นวนิยาย เรื่องสั้น บทความ เรื่องที่อยากเล่า |
เรื่องสั้น เขาเห็นมันเป็นเพียงแค่อีแก่ไร้ค่าคนหนึ่ง ที่มีไว้รับใช้และแก้ขัดในยามที่เขาไม่สามารถหาใครมาระบาย อารมณ์ใคร่ได้ สารรูปทรุดโทรมเหี่ยวแห้งจนเขาไม่อยากจะชายตาดูให้เสียอารมณ์ ช่างผิดกับตอนที่เขาได้มันมา ใหม่ๆ ตอนนั้น"อีแรม"มันยังสาว ยังสวย ผิวพรรณขาวสะอาด รูปร่างอวบอัดน่าดู ถ้ารู้ว่าแก่แล้วมันจะโทรมเป็น อีแร้งทึ้งอย่างนี้ล่ะก็ เขาไม่ยักเอามันมาทำเมียให้เสียสินสอดไปเปล่าๆหรอก ความดีของอีแรมถ้าจะมีอยู่บ้างก็ครงที่มันซื่อสัตย์เหมือนหมา คอยดูแลรับใช้เขาทุกอย่างโดยที่ไม่เคย ปริปากบ่น ก็ลองมันบ่นดูสิ........ พ่อจะได้เตะโครมเข้าให้ ถึงมันจะทนมือทนตีนผิดมนุษย์มนา ไม่เคยร้องซักแอะ เวลาที่เขา เผลอตัวใช้แม่ไม้ มวยไทยกับมัน แววตามันก็ยังแสดงให้เขารู้ว่ามันเจ็บแต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกสงสาร เขาเบื่อมันจะตาย อยากจะหาไอ้ที่สาวๆ สวยๆ อวบๆ มาเป็นเมียซักคน ก็กลัวว่าจะไม่มีใครรับใช้เขาได้ถูกใจ เหมือนอีแก่คนเก่า ก็เลยได้แต่หาเศษหาเลยไปเรื่อยๆ ยังไม่คิดจริงจังกับใคร บ้านเดิมอีแรมอยู่ทางเหนือ เขาไปเจอกับมันตอนที่เขายังทำงานขับรถบรรทุกขึ้นล่องขนส่งอยู่แถวๆนั้น ก็เลยทำพิธีสู่ขอกันตามธรรมเนียมก่อนจะพากันมาอยู่กรุงเทพฯเป็นการถาวร อีแรมเป็นแบบฉบับของผู้หญิงไทยแท้ ถ้ามันกราบเท้าผัวก่อนนอนได้ล่ะก็ มันคงกราบไปแล้ว แต่สิ่งที่มันทำอยู่คงเส้นคงวาคือการนับถือผัวเป็นสรณะ ไม่ เคยเถียง ไม่เคยค้าน ไม่เคยแม้แต่จะปริปากบ่นทั้งๆที่บางทีมันทำงานเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดทั้งงานนอกบ้าน ในบ้าน หาเงินมาได้เท่าไหร่ก็ให้ผัวหมด ไม่เคยมิบเม้มเก็บซ่อนแม้แต่สตางค์แดงเดียว ไม่ว่าเขาจะกินเหล้าเมาหยำเป จนเผลอลงมือลงไม้เมื่อมันทำอะไรไม่ได้ดังใจ หรือเอาผู้หญิงมานอนที่บ้านตำตา อีแรมมันก็ไม่เคยพูด แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้เขารู้สึก เสียดายมันได้ยังไง นี่ ก็จวนเวลาที่เขาจะต้องไปออกรถเที่ยวแรกแล้ว อีแรมมันยังไม่กลับมาเตรียมกับข้าวกับปลาให้เขากินอีก "ไม่รู้ว่ามัวไปแรดอยู่ที่ไหนสิน่า" ยิ่งรอเขาก็ยิ่งหิวจนตาลาย คอยดูเหอะ... กลับมาเมื่อไหร่พ่อจะเหน็บชายโครง เข้าให้ ซักที ยิ่งเขาไปออกรถช้า ก็ยิ่งต้องทำเวลาวิ่งเพื่อให้ได้ตามเที่ยวที่เฮียแกต้องการ ถ้าไม่ได้ก็หมายถึงว่า จำนวนเงินที่เขาควรจะได้ก็ต้องโดนหักลดลงไปอีก นั่นไง อีแรมกำลังเดินลิบๆมาโน่น ในมือถือถุงกับข้าว พะรุงพะรัง โดยที่ไม่ต้องถามไถ่ พอมันเดินมาถึงหัวบันไดบ้าน เขาก็ลากมันถูลู่ถูกังขึ้นบันได ปากก็เอ่ยคำผรุสวาท เท่าที่ความโกรธของเขาจะสรรหามาได้ อีแก่ อีสันดาน มึงไม่รู้รึไงว่ากูหิว มา....มานี่เลยมึง กูจะสั่งสอนซะให้เข็ด ฯลฯ เขาจิกหัวมันตบซ้ายขวาอีกอย่างเมามันในอารมณ์ จนแก้มของมันเป็นผื่นแดง ตามรอยมือ เลือดสีแดงเข้มไหลเป็นทาง ออกจากมุมปาก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีเสียงร้องออกมาซักแอะ พอตบจนหนำใจแล้ว เขาก็รามือจากร่างที่กองอยู่กับพื้น เดินตรงไปที่ถุงกับข้าว เปิดออกเทใส่จานกินเองอย่างหิวโหย ขืนมัวรอให้มันมาทำให้ เขาก็คงหิวตายกันพอดี อีแรมค่อยๆคลานออกไปจากรัศมีมือและเท้าของคนที่ได้ชื่อว่าผัว มือหยาบกร้านค่อยๆปาดเลือด ที่หยดจากริมฝีปาก น้ำตาไหลเป็นสายมาตามใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก จะมีก็แต่แววตาที่แสดงอาการคล้ายสัตว์ บาดเจ็บ ปากของมันได้รสคาวของเลือดและรสเค็มของน้ำตาผสมกัน ไม่มีใครรู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ มันค่อยๆเดินเลี่ยง เข้าครัวเพื่อตักน้ำใส่แก้วมาให้เขาดื่ม ขนาดเจ็บตัว มันก็ยังไม่วายที่จะปฏิบัติหน้าที่ของมันไม่ให้ขาดตกบกพร่อง "ไหนล่ะ ยาที่กูสั่ง" เขากระชากเสียงถาม หลังจากดื่มน้ำหมดแก้ว มือของอีแรมสั่นเมื่อรีบหยิบห่อยาเล็กๆออกมาจากชายพกผ้าถุงที่มันสวมอยู่ยื่นให้ ดีนะที่มันไม่ลืม ถ้าลืมล่ะก็ มีหวังมันคงต้องโดนตีนโดนมืออีกเป็นแน่ เขารีบคว้ายาไปจากมือ เอาเข้าไปเก็บในกระเป๋ากางเกงยีนส์ ถ้าขาดมัน เขาก็คงทำงานไม่ได้ ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งผิดกฏหมายที่รัฐบาลพยายามโฆษณานักหนาว่าเป็นอันตราย ต่อร่างกาย แต่เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีโทษตรงไหน ตรงกันข้ามเขากับรู้สึกว่ามันเป็นยาวิเศษ ช่วยให้เขามีแรงขับรถ ได้มากเที่ยวโดยไม่ง่วงไม่หลับ ใครจะเรียกมันว่ายังไงก็ช่างแต่เขาพอใจจะเรียกมันว่ายาวิเศษอยู่อย่างเดิม เขาไปออกรถได้ทันเวลาพอดี ก่อนจะออกรถเขาหยิบขวดน้ำที่เด็กประจำรถเตรียมมาให้ยกขึ้นดื่ม ตามด้วย ยาในกระเป๋ากางเกง คราวนี้เขาพร้อมที่จะไปแล้ว เครื่องยนต์ส่งเสียงกระหึ่มก่อนที่รถคันใหญ่จะแล่นออกไป คนขับ คงจะรีบเร่งจนไม่ทันเห็นร่างผอมโทรมของผู้หญิงคนหนึ่งยืนมองตามจนรถลับตาไป เขากำลังขับรถอยู่บนถนนจอแจยังไม่ทันจะออกนอกเมือง เมื่อรู้สึกง่วงงุนอย่างประหลาด คงเป็นเพราะ เมื่อคืนเขาจะหักโหมมากเกินไป ไหนจะเหล้า ไหนจะน้องอ้อย ก็มันน่ากินทั้งคู่นี่นา .......โดยเฉพาะอย่างหลัง น้องอ้อยเป็นสาวสะพรั่ง ผิวขาว รูปร่างอวบอัดน่ากอดเป็นที่สุด ผิดกับอีปลาร้าของเขาอย่างกับหน้ามือเป็นหลังเท้า ไหนจะช่างพูดช่างเจรจาทำให้เขากระชุ่มกระชวยรู้สึกเหมือนเมื่อหนุ่มๆไม่มีผิด ภาพของอีแรมซ้อนเข้ามาในมโนภาพ ถึงเมื่อคืนมันจะทำให้เขารู้สึกรำคาญหูรำคาญตาอยู่บ้าง แต่กับแกล้มของมันก็ทำให้การร่ำสุราเคล้านารีของเขาเป็นไป อย่างสมบูรณ์ ความง่วงกำลังเข้าจู่โจมเขาอีกระลอก รู้สึกหนังตาหนักอึ้งจนแทบจะถ่างตาต่อไปไม่ไหว "ทำไมมันถึง ง่วงอย่างนี้นะ" เขาฝืนสายตาเพ่งมองฝ่าไปยังถนนข้างหน้า อีกเดี๋ยวเดียวเขาก็จะหลุดจากการจราจรออกนอกเมืองแล้ว ภาพถนนตรงหน้าค่อยๆพร่าเลือนไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ต้านความง่วงไว้ไม่อยู่ เขาหลับไปหลังจากได้ยินเสียงโครม ! ดังสนั่น เขารู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนและความเจ็บปวดก่อนที่สติสัมปชัญญะสุดท้ายจะดับวูบไป เขาได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทางข้างหน้ามืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น เขากำลังเดินอยู่ที่ไหนกัน เขาพยายามคลำหาทางเดินไปตามเสียงเรียก รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ ทันใดความหวังของเขาสว่างขึ้นมาพร้อม แสงไฟริบหรี่ห่างจากเขาแค่เอื้อมมือถึง ตรงหน้า....อีแรมกำลังถือเทียนเล่มหนึ่งยืนจ้องมาที่เขา มันกำลังยิ้ม ยิ้มอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมันยิ้มมาเป็นเวลานานนับปี เขาเอื้อมมือคว้าหวังจะยึดมันเป็นที่พึ่ง แต่ดูเหมือนว่าอีแรม จะอยู่ห่างจากเขาไปทุกที ทุกที เขาพยายามวิ่งตามแต่วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ทัน เขาตะโกนเรียกชื่อมันสุดเสียง แต่ก็ไม่ได้ยิน เสียงใดๆเล็ดลอดออกจากปาก เขาสะดุ้งสุดตัว เหงื่อชุ่มแผ่นหลัง เขาแค่ฝันไปหรอกหรือนี่ เขาลืมตามองเพดานทีมีพัดลมหมุนส่งเสียงหึ่งๆ พยายามขยับตัวแต่กลับรู้สึกชาไปหมดมีแต่ความรู้สึกเจ็บปวด โดยที่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเจ็บมันปวดตรงไหนกันแน่ เขาพยายามทบทวนความคิด...ใช่แล้ว เขากำลังจะขับรถบรรทุกของเที่ยวแรกไปส่ง หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกง่วงนอน แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีก ทำไมเขาถึงมานอนอยู่ที่นี่ได้ ความคิดของเขาสะดุดลงเมื่อจู่ๆก็เห็นใบหน้าของอีแรมยื่นเข้ามาใกล้ๆเรื่องราวในความฝันยังคงชัดเจน จนเขาแทบจะแยกไม่ออก ว่ามันเป็นความจริงหรือเป็นแค่ความฝัน หน้าของอีแรมยังคงนิ่งเฉยไร้อารมณ์เหมือนเดิม แต่เขารู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างแปลกไป อีแรมทักทายเขาสั้นๆ และจากคำพูดสั้นๆ ต่อมาของมันก็ทำให้เขา ไขปริศนาของตัวเองออก อีแรมมันว่า..เขาหลับในระหว่างที่กำลังขับรถ รถบรรทุกก็เลยเสียหลักพุ่งเข้าชนราวถนน และพลิกคว่ำ เด็กประจำรถของเขาตายคาที่ ในขณะที่เขาเจ็บหนัก ต้องมานอนโรงพยาบาลถึง 5 วัน 5 คืนกว่าจะฟื้น เขาอยากจะถามอีแรมหลายคำ แต่เขาไม่สามารถขยับปากได้ อีแรมคงจะอ่านสายตาเขาออก ถึงได้บอกข่าวร้ายที่สุด ในชีวิตให้เขารู้อีกว่า เขาไม่มีวันที่จะขยับส่วนใดๆของร่างกายได้อีกแล้วไม่ใช่แต่ปากอย่งเดียว เขา...... เป็นอัมพาต น้ำตาแรกของผู้ชายอย่างเขาไหลรินลงมาอาบใบหน้า ให้เขาตายไปพร้อมกับเด็กรถยังจะดีเสียกว่า นี่เขาต้องมีชีวิตอยู่ แบบครึ่งผีครึ่งคนไปอีกนานเท่าไหร่ ปี สองปี สิบปี ยี่สิบปีหรือมากกว่านั้น ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเป็นทุกข์และสงสารตัวเอง เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นเขาก็ได้กลับบ้าน ไม่ใช่เพราะอาการดีขึ้น แต่เป็นเพราะอัตราค่ารักษาที่แพงหูฉี่ นั่นตะหาก ไอ้บริษัทเวรตะไลที่เขาทำงานให้ พอรู้ว่าเขาเป็นอัมพาตมันก็ให้ออก โดยไม่ให้ค่าชดเชยแม้แต่สตางค์ แดงเดียวอย่าว่าแต่ค่ารักษาพยาบาล เขาต้องมานอนตามมีตามเกิดอยู่บนฟูกเก่าๆในบ้าน โดยมีอีแรมคอยดูแลให้ข้าว ให้น้ำให้ยา พออีแรมต้องไปทำงาน เขาก็ต้องนอนนิ่งๆมองดูเพดานรอจนมันกลับ เดี๋ยวนี้มันจะกลับช้ากลับเร็ว เขาก็ดุด่าเตะต่อยมันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน หนำซ้ำยังต้องยอมรับทุกๆอย่างที่มันทำให้แก่เขาโดยดุษฎี เช่นถ้าวันไหน อีแรมอยากกินข้าวเหนียวส้มตำ มันก็จะป้อนสิ่งเดียวกันนั้นเข้าปากเขา และเขาก็ต้องอ้าปากรับทั้งๆที่เขาเกลียด ข้าวเหนียวส้มตำใจจะขาด ตอนแรกๆเขาก็ไม่ยอมกิน แต่ความหิวมันสอนให้เขารู้ว่าเขาไม่ควรเลือก เดี๋ยวนี้อีแรมมันดูดีขึ้นผิดตา รูปร่างผิวพรรณอาจจะไม่เปล่งปลั่งเหมือนเมื่อสาวๆ แต่ก็ดูมีน้ำมีนวลสมวัย หรือเป็นเพราะเดี๋ยวนี้อีแรมมันรู้จักแต่งตัวเขียนหน้าทาปากทำให้มันดูสวยขึ้นเป็นกอง แต่มันก็ยิ่งทำให้เขาทรมานใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่รีรอที่จะใช้สิทธิ์ของความเป็นผัว แต่เดี๋ยวนี้ร่างกายของเขากลับไม่อำนวย ทั้งๆที่จิตใจของเขา ยังมีความต้องการเรียกร้องตามธรรมชาติ อีแรมเริ่มกลับบ้านดึกๆดื่นๆ บางวันเขาต้องนอนหิ้วท้องรอมันจนไส้ แทบขาด กว่าจะได้กินข้าวเย็นที่มันซื้อติดมือมาป้อน ถึงแม้มันจะยังดูแลทั้งป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เขาอย่างดีสม่ำเสมอ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันทำไปอย่างแกนๆตามหน้าที่ของมันเท่านั้น ก็ยังดีหรอกที่มันไม่ปล่อยให้เขา นอนเน่าตายอยู่ตรงนั้น นานวันเข้าเขาก็เริ่มชินกับการกินข้าวมื้อเย็นตอนเที่ยงคืน วันนี้เขาไม่ต้องรอนานเหมือนเคย อีแรมกลับมาถึงบ้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน มันเช็ดตัวให้เขารู้สึก สบายเนื้อสบายตัว แล้วก็ลงมือป้อนข้าวเขาตามปกติ ถึงสีหน้าของมันจะดูเรียบเฉย แต่แววตาดูหลุกหลิกเห็นได้ชัด เขาอยากจะถามแต่ทำได้แค่เพียงส่งสายตา พอป้อนข้าวคำสุดท้ายเสร็จ วางจานลงซักพัก มันก็เริ่มพูด "วันนี้จะพาคนมาหา ชื่อพงษ์ เขาจะมาช่วยฉันดูแลพี่ " "ฉันจะให้เขามาอยู่ที่นี่เลย ก็ให้นอนห้องข้างในนั่นแหละ" เขาไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมจะต้องมีคนมาดูแลเขาอีก ในเมื่ออีแรมมันก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีอยู่แล้ว แล้วทำไมไอ้พงษ์คนนี้ถึงต้องไปนอนห้องข้างใน แล้วอีแรมล่ะ จะไปนอนที่ไหน
เขาไม่ต้องรอนานนักก็รู้คำตอบ
ถึงร่างกายส่วนอื่นๆของเขาจะเสื่อมสภาพ
แต่สมองของเขายังคงใช้การได้ดี
ไอ้พงษ์.....เป็นผัวใหม่ของอีแรม
หรือจะเรียกอีกอย่างว่าเป็นชู้จะถูกกว่า
มันเริ่มคบหากันตั้งแต่เขายังขับรถบรรทุก
ขึ้นล่องต่างจังหวัด
โดยแอบไปพบกันตอนที่เขาไม่อยู่
ไอ้พงษ์ทำงานเป็นลูกจ้างร้านขายยา
ใกล้ๆกับโรงงานที่อีแรม
ทำงานอยู่
มันจึงมีโอกาสนัดพบกันทุกวันโดยที่เขาไม่เคยระแคะระคาย
ที่อีแรมมันอึดทนมือทนตีนเขาอยู่ได้ตั้งนาน
ก็เพราะมีไอ้พงษ์คอยปลอบและคอยให้กำลังใจ
แล้วก็ไอ้(ห่า)พงษ์คนนี้แหละ..............ที่เป็นคนขายยานอนหลับ
ให้อีแรม
ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุรถบรรทุกคว่ำเมื่อหลายเดือนก่อน |
You are Poet 2543 |
| Home
| การแต่งร้อยแก้ว
| การแต่งร้อยกรอง
| วิธีการร่วมสนุก | About Us | Top |
Weekly Poems | วันจันทร์ | วันอังคาร | วันพุธ | วันพฤหัสบดี | วันศุกร์ | วันเสาร์ | วันอาทิตย์ |
| นวนิยาย | บทละคร | เรื่องสั้น | บทความ | เรื่องที่อยากเล่า | นิทาน | ตำนาน-ชาดก | แนะนำหนังสือ | สาระ-เกร็ดความรู้ |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999
poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com