You are Poet2543

7smooth.com  ยินดีต้อนรับ

นวนิยาย    เรื่องสั้น   บทความ    เรื่องที่อยากเล่า

สนามแสดงความสามารถทางด้านการประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง

เรื่องสั้น
เรื่องของขิง

                  เดี๋ยวนี้ใครต่อใครก็ผ่านเมืองนอกเมืองนากันมาทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะจบโท จบตรี จบไฮสคูล หรือเซอร์ติฟิเคท นี่ยังไม่รวมพวกที่จบภาษางูๆปลาๆ หรือจบทัวร์ต่างประเทศ ที่ได้ปริญญาเป็นถุงซอปปิ้งร้านยี่ห้อดังๆ ที่ขิงเกิดอีก ห้าร้อยชาติก็ยังไม่มีปัญญาซื้อมาใส่ ถ้าจะสู้กันด้วยความรู้ความสามารถล่ะก็ คนอย่างขิงไม่เคยน้อยหน้าใคร
                   ขิงเรียนจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ไม่ใช่ว่าขิงเอ็นท์ไม่ติดหรอกนะถึงต้องมาเรียนที่นี่ แต่ขิงอยากมีเวลาว่างสำหรับงานพิเศษ เพื่อจะได้เอาเม็ดเงินเหล่านั้นมาเป็นทุนเรียนตะหาก ความจริงขิงสอบเทียบม.6 ได้ตั้งแต่ ชั้นม.4 แล้วจะมาว่าขิงเก่งน้อยกว่าคนอื่นได้ยังไง แต่ว่างานสมัยนี้เค้าไม่ได้ดูกันแค่ความรู้ความสามารถในการทำงานอย่างเดียวซะแล้ว เค้าวัดกันด้วยความสามารถทางด้านภาษาต่างประเทศด้วย ยิ่งใครพ่นได้เหมือนฝรั่งเท่าไหร่ยิ่งดูมีภาษีดีกว่าคนอื่นๆ ยิ่งถ้าพูดไทยคำ อังกฤษคำได้ล่ะก็ยิ่งดูน่าเชื่อถือ แล้วคนอย่างขิงที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคย ออกนอกประเทศ แม้แต่แผ่นดินลาว พม่า เขมร หรือประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เท้าของขิงก็ไม่เคยไปเหยียบ จะไปพูดฝรั่งสู้พวกนักเรียนนอกพวกนั้นได้ยังไง

                  "นี่ประเทศไทยของเราเป็นเมืองขึ้นฝรั่งตั้งแต่เมื่อไหร่กันหว่า" ขิงคิดในใจ

                  จดหมายสมัครงานที่ขิงเพียรส่งไปเป็นสิบๆฉบับ ไม่เคยได้รับคำตอบ ไม่ว่าจะเป็นตอบรับหรือปฏิเสธ เค้าจะบอกให้รู้หน่อยไม่ได้รึไงนะ ว่าไม่รับเพราะ อะไร หรือไม่มีปัญญาจะหาเหตุผลดีๆมาอ้าง ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ บอกมาตามตรงว่าขิงไม่อินเตอร์พอ หรือไทยแท้เกินไป ขิงว่าก็ยังพยายามยอมรับได้ หรืออาจจะเป็นเพราะ จดหมายของขิงไม่ได้พิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรมไมโครซอฟ หรือไม่ได้สแกนรูปติดเข้าไปด้วยเทคนิคสมัยใหม่ หรือไม่มีอีเมลแอดเดรสให้ติดต่อกลับก็ยากจะเดา แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ขิงก็ยังหางานทำไม่ได้อยู่ดี

                  วันนี้ขิงออกตระเวนสมัครงานตามปกติ แต่งตัวเรียบร้อยพอแก่ฐานะด้วย เสื้อผ้าที่หาซื้อได้ตามตลาดขายของถูกเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบที่เค้า ตระเวนจัดขายกันทั่วกรุงเทพฯ ขิงว่าของที่เค้าเอามาขายก็ไม่ได้ต่างจากเสื้อผ้า ตามห้างตัวละเป็นพันซักเท่าไหร่ เสื้อผ้ายี่ห้อ PUCCI ของขิง อาจจะตัดเย็บได้ดีพอๆกับยี่ห้อ GUCCI ตามห้างใหญ่ๆ เพียงแต่ PUCCI ไม่ได้นำเข้า ไม่เคยจัด แฟชั่นโชว์โดยนางแบบชั้นนำของฟ้าเมืองไทย และของโลกก็เลยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ที่สุดท้ายต้องผลักภาระให้แก่ผู้ซื้อก็เท่านั้นเอง

                  เฮ้อ...ไปๆ มาๆ
                  นอกจากเราจะตกเป็นทาส "ภาษานอก"แล้ว เรายังตกเป็นทาส "ของนอก" อีก จนได้ ขิงล่ะเบื่อ

                  ระหว่างที่กำลังถอนหายใจอยู่นั้น สายตาของขิงก็เหลือบไปเห็นสาวสวย คนนึงกำลังเดินอย่างเร่งรีบมาตรงป้ายรถเมล์ที่ขิงยืนอยู่   ขิงมองสาวคนนั้นตั้ง แต่ทรงผมซอยสั้นย้อมสีนำสมัย ใส่แว่นตาดำเหมือนกำลังซ่อนเร้นอะไรอยู่ มองดูคล้ายๆกับแฟชั่นนอกรีตแถวๆปทุมธานี ลงมาที่ตุ้มหูและสร้อยคอ ทองคำขาวแปะเพชร ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักศึกโส เอ๊ยนักศึกษาที่หน้าตาและรูปร่างดี แต่ทำตัวให้ยากจน
                  สายตาของขิงยังคงมองไล่ลงมาที่เสื้อผ้าดูเรียบง่ายสไตล์ผู้หญิงปี 2000 (แต่สงสัยว่าราคาของมันคงต้องเกินสองพันแหงๆ) มองลงมาเรื่อยๆพลันสายตาก็ไปสะดุดที่กระเป๋าสะพายสีฟ้ามีลิงตัวเล็กๆห้อย ต่องแต่งอยู่ข้างๆ ขิงว่าน่าจะแนะนำการท่องเที่ยวของจังหวัดลพบุรี ให้ทำเป็น ของที่ระลึกขายหน้าศาลเจ้าพ่อพระกาฬ นำเงินรายได้ไปเลี้ยงโต๊ะจีนลิงประจำปี เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวในปีอะเมซซิ่งไทยแลนด์1999 ที่จริงขิงไม่เห็นว่า มันจะดีกว่ากระเป๋าหนังเมดอินไทยแลนด์ใบละ 199 บาทของขิงที่ตรงไหน ของขิงยังดูสุภาพ และส่งเสริมวุฒิภาวะของคนถือมากกว่าอีก ขิงเมินสายตาออกมาจากหญิงสาวคนนั้นหลังจากไล่สายตาไปสุดที่รองเท้าส้นหนาราวกับ
ยืนอยู่บนแท่นกายกรรมที่พร้อมจะเสียการทรงตัวได้ทุกเมื่อ
                  ไม่ทันถึง 3 วินาทีที่ขิงละสายตาจากหล่อน... "ขิง ขิง ยัยขิง นั่นยายขิง จอมครึใช่มั๊ยนั่น" เสียงของสาวคนนั้นนั่นเองแต่เอ๊ะ... หล่อนรู้จักขิงได้ยังไงกัน
                  แล้วขิงก็ได้คำตอบเมื่อมือขาวเนียนราวกับไม่เคยทำงานใดๆมาก่อน ยกขึ้นดึงแว่นตากันแดดออกจากใบหน้า ขิงต้องมองฝ่าเครื่องสำอาง และร่องรอยการศัลยกรรมใบหน้าอยู่สักครู่ถึงจำ "มี่" เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของตัวเองได้
                  "เฮ้ย มี่ ไปไงมาไงกันเนี่ย มาทำอะไรอยู่แถวนี้จ๊ะ" มี่ดึงขิมไปที่ร้านฟาสต์ฟู้ด ใกล้ๆและใช้เวลาตอบคำถามง่ายๆของขิมอยู่ถึง 2ชั่วโมง มี่เล่าว่าหลังจากจบ มัธยมปลายแล้วมี่ก็ไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ พ่อแม่ของมี่ใช้เส้นก๋วยจั๊บที่มีอยู่ ยัดมี่เข้าไปในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งแต่มี่ก็พิสูจน์ให้พ่อแม่ เห็นว่ามี่มีเส้นใหญ่แต่สมองเล็ก โดยการโดนรีไทร์ออกจากสถาบันถึง 2 ครั้ง ในที่สุดก็สรุปลงที่พ่อกับแม่ส่งมี่ไปเรียนคอร์สระยะสั้นที่ประเทศอเมริกาเพื่อเป็นการ "ชุบตัว" มี่ใช้เวลาเพียง 2 ปีก็ได้เซอร์ติฟิเคทกลับมาฝากพ่อกับแม่หนึ่งใบ แถมด้วยอาการ "ฝรั่งจ๋า" พูดไทยคำอังกฤษคำและการตกเป็นทาสสินค้านอกประเทศอย่างบ้าคลั่ง สองอย่างหลังนี่ขิงประมวลเอาเองจากการสังเกตระหว่างการสนทนา
                  "แล้วตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ หางานทำอยู่รึเปล่าจ๊ะ" ขิงถาม
                  "มายก้อด ยัยขิมเอ๊ย คนอย่างฉันต้องหาด้วยเหรองานน่ะ วุ้ย อิมพอสซิเบิ้ลย่ะมีแต่คนจะมาเชิญให้ไปทำล่ะก็ไม่ว่า ตอนนี้ฉันทำงานเป็นผู้จัดการฝ่าย PR อยู่ที่ ....."
                  มี่เอ่ยชื่อบริษัทตัวแทนขายเสื้อผ้ายี่ห้อดังชั้นนำจากต่างประเทศ ก็บริษัทนี้แหละที่ขิงเคยไปสมัครและไม่เคยได้ผ่านขั้นตอนใดๆอีกเลยนอกเหนือจากการกรอกใบสมัครในวันนั้น
                  "แหมทำไมมี่เก่งจัง ขิงก็เคยไป สมัครทิ้งไว้นะ แต่เค้าไม่ยักเรียก"
                  "โธ่เอ๊ยยัยขิง ก็เธอเชยซะขนาดนี้ เค้าจะรับ เธอได้ยังไง้ เสียเครดิตเสื้อผ้าเค้าหมด แล้วคนที่ทำงานที่นี่นะ เค้าต้องมี connection ต้องรู้จักคนในสังคมชั้นสูง ที่จะมาเป็น target market ของเค้าไงล่ะ ต้องมีรถยนต์ส่วนตัวจะได้ไปไหนมาไหนสะดวก ไม่ใช่โหนรถเมล์ร่องแร่งอย่างหล่อน ต้องมีมือถือด้วย เอาไว้ติดต่อได้ทุกเวลา ขืนต้องวิ่งไป public phone ทุกครั้งอย่างเธอ มีหวังปวดหัวตายกันพอดี" มี่จบการสาธยายด้วยรอยยิ้มที่ มุมปาก

                  อีกครั้งที่ขิงกลับมานั่งอย่างหมดเรี่ยวแรงที่ป้ายรถเมล์ที่เดิมถ้าการได้งานหมายถึงการที่ขิง ต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนมี่ล่ะก็ ชาตินี้ขิงก็คงต้องเดินเตะฝุ่นหางานไปทั้งชาติ ที่แย่ไปกว่าก็คือขิงไม่มีกำลังทรัพย์เหลือเฟือ พอที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ว่า
                  ยิ่งคิดขิงก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าคนที่เห็นการเอาลิงมาห้อยที่กระเป๋า ตั้งชื่อแล้วแปะยี่ห้อที่ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ ของเรา แล้วเอามาขายเราใบละเกือบครึ่งหมื่น ทั้งๆที่คนไทยทำออกมาได้ เหมือนเปี๊ยบ ขายมีกำไรได้ในราคาใบละ 199 เป็นสิ่งโก้เก๋ และสำคัญขนาดบางคนต้องเสียเนื้อเสียตัวเพื่อให้ได้มา คนเหล่านั้นเค้ามีสมองที่มีรอยหยัก หรือมีขนาดใหญ่กว่าสมองของขิงงั้นเหรอ สมองที่คิดถึงแต่คุณภาพและ ความสมเหตุสมผลทางด้านราคา โดยไม่ใส่ใจกับภาษาต่างประเทศที่แปะไว้บนสินค้านั้นๆ สมองของคนเหล่านั้นสามารถคิดและทำงานได้ผลดีและมีประสิทธิภาพสูงกว่าสมองของขิงหรือยังไง ยิ่งคิดขิงก็ยิ่งงง และหาคำตอบไม่ได้

                  รถเมล์มาแล้ว ขิงคงต้องไปต่อซักที ลองไปสมัครงานดูอีกซักสองสามแห่ง ตามที่วงไว้ในหนังสือพิมพ์ บางทีถ้าเสร็จเร็วก่อนกลับบ้าน ขิงอาจจะแวะที่ ตลาดนัดสินค้าราคาถูกใกล้บ้าน หาซื้อกระเป๋าลิงห้อยซักใบสำหรับไปสมัครงานวันพรุ่งนี้......

โดย E-Om กรุงเทพฯ

You are Poet 2543

Good Luck
| Home | การแต่งร้อยแก้ว | การแต่งร้อยกรอง | วิธีการร่วมสนุก | About Us | Top |
Weekly Poems | วันจันทร์ | วันอังคาร | วันพุธ | วันพฤหัสบดี | วันศุกร์ | วันเสาร์ | วันอาทิตย์ |
| นวนิยาย | บทละคร | เรื่องสั้น | บทความ | เรื่องที่อยากเล่า | นิทาน | ตำนาน-ชาดก | แนะนำหนังสือ | สาระ-เกร็ดความรู้ |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999

poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com

1