You are Poet2543

7smooth.com  ยินดีต้อนรับ

นวนิยาย    เรื่องสั้น   บทความ    เรื่องที่อยากเล่า

สนามแสดงความสามารถทางด้านการประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง

เรื่องสั้น
แด่ความไม่ศรัทธาของข้าพเจ้า

                        เที่ยงสี่สิบห้านาที แสงแดดจัดจ้าและร้อนแรง  วูบหนึ่งสายลมอบอ้าวพัดเอาฝุ่นมาเข้าหน้าหอบใหญ่ ผมควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาและเช็ดหยดเหงื่อที่ไหลย้อยลงมาตามใบหน้า จากตรงที่ผมยืนอยู่สามารถมองเห็นพวกคนงานก่อสร้างกำลังล้อมวงกินข้าวกันเป็นกลุ่มๆอยู่ในร่มเงาอาคาร บางคนที่กินเสร็จแล้วก็ล้มตัวลงงีบนอนเพื่อเอาแรงไว้ต่อสู้กับงานหนักในช่วงบ่ายต่อไป
                         แต่ไม่ว่าเปลวแดดจะแผดร้อนแค่ไหน ทั้งเขาและผมก็ยังคงยืนคู่กันอยู่อย่างมั่นคงกลางลานกว้าง นึกๆแล้วมันก็แลดูน่าหัวเราะอยู่เหมือนกันที่เราสองคนมายืนด้วยกันได้ เขาอยู่ในชุดพราหมณ์สีขาวสะอาด ในมือถือตำราเก่าขาด ขณะที่ผมผูกเนคไทสีแสบและในมือถือแบบพิมพ์เขียว ....เรายืนเผชิญหน้ากันเหมือนเป็นคู่ต่อสู้ที่แต่ละฝ่ายต่างก็เป็นตัวแทนของอะไรสักอย่าง
                       “เอาตรงหัวโค้งนี่ก็ได้” เขาพูดเนิบๆ... ความหมายเต็มของประโยคนี้คือให้วางศาลพระพรหมไว้ตรงหัวโค้งนี่ก็ได้
                       “มีตำแหน่งอื่นที่ใช้ได้อีกไหมครับ” ผมเค้นเสียงพูดเหมือนรำคาญเขาเต็มที พยายามทำท่าทางให้เขารู้ว่าผมก็เชื่อมั่นในวิชาชีพของผมไม่น้อยกว่าที่เขาเชื่อในวิชาชีพของเขา
                       “ตรงนี้แหละดีแล้ว ทั้งทิศทั้งตำแหน่ง เหมาะที่สุดแล้ว” เขาพูดเนิบๆอีก แล้วหรี่ตามองผมเหมือนกับจะบอกให้รู้ว่ากูก็รำคาญมึงเหมือนกัน
                       “แล้วถ้าเป็นตรงสวนหย่อมโน่นล่ะครับ ผมว่าตรงหัวโค้งนั่นมันจะบังหน้าร้านค้าไปหน่อยนะ”
                         เขาเงียบ....
                       “ศาลพระพรหมอยู่ในสวนก็ดูร่มรื่นดีนะครับ เวลามีคนมาสักการะก็เป็นสัดเป็นส่วนไม่วุ่นวาย” ผมรุกเข้าไปอีก
                       “ก็ดีๆ... แต่เอาให้พระพรหมหันด้านหน้ามาทางตลาดก็แล้วกัน” พ่อพราหมณ์ยินยอมในที่สุด “คุณต้องเตรียมฐานให้ศาลพระพรหมด้วย เป็นฐานกลมเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรเก้าเซ็นติเมตร สูงยี่สิบสองเซ็นติเมตรนะ ตัวศาลซื้อสำเร็จรูปเอาก็ได้ แล้วพระพรหมกับพวกของในพิธีการทางเราจะเตรียมมาเอง”
                         ผมจดข้อมูลที่เขาบอกลงในสมุดโน้ต
                       “เรื่องฤกษ์ยามนี่คุณรู้แล้วใช่ไหม วันที่สี่เดือนหน้า เก้าโมงเก้านาที”
                       “รู้ครับ... ฝ่ายธุรการบอกผมแล้ว”
ผมจดกำหนดการทำพิธีตั้งศาลพระพรหมลงไปในสมุด ความจริงผมยังไม่รู้เรื่องฤกษ์หรอก ฝ่ายธุรการเพิ่งแจ้งให้ผมทราบเมื่อเช้านี้เองว่าตอนบ่ายจะมีพราหมณ์มาดูทำเลที่ตั้งศาลพระพรหม และให้ผมซึ่งเป็นสถาปนิกประจำโครงการช่วยพาชมสถานที่และอำนวยความสะดวกด้วย
                        ปกติผมไม่เชื่อถือเรื่องโชคลางหรือเรื่องไสยศาสตร์อะไรพวกนี้เท่าไหร่ ...ก็คนไม่เคยเจอผี ไม่เคยถูกเสกของเข้าท้องนี่ครับ เคยแต่ได้ยินมาว่าเวลาดูฤกษ์ยามนี่ให้ไปดูกับพระหรือหมอดู พอได้มาเห็นพราหมณ์ตัวจริงเข้าเลยรู้สึกแปลกๆเหมือนกัน ไม่ยักรู้ว่าพราหมณ์นี่ก็เป็นอาชีพที่ใช้หากินได้กับเขาเหมือนกัน แต่เอาเถอะ ก็คนทุกวันนี้ทำอะไรแปลกๆขึ้นทุกทีอยู่แล้วนี่
                        ถ้ามองในมุมกลับแล้ว แม้แต่อาชีพสถาปนิกเองก็ยังมีคนอีกตั้งมากมายที่ไม่รู้ว่าอาชีพนี้เขามีไว้ทำอะไรกันบ้าง
                       “ขอตัวก่อนก็แล้วกัน ต้องไปดูอีกหลายที่” พ่อพราหมณ์ตัดบทบอกลาเนิบๆ ไม่น่าเชื่อว่าอาชีพของเขาจะทำให้เป็นคนมีงานล้นมือได้เสียด้วย....

                        ผมโทรไปรายงานผลสรุปกับฝ่ายธุรการ แล้วขอให้ช่วยจัดซื้อศาลพระพรหมสำเร็จรูปมาให้ด้วย ขอให้เป็นสีออกน้ำเงินๆเพื่อให้เข้ากับโทนสีของโครงการ ส่วนเรื่องรูปแบบให้ฝ่ายเขาตัดสินใจเองเลยเพราะพวกศาลสำเร็จรูปจะมีหน้าตาไม่ค่อยหนีกันอยู่แล้ว
                       “เฮ้ย! พราหมณ์กลับไปแล้วเหรอวะ จะให้ดูลายมือให้ซะหน่อย” พี่เป้---วิศวกรโยธาร่างใหญ่ประจำโครงการ ผลักประตูพรวดเข้ามาถาม
                       “กลับไปแล้วพี่ เอ๊ะ! พวกพราหมณ์นี่ดูลายมือได้ด้วยเหรอ”
                       “ไม่ใช่เหรอวะ ก็ปกติเขาเอาไว้ทำอะไรบ้างล่ะ”
พี่เป้ถามกลับ
                       “ก็เอาไว้ทำพิธี เอาไว้ดูฤกษ์.... ไม่รู้สิพี่ ผมไม่เคยมีเพื่อนเป็นพราหมณ์ซะด้วย” ผมตอบแบบขอไปที แล้ววกมาคุยเรื่องงานต่อ “เออพี่เป้ เราต้องทำฐานให้ศาลพระพรหมด้วยนะ ฝากพี่ดูเรื่องโครงสร้างด้วย เดี๋ยวผมเขียนแบบให้”
                       “เออๆดูให้ แล้วไอ้ตัวศาลนี่มันหนักแค่ไหนวะ ต้องใส่เสาเข็มหรือเปล่าวะนี่”
เขาเดินบ่นพึมพำออกไป
                       งานนี้ดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองอาทิตย์กว่าให้เตรียมการ แต่เพื่อความมั่นใจผมจึงคว้าแผ่นกระดาษขึ้นมาเริ่มร่างแบบคร่าวๆก่อน โดยยึดระยะต่างๆตามที่พราหมณ์บอก เฮ้อ!.... ถ้าสร้างจริงแล้วระยะเพี้ยนไปสักสองสามมิลลิเมตรจะผิดตำราหรือเปล่าก็ไม่รู้

                        เวลาหมุนผ่านไปเรื่อยๆตามปกติ..... งานก่อสร้างก็ค่อยๆคืบหน้าไปตามปกติของมันเหมือนกัน ไซท์งานที่ผมประจำอยู่เป็นโครงการก่อสร้างตลาดนัดขนาดใหญ่ ซึ่งก็คงกินระยะเวลาในการก่อสร้างอยู่เกือบๆปีทีเดียว ตอนแรกๆผมเข้าใจว่าไม่น่าจะเป็นงานยากเย็นอะไร ก็แค่ตลาดเท่านั้น ไม่ได้มีงานส่วนที่เรียกว่า“งานสถาปัตย์” ที่เป็นการตกแต่งความสวยงามมากมายนัก แต่เอาเข้าจริงๆกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเท่าไหร่ เพราะเป็นงานก่อสร้างในช่วงหน้าฝนพอดี ประกอบกับได้ผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีสไตล์การทำงานแบบลูกทุ่งพอสมควร คือไม่รู้จักการทำงานตามแผนงานเท่าใดนัก ทุกๆวันที่หน้างานจะมีอะไรให้วุ่นวายได้เสมอ หากเมื่อไหร่ที่ผมรู้สึกว่าตัวเองว่างงาน เพียงแค่ออกไปเดินเล่นรอบๆสักครู่ก็จะเจอปัญหาให้ได้กลุ้มได้แก้ทุกที มีเรื่องใหม่เข้ามาทุกวันขณะที่เรื่องเก่าก็ยังไม่ได้สะสาง จึงไม่แปลกที่บางทีผมก็หลงลืมเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปบ้าง
                        อย่างเรื่องศาลพระพรหมนี่ก็เหมือนกัน ผมเพิ่งมากระตือรือร้นอีกทีก็ตอนที่โฟร์แมนของผู้รับเหมามาบอกว่าเทปูนตรงตัวฐานกลมเสร็จแล้ว กังวลเล็กๆอันดับแรกที่ผุดขึ้นมาก็คือเรื่องระยะ ผมรีบคว้าตลับเมตรแล้ววิ่งไปเช็คระยะที่หน้างานทันที
                        ยี่สิบห้าเซ็นติเมตร! ....เทคอนกรีตสูงเกินจากที่พราหมณ์กำหนดไปสามเซ็นติเมตร
                       “สูงกว่าในแบบที่พี่ให้ผมนิดหน่อย ไม่เป็นไรมั้งพี่ แค่เซ็นต์สองเซ็นต์ ช่างปูนมันคงเสียดายปูนน่ะพี่ เทแล้วปูนเหลือเลยเทแถมให้....” เจ้าโฟร์แมนแสนกลพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมละเลยข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ
                       “ไม่ได้โว้ย พราหมณ์เขากำหนดไว้แล้ว เดี๋ยวจะผิดเคล็ด”
                       “แล้วพี่จะให้ผมทำยังไงล่ะ จะให้ทุบทิ้งแล้วเทใหม่อีกทีเหรอ ผมว่าพราหมณ์มันไม่มาเอาตลับเมตรวัดเหมือนพี่หรอก”
เขาอ้าง ....ผมว่ามันเป็นข้ออ้าง
                        แต่คิดดูอีกทีถ้าจะให้ทุบแล้วทำใหม่คงเสร็จไม่ทันพิธีตั้งศาลแน่ เหลือเวลาอีกสองวันเท่านั้น ท่าจะต้องแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นเสียแล้ว
                       “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ไม่ต้องแก้อะไรหรอก เดี๋ยวกูสั่งให้คนสวนถมดินรอบๆฐานให้สูงเพิ่มขึ้นอีกหน่อยมันก็ได้ระยะเองแหละ ทีหลังสั่งอะไรคนงานแล้วดูๆด้วยสิวะ คอยตามผลงานด้วย” ผมต้องทำเป็นโวยเล็กๆน้อยๆ
                       “โธ่พี่! ปกติผมก็ดูนา” เขายิ้มยียวน “แต่นี่ผมเห็นว่าเป็นแค่ฐานคอนกรีตธรรมดา ไม่นึกว่าพี่จะซีเรียสขนาดนี้นี่”
                       “อ้าว.... ไม่ได้หรอกเรื่องความเชื่อนี่ต้องยอมๆกันหน่อย”
ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันไปเห็นพี่เป้วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
                       “เ้ย! ซวยกันใหญ่แล้วโว้ย ไอ้ศาลพระพรหมที่มึงให้ฝ่ายธุรการไปซื้อมาน่ะ มันท่าจะใหญ่กว่าฐานที่เราเตรียมไว้ว่ะ” เขาพูดรัว แล้วหยุดหอบแฮกๆ
                       “อ้าว...เป็นไปได้ยังไง ศาลสำเร็จรูปมันก็น่าจะขนาดเท่าๆกันหมดนี่พี่ มันน่าจะเป็นมาตรฐานนะ แล้วทำไมพราหมณ์มันถึงได้กำหนดขนาดฐานมาเล็กกว่าได้ล่ะ” ผมแปลกใจ
                       “มันเป็นไปแล้วโว้ย ก็เมื่อตะกี้มีคนเอาศาลมาส่ง กูก็เลยไปดูหน้าตาศาลว่าเป็นยังไงวะ ปรากฏว่าแม่งใหญ่ฉิบหาย ดูด้วยสายตาแล้วน่าจะใหญ่กว่าฐานวงกลมที่เราเตรียมไว้ว่ะ” พี่เป้ชี้มือชี้ไม้เหมือนจะบอกให้ผมไปดูซะหน่อย
                        ผมหันไปมองตามทางที่เขาชี้มือ เห็นคนงานหกเจ็ดคนกำลังช่วยกันยกศาลพระพรหมสำเร็จรูปเข้ามาในสวน ท่าจะหนักมากเหมือนกัน แท่นศาลทรงเหลี่ยม มีย่อมุม ถ้าถามความเห็นของผมซึ่งเป็นสถาปนิก ก็ต้องบอกว่าดูไม่เข้ากับตัวฐานที่เป็นวงกลมเท่าไหร่ นี่หมายถึงเรื่องหน้าตานะครับ ยังไม่ได้หมายถึงเรื่องขนาด
                        พี่เป้สั่งให้วางลงข้างๆฐานวงกลมที่เราเตรียมไว้ และเนื่องจากคอนกรีตตัวฐานวงกลมเพิ่งเทไปไม่นาน ยังไม่แข็งตัวพอรับน้ำหนักศาลได้ ดังนั้นแทนที่จะให้คนงานวางศาลลงบนฐานเพื่อเทียบขนาดโดยตรงเลย พี่เป้จึงดึงตลับเมตรจากมือผมไปวัดตัวศาลแทน
                       “ใหญ่ไปจริงๆด้วยว่ะ เกินวงกลมออกมาห้าเซ็นติเมตร” เขาพูดเสียงเครียด
                        เรามองหน้ากันนิ่งนาน คล้ายจะทำการปรึกษากันในใจ ครู่หนึ่งเจ้าโฟร์แมนที่ยังยืนอยู่ด้วยก็หลุดเสียงหัวเราะหึๆออกมา ดูท่าเขาพยายามกลั้นหัวเราะอย่างยากเย็น ก็น่าหัวเราะเยาะอยู่หรอก เมื่อกี้ผมยังให้ทำงานตามคำสั่งพราหมณ์อย่างเคร่งครัด พอปรากฏว่าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นทีนี้จะแก้ปัญหายังไงล่ะ....โดยไม่ฝ่าฝืนระดับระยะบ้าบออะไรพวกนั้น
                       “นั่นน่ะสิ ทำยังไงล่ะ” ผมพึมพำ
                        พี่เป้ถอนหายใจ แล้วยืดหลังตรงก่อนจะพูดออกมา“ตอนนี้ยังไงฐานกับตัวศาลมันไม่ลงกันแน่ๆ ถ้าไม่แก้ฐานก็ต้องไปหาซื้อศาลใหม่ล่ะวะ”
                       “ถ้าไปหาซื้อศาลใหม่ก็ไม่แน่ว่าจะหาที่เข้ากับฐานวงกลมของเราได้ เพราะศาลที่เรามีอยู่นี่ก็เป็นขนาดมาตรฐานอยู่แล้ว”
ผมออกความเห็น
                       “ถ้างั้นก็ต้องแก้ที่ตัวฐานกลม....”
                       “แต่พราหมณ์....”
                       “เราต้องเลือกแล้วโว้ย ยังไงๆโครงการมันคงไม่เจ๊งเพราะเราทำฐานศาลพระพรหมผิดหรอก แต่ถ้าอีกสองวันตั้งศาลไม่ได้เนี่ย มึงกับกูเจ๊งแน่”
พี่เป้เริ่มเร่งน้ำเสียง
                        คิดดูแล้วก็คงจะจริงของเขาแฮะ!
                       “ถ้างั้นก็แก้ที่ฐานแล้วกัน” ผมยอมในที่สุด
                       “เฮ้ย!”พี่เป้หันไปสั่งเจ้าโฟร์แมนที่ยืนฟังอยู่ “เอางี้แล้วกันวะ เดี๋ยวมึงกั้นไม้แบบเทคอนกรีตเพิ่มให้เป็นฐานสี่เหลี่ยมก็แล้วกัน เอาเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสกว้างสัก.... เมตรสี่สิบคูณเมตรสี่สิบเลยนะ”

                       พอตกเย็นพี่เป้ก็เริ่มเปรยๆว่า ไม่แน่ใจว่าฐานคอนกรีตที่เทไปตอนกลางวันจะแข็งตัวพอรับแรงได้ภายในวันพรุ่งนี้หรือเปล่า เพราะถ้าจะยกศาลขึ้นตั้งก่อนวันพิธี (คือวันมะรืน) ก็ต้องยกขึ้นวันพรุ่งนี้เป็นอย่างช้า
                        สรุปแล้วคืนนั้นเราเลยต้องวานยามกะดึกให้คอยตักน้ำราดฐานศาลทุกๆชั่วโมงเพื่อช่วย “บ่ม”ให้คอนกรีตแข็งตัวเร็วขึ้น กว่าเราจะวางใจกลับบ้านได้ก็ล่วงเข้าไปเกือบเที่ยงคืน
                        บ่ายแก่ๆวันต่อมาพี่เป้จึงให้คนงานช่วยกันยกศาลขึ้นไปตั้งบนฐาน(สี่เหลี่ยม) ผมบอกไม่ถูกว่าวินาทีที่ศาลพระพรหมสัมผัสกับฐานที่เราเตรียมไว้นั้นมันน่าตื่นเต้นแค่ไหน ทั้งโฟร์แมน ทั้งวิศวกร ทั้งคนงานร่วมยี่สิบกว่าคนมายืนลุ้นกันเต็มไปหมด จนคนข้างนอกที่ผ่านไปผ่านมานึกว่ามีอุบัติเหตุเลยเข้ามาร่วมเป็นไทยมุงด้วย ....แต่พอทุกอย่างเรียบร้อยแล้วกลับมีแต่เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเท่านั้น ไม่ถึงกับมีการโห่ร้องแต่อย่างใด
                        ถึงยังไงเย็นนั้นผมก็เห็นพี่เป้ชำเลืองดูศาลนั่นอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ใช่มีเขาคนเดียวหรอกที่ยังไม่วางใจ ลึกๆแล้วผมก็กลัวอยู่บ้างเหมือนกันที่ทำฐานศาลพระพรหมไม่ตรงกับคำสั่งของพราหมณ์ ไม่ได้กลัวผิดเคล็ดอะไรหรอก แต่กลัวว่าพรุ่งนี้พราหมณ์มาเห็นแล้วจะโวยวายเอาเท่านั้นเอง
                        ปัญหาของผมก็คือวันพรุ่งนี้จะมีทั้งแขกผู้ใหญ่ ทั้งแขกผู้น้อย ....หรือแม้แต่สื่อมวลชนมาร่วมพิธี หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาคงไม่เป็นผลดีกับหน้าตาของบริษัทแน่ๆ แต่มาถึงตอนนี้ผมก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ามึงทำ ดีที่สุดแล้วล่ะ ผลมันจะเป็นยังไงก็คงต้องเป็นกันล่ะวะ

                        เช้าวันทำพิธี ผมมาถึงไซท์งานเกือบเก้าโมงเช้า กะว่าจะได้ไม่ต้องมาเจอกับพราหมณ์ที่มาเตรียมพิธีตั้งศาลร่วมกับฝ่ายธุรการแต่เช้า ตอนที่ผมมาถึงพวกแขกที่มาร่วมพิธีมากันพอหนาตาแล้ว ผมเสเดินทักทายคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ เพียงครู่หนึ่งก็ถึงเวลาฤกษ์
                        ควันธูปลอยฟุ้งส่งกลิ่นหอมฉุนไปทั่วบริเวณขณะทำพิธี ผมเหลือบไปเห็นพี่เป้ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของกลุ่มคน สายตาของเขายังจับจ้องที่ฐานศาลพระพรหมเป็นระยะๆ ผมลองชำเลืองดูพราหมณ์ที่กำลังทำพิธีอยู่ก็เห็นเพียงสีหน้าที่ดูสำรวม แม้แต่พวกฝ่ายธุรการซึ่งเป็นอีกพวกที่รู้ข้อมูลต่างๆของตัวศาลและขนาดฐานก็ยังยิ้มแย้มกันดี
                        ดูเหมือนไม่มีใครสังเกตรู้ว่าฐานศาลพระพรหมที่กำลังทำพิธีกันอยู่นั้น มันไม่ตรงกับที่พราหมณ์สั่งเอาไว้....
                        พอเสร็จพิธีพี่เป้ก็เดินยิ้มเข้ามาหาผม
                       “เฮ้ย! มาพอดีพิธีเลยนะมึง กูเมื่อเช้าเสือกทะลึ่งมาตั้งแต่เจ็ดโมง เลยต้องช่วยฝ่ายธุรการเขาเตรียมพิธีอยู่คนเดียว”
                       “แล้วมีคนถามเรื่องฐานศาลที่ไม่เป็นวงกลมหรือเปล่าพี่”
ผมรีบถามสิ่งที่อยากรู้
                       “โอ้ย... ไม่มีอะไรหรอก เขาเห็นทุกอย่างเรียบร้อยทำพิธีได้ก็โอเคแล้ว” พี่เป้โอบไหล่ผมแล้วเอียงหน้าเข้ามากระซิบใกล้ๆ“มีคนมาถามๆเหมือนกันว่าทำไมฐานไม่เป็นวงกลม กูก็ตอบเขาไปว่าทำแล้วมันไม่พอตั้งศาล แต่มึงไม่ต้องห่วงหรอก ตัวพราหมณ์เองยังไม่เห็นพูดอะไรสักคำเลย กูว่าเผลอๆอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่าสั่งให้เราทำอะไรไว้”
                       “เป็นอย่างงั้นก็ดีแล้วล่ะพี่”
แล้วผมก็โล่งใจ นี่เป็นอันว่าผมวิตกเกินเหตุไปเท่านั้นเอง
                       “เฮ้ย!” พี่เป้สะกิดแขนผม เขายิ้มเหมือนมีเรื่องสนุกๆจะเล่าให้ผมฟัง
                       “แต่ฝ่ายธุรการเขาฝากข่าวร้ายมาว่ะ....”

                       “อะไรพี่”
                       “เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมีซินแสมาดูฮวงจุ้ยโครงการว่ะ ฮ่า ฮ่า....”

-------------------------------------------------

ตะเฆ่สัน

ตีพิมพ์ครั้งแรก “แพรว” 10 พฤศจิกายน 2540

You are Poet 2543

Good Luck
| Home | การแต่งร้อยแก้ว | การแต่งร้อยกรอง | วิธีการร่วมสนุก | About Us | Top |
Weekly Poems | วันจันทร์ | วันอังคาร | วันพุธ | วันพฤหัสบดี | วันศุกร์ | วันเสาร์ | วันอาทิตย์ |
| นวนิยาย | บทละคร | เรื่องสั้น | บทความ | เรื่องที่อยากเล่า | นิทาน | ตำนาน-ชาดก | แนะนำหนังสือ | สาระ-เกร็ดความรู้ |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999

poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com

1