจ"   เธอล้อคำเขาแล้วลุกตามบ้าง   "ปรางจะกลับแล้ว   ขอคุณมากนะหมอก ปรางมีความสุขมากเลยวันนี้ ถ้าไม่ได้หมอก...คงแย่..."   เธอทอดถอนใจแล้วเอื้อมมือมาบีบมือเขา... "หมอกรู้มั้ย ปราง... เหงา เหงามากๆ เลยไม่งั้นไม่มากวนหรอก"
                                "ขอบใจที่ยังนึกถึง...ในยามที่...รู้สึกเหงา"
                                หมอกยิ้มใส่ตาเธอ ปรางตบแก้มเขาเบาๆ แล้วลาจาก
                                เขากลับมายืนอิงข้างหน้าต่าง   เวิ้งฟ้าสีน้ำเงินเข้มกว้างไกลสุดตา คืนนี้ฟ้าเหงา...ไม่มีพระจันทร์ ไม่มีดาว...

                           
    หากทว่าหมอกหายเหงาแล้ว...
                      
         เขาพบว่ายังมีคนอื่นไม่น้อย   ที่รู้สึกหม่นทุกข์กับความเหงาอันแสนร้าย...ในเมืองใหญ่ในท่ามกลางผู้คนนับล้าน...
                                เขาปรายตามองบนโต๊ะ เทียนสีแดงหวานนอนนิ่งบนครีมเค้กสีขาวขุ่น
                                หัวใจเศร้าของเขา เงาสีเทาคล้ายจางลงบ้างแล้ว...

                                                                  
    ขออนุญาตจูบดวงตาทุกคู่ที่กรุณาอ่าน
                                                                                "ฟ้า   เสนีย์วงศ์  ณ  อยุธยา"
     
                                                

Poet 2543

Ani004LHummbird.gif (2404 bytes)
| Home | การแต่งร้อยแก้ว | การแต่งร้อยกรอง | วิธีการร่วมสนุก | About Us | Top |
Weekly Poems | วันจันทร์ | วันอังคาร | วันพุธ | วันพฤหัสบดี | วันศุกร์ | วันเสาร์ | วันอาทิตย์ |
| นวนิยาย | บทละคร | เรื่องสั้น | บทความ | เรื่องที่อยากเล่า | นิทาน | ตำนาน-ชาดก | แนะนำหนังสือ | สาระ-เกร็ดความรู้ |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999

poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com

1