นวนิยาย เรื่องสั้น บทความ เรื่องที่อยากเล่า |
เรื่องสั้น ฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว ฟ้าร้องครืนๆราวกับเทวดากำลังพิโรธไอ้พวกมนุษย์หน้าโง่ที่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือ ธรรมชาติ ลมแรงพัดต้นไม้ไหวจนแทบจะโค่น ใบไม้ปลิวว่อนผสมกับฝุ่นถนนและเศษขยะ เมฆดำทะมึนหนาทึบ ลอยต่ำจนน่าจะเอื้อมถึง ผู้คนที่สัญจรไปมาต้องวิ่งหัวซุกหัวซุนเพื่อหาที่กำบังที่ถาวรกว่าหนังสือ ถุงกระดาษ หรือกระเป๋าเอกสารในมือ อย่างน้อยภายในชั่วโมงข้างหน้าพายุฝนก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางกลับบ้านเท่าไรนัก ภายใต้ชายคาแคบๆของเชิงสะพานลอย ยายแก่ๆคนหนึ่งกลับนั่งอยู่อย่างไม่ยินดียินร้ายท่ามกลางความ สับสน ฝนเริ่มหนาเม็ดจนหลังคาเล็กๆนั้นไม่สามารถต้านทานไว้ได้ สายฝนอันเย็นเยือกสาดเข้ามาปะทะร่างจนเสื้อผ้า เก่าๆของแกเปียกชุ่ม แกลุกขึ้นเขยิบตัวขึ้นไปตามขั้นบันไดสามสี่ขั้นแล้วก็นั่งลงอย่างเดิม เหมือนไม่รู้ว่าจะลุกหนี ไปไหนได้อีก ในอ้อมแขนของแกยังกอดห่อผ้าที่เก่าพอๆกับเสื้อผ้าไว้แน่นราวกับมันเป็นสมบัติอันมีค่าชิ้นสุดท้าย สายตาของยายทอดมองขึ้นไปบนฟ้าที่มืดครึ้มอย่างเศร้าสร้อย ร้านอาหารติดแอร์ตรงริมฟุตบาทคนแน่นขนัด คนที่ตั้งใจเพียงแค่หาที่หลบฝนก็ถือโอกาสหาอาหารใส่ ท้องประทังความหิวไปพลางๆ หน้าต่างกระจกบานใหญ่หน้าร้านทำให้มองเห็นข้างในได้ถนัด บนโต๊ะสี่เหลี่ยม สำหรับสองที่ริมกระจกเต็มไปด้วยอาหารมากมาย นั่นปลาทอดตัวโตราดพริกสีแดงสด นั่นผัดผักรวมสีเขียวสด ใส่กุ้งตัวย่อมดูน่ากิน ในหม้อดินกลางโต๊ะนั่นคงเป็นแกงหรือไม่ก็ต้มยำอะไรซักอย่างดูไม่เห็นถนัด ยายกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เสียงท้องร้องจ๊อกๆ เป็นการประท้วงเหมือนจะเตือนให้แกรู้ว่า ตั้งแต่เช้าจนเย็น ยังไม่มีข้าวตกถึงท้องเลยซักเม็ด ความหิวบวกกับความหนาวทำให้แกต้องนั่งชันเข่ากอดตัวเองไว้แน่น ยายเมินสายตาจากอาหารบนโต๊ะในร้านราวกับมันเป็นของแสลง ผู้คนที่เห็นเดินอยู่ขวักไขว่เมื่อสักครู่หายไปเกือบ หมดแล้ว รถยนต์บนถนนเริ่มติดไม่ขยับเขยื้อนในขณะที่มอเตอร์ไซค์พยายามแทรกตัวตามช่องว่าง เพื่อขึ้นไปจอด เรียงอยู่เป็นแถวตรงสี่แยกไฟแดง คนขับมอเตอร์ไซค์ดูเปียกปอนหนาวชื้นไม่ต่างไปจากยายนัก แต่ยายรู้ว่าเขา เหล่านั้น กำลังเดินทางไปสู่จุดหมายใดจุดหมายหนึ่งที่แห้งและอบอุ่น ต่างกับแกที่ไม่มีจุดหมายใดๆในชีวิตอีกแล้ว นอกเหนือไปจากความตายที่มืดและเงียบเหงา เพียงแว่บหนึ่ง ยายนึกถึงลูกๆ... ลูกอันเป็นสุดที่รัก เป็นลมหายใจ และเป็นแม้กระทั่งชีวิตของแก ตลอดชีวิต ที่ผ่านมาไม่มีอะไรที่แกจะภูมิใจมากไปกว่าการที่มือผอมเกร็งดำกร้านทั้งสองข้างของแกสามารถโอบอุ้มลูกชายหญิง ทั้งสามให้ไปสู่ชีวิตที่ดีทั้งในด้านการศึกษา หน้าที่การงานจนกระทั่งชีวิตครอบครัว ถึงแม้ยายจะเป็นเพียงสาวชาวไร่ ชาวนาที่ถูกผัวทิ้ง มีที่ดินทำกินอยู่เพียงหยิบมือ อาศัยแต่แรงงานแลกเงิน แต่ก็ไม่ใช่เพราะมือหยาบๆคู่นี้หรอกหรือ ที่พลิกฟื้นผืนดินให้เขียวชอุ่ม ไม่ใช่เพราะหลังงองุ้มนี้หรอกหรือที่ก้มตัวตรากตรำเพาะปลูกหว่านไถ และก็ไม่ใช่เพราะร่างกายทรุดโทรมแก่ชรานี้หรอกหรือที่ผลิตหยาดเหงื่อแรงงานเพื่อให้ลูกๆได้มีกิน มีใช้ มีการศึกษาเป็นทุนรอนสำหรับชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต ยายอดยิ้มอย่างภูมิใจไม่ได้เมื่อนึกถึงลูกชายคนโต ไม่เสียทีที่ยายกัดฟันส่งเสียจนเรียนจบโรงเรียนนายร้อย ทนให้นายทุนเงินกู้ประจำตำบลจิกหัวด่าเช้าด่าเย็นค่าที่ยายไม่มีเงินใช้ให้ทั้งต้นทั้งดอก ในยามที่ฝนแล้งต้นข้าวในนา และผลหมากรากไม้ในสวนขาดน้ำ ไม่มีผลผลิตให้เก็บเกี่ยว ภาพลูกชายใส่เครื่องแบบเต็มยศดูสง่างาม น่าเกรงขามจนยายไม่กล้าจะเอามือเปื้อนดินสกปรก มอมแมมของยายไปแตะต้องยังติดอยู่ในใจ ถึงแม้ยายจะอยากกอดร่างนั้นมาแนบอกแล้วร้องไห้ดังๆด้วยความดีใจ แต่ยายก็ทำได้แค่ ยืนมองอยู่ห่างๆ แล้วยิ้มน้อยๆกับตัวเองอย่างมีความสุข เพราะแม้ลูกชายสุดที่รักจะยอมให้ ยายไปร่วมรับรู้ถึงความสำเร็จ แต่เขาก็อายเกินกว่าจะยอมให้หญิงชาวบ้าน ตัวผอมดำกร้านแดด ไม่มีสง่าราศรี ไปยืนแสดงตัวอยู่ข้างๆ แม้ว่าวันนั้นยายจะบรรจงแต่งตัวด้วยเสื้อลูกไม้สีขาว และผ้าถุงลายทางผืนใหม่ที่ยายคิดว่าสวย และดีที่สุดในชีวิตและตื่นตั้งแต่ไก่โห่เพื่อไปร่วมงาน แต่เมื่อลูกชายขอร้องยายก็เข้าใจและเดินไปแอบมองอยู่ห่างๆ โดยดี ป่านนี้เจ้าลูกชายของยายคงได้เป็นใหญ่เป็นโตมีลูกน้องบริวารมากมายอยู่ที่ไหนซักแห่งที่ยายเองก็ไม่เคยรู้ ลูกคนที่สองของยายเป็นผู้หญิง ถึงแม้จะไม่ได้เรียนสูงๆเหมือนลูกคนโตเพราะหัวไม่ดี แต่ลูกสาวคนนี้ก็มีรูป เป็นทรัพย์ ผิวพรรณที่ขาวสะอาดนวลเนียนอย่างกับลูกผู้ดี ประกอบกับรูปร่างโปร่งบางผอมเพรียวราวกับจะ ปลิวลมผิดกับลูกสาวบ้านอื่นในละแวกนั้น ทำให้ยายไม่ยอมให้ลงมือช่วยงานหนักใดๆทั้งสิ้น ปล่อยให้ลูกสาวที่ รักสวยรักงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่งตัวสะสวย กรีดกรายอยู่กับบ้าน ลูกสาวจะหยิบจะจับอะไร ยายเป็นต้อง แย่งทำให้เองทุกครั้งเพราะกลัวมือขาวๆสวยๆนั้นจะมีริ้วรอย ยายเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา เมื่อมีลูกสาวสวยงาม ราวกับเทพธิดา ยายก็อดหลงไม่ได้ นานๆเข้ายายก็เลยเลี้ยงลูกราวกับเทพธิดาจริงๆ ทั้งรักทั้งตามใจทุกอย่างไม่เคยขัด เทพธิดาของยายทนเรียนจนจบม.3 ก็ขอตามเพื่อนเข้ามาหางานในกรุงเทพฯ แม้ยายจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่กล้าค้าน เพราะความที่เคย ตามใจกันมาตลอด หลังจากนั้นยายก็ได้แต่คอยชะเง้อ รอแล้วรอเล่าจนไม่เป็นอันกินอันนอน เมื่อไม่ได้รับข่าวคราวใดๆจากลูกสาว จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เป็นเดือน เป็นปี จนกระทั่งปีที่สาม ลูกสาวเพื่อนบ้านของยายซื้อหนังสือแฟชั่นมาจากตลาดในเมืองแล้วมายื่นให้ยายดูรูปนางแบบบนปก ถึงเวลาจะผ่านไปหลายปีแต่ยายก็จำแม่เทพธิดาของยายได้ ในที่สุดเขาก็ได้ไปอยู่รวมกับพวกนางฟ้านางสวรรค์ ด้วยกัน ถึงแม้ยายจะยังคิดถึงลูกแต่ก็หมดห่วงและดีใจที่เขาไปได้ดีมีความสุข จนถึงเดี๋ยวนี้หนังสือแฟชั่นเล่มนั้น ก็ยังนอนนิ่งอยู่ในห่อผ้าที่ยายนั่งกอดไว้แนบอก น้ำตาเอ่อไหลลงมาตามแก้มที่เหี่ยวย่น เมื่อยายคิดถึงลูกชายคนสุดท้อง ลูกชายคนที่แกหวังจะได้พึ่งพายาม แก่เฒ่า ลูกคนที่เหลือไว้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้ายในชีวิตบั้นปลายของแก ความสำเร็จของลูกคนนี้มาจากแรงดิ้นเฮือก สุดท้ายของหญิงแก่ที่ใกล้จะหมดเรี่ยวแรงโดยแท้ ตอนนั้นยายเริ่มอายุมากไม่มีแรงทำไร่ไถนาเหมือนก่อน แต่เมื่อ ลูกชายคนสุดท้องยังไปไม่ถึงฝั่ง แกจึงต้องดิ้นรนไปรับจ้างทำงานบ้านบ้าง รับจ้างเขาทำไร่ทำสวนบ้าง เก็บผักขุดมัน ไปขายบ้างตามแต่กำลังของผู้หญิงแก่ๆคนหนึ่งจะทำได้ จนสามารถส่งเสียลูกชายคนสุดท้องให้จบช่างไฟฟ้าได้สำเร็จ หวังไว้แต่เพียงว่า ชีวิตในบั้นปลายของแกคงจะมีลูกชายคนนี้แหละอยู่ คอยปรนนิบัติดูแล ไร่นาที่มีอยู่ก็แบ่งขายไป จนหมด เพื่อเอาเงินมาเป็นสินสอดและทุนรอนสำหรับชีวิตครอบครัวของเขา ลูกสะใภ้ของยายหน้าตาสะสวย เป็นลูกสาวของเถ้าแก่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลูกชายของแกทำงานอยู่ แต่หน้าตาไม่ได้แสดงถึงจิตใจเสมอไป ลูกสะใภ้ของยายรังเกียจยายจนไม่อยากให้มาอยู่ร่วมชายคา ยายต้องทนอยู่ร่วมบ้านกับครอบครัวเขาเพราะยายขาย ที่ขายทางไปหมดแล้วไม่รู้จะไปซุกหัวนอนที่ไหนอีก แรกๆยายก็ถือว่ายังมีลูกชายเป็นพวก แต่พอนานเข้า ยายก็กลาย เป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ ลูกชายที่เป็นสายเลือดแท้ๆของแกเริ่มแสดงท่าทีอึดอัด ไม่พอใจ และเริ่มพูดจาหว่านล้อม ให้ยายไปหาที่อยู่ใหม่ แล้วยายจะหน้าด้านอยู่ต่อไปได้อย่างไร เพื่อความสุขของลูกยายจึงจากบ้านหลังนั้นมา โดยมีเพียงห่อผ้าเก่าๆและเงินอีกนิดหน่อยติดมือมาด้วย ความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่คือการมาตามหาลูกชายคนโต และลูกสาวในกรุงเทพฯ หวังจะให้เป็นที่พึ่งพิงในเวลาที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดนี้ ยายเดินอย่างไร้จุดหมายไปตามถนนสายต่างๆทุกวัน เมื่อเจอใครยายก็จะหยิบปกหนังสือรูปลูกสาว และรูป แต่งเครื่องแบบเต็มยศของลูกชายให้เขาดู บอกว่าเป็นลูกชายลูกสาวที่ยายกำลังตามหา แทนที่จะตอบคนเหล่านั้นกลับ มองหน้ายายอย่างสงสารระคนสมเพชแล้วเดินหนี บางคนก็ควานหาเศษสตางค์ยื่นมาให้ยายห้าบาทบ้าง สิบบาทบ้าง พวกเขาคงคิดว่ายายเป็นบ้าหรือเสียสติที่เที่ยวตีขลุมหาว่าคนโน้นคนนี้เป็นลูก ใครจะคิดเล่าว่ายายแก่สารรูปอย่างกับ ขอทานคนนี้ จะมีลูกเป็นถึงนางแบบขึ้นปกนิตยสารหรือนายทหารในเครื่องแบบโก้ๆคนนั้น พอใกล้ค่ำยายก็จะมองหาศาลาวัดเป็นที่พักพิง ข้าวปลาอาหารก็ได้ข้าวก้นบาตรพระเป็นที่พึ่งกันตายไปวันๆ ถ้าวันไหนยายหาวัดอาศัยไม่ได้ ยายก็จะอาศัยนอนตามป้ายรถเมล์หรือตามสะพานลอย โดยมีห่อผ้าต่างหมอนหนุน ยายทำอย่างนี้อยู่เป็นเดือน จนความหวังที่พอจะมีในตอนแรกค่อยๆริบหรี่ลงจนแทบจะไม่มีเหลือ ตอนนี้ยายเพียงแค่ อยากเห็นหน้าลูกๆที่รักของแกก่อนตายเท่านั้น ฝนที่ตกหนักอยู่เมื่อครู่เริ่มซาเม็ดลงแล้ว ผู้คนเริ่มออกมาสัญจรไปมาตามถนนเหมือนเดิม ยายยังคงนั่ง ตัวเปียกชุ่มอยู่ตรงที่เก่า ความหนาวเย็นที่ชำแรกผ่านเสื้อผ้าเปียกชื้นทำให้ยายเริ่มสั่น แสงไฟจากที่ต่างๆเริ่มสว่างขึ้น ทีละดวงสองดวงบ่งบอกถึงเวลาที่กำลังล่วงไปสู่ยามราตรี ถ้าแสงไฟเหล่านั้นสามารถส่งผ่านความอบอุ่นได้เหมือน ดวงอาทิย์ก็คงจะดี จะได้ขับไล่ความหนาวทั้งกายและใจของยายไปซะให้หมด ยายเกลียดความรู้สึกเช่นนี้เป็นที่สุด ความรู้สึกโดดเดี่ยว ไร้ที่พึ่ง และโหยหา มันทำให้ยายรู้สึกเหมือนมีโพรงใหญ่ๆอยู่ในอก ที่ถมทำไหร่ก็ไม่เต็มซักที หญิงสาวคนหนึ่งก้มลงวางเงินไว้ข้างหน้ายายสิบบาทก่อนจะเดินข้ามสะพานไปฝั่งตรงข้าม มืออันสั่นเทาของยาย เอื้อมไปหยิบมันมากำไว้ อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง แม้แต่คนที่ยายไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต ยังมีน้ำใจหยิบยื่นให้ ถึงจะเป็นเพียงเศษเงินเพียงน้อยนิด แล้วลูกๆที่ยายรักและเลี้ยงดูอย่างดีที่สุดเท่าที่กำลังกายและกำลังสมอง ของแกจะทำได้ กลับไม่เคยมาเหลียวแล แม้แต่จะยอมรับความจริงว่ายายเป็นแม่ก็ยังลำบากใจ อาการปวดหัวเริ่มวิ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ พร้อมกับอาการหนาวจนปวดกระดูก ในวัยขนาดนี้ การตากฝนติดต่อกัน หลายวันทำให้ยายรู้สึกราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แค่จะยันตัวลุกขึ้นเดินไปหาอาหารใส่ท้องก็ยังไม่มีเรี่ยวแรง ต้องปล่อยให้ ความหิวอาละวาดอยู่ข้างในจนแสบท้องไปหมดทั้งๆที่มีเงินสิบบาทอยู่ในมือ ยายซุกหน้าลงซบกับเข่า ราวกับว่ามันจะ ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายที่เปียกชุ่มและเย็นเยือก คืนนี้ยายคงมีสะพานลอยแห่งนี้ต่างบ้าน และห่อผ้าต่างหมอนอีกเหมือนเคย ก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ยายจะได้ตื่นขึ้นมาตามหาลูกๆของยายอีกหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ยายยัง รักและคิดถึงลูกๆทุกคนของยายอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่ายายจะเป็นที่รักและต้องการของพวกเขาหรือไม่ก็ตาม ความรัก ของแม่ยังยิ่งใหญ่และมั่นคงเสมอในหัวใจที่เหี่ยวแห้งและโหยหาของยายแก่ๆที่ขดตัวนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนสะพานลอย. E-Om |
You are Poet 2543 |
| Home
| การแต่งร้อยแก้ว
| การแต่งร้อยกรอง
| วิธีการร่วมสนุก | About Us | Top |
Weekly Poems | วันจันทร์ | วันอังคาร | วันพุธ | วันพฤหัสบดี | วันศุกร์ | วันเสาร์ | วันอาทิตย์ |
| นวนิยาย | บทละคร | เรื่องสั้น | บทความ | เรื่องที่อยากเล่า | นิทาน | ตำนาน-ชาดก | แนะนำหนังสือ | สาระ-เกร็ดความรู้ |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999
poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com