เชิญแสดงความคิดเห็น ในผลงาน ธัชไท  กีรติพงค์ไพบูลย์
ของคุณ "ธัชไท   กีรติพงค์ไพบูลย์"
อ่าน        ความคิดเห็น

ธัชไท   กีรติพงค์ไพบูลย์
ผลงานเรื่องสั้นสะท้อนสังคม " ตามตน" และกลอนด้วย ลองพิจารณาดูนะจ๊ะ

ธัชไท  กีรติพงค์ไพบูลย์

"มองดวงดาวพร่างพราวแสงแห่งท้องฟ้า
มองจันทราที่ผาสุขทุกคืนหงาย
มองตะวันอันสาดแสงเริงแรงราย
มองกุมุทจนสุดสายในชายชล
มองใบไม้ได้ร่วงหล่นจากต้นไม้
มองนทีที่สดใสในสายฝน
มองเห็นแสงแห่งสายฟ้าวายุวน
มองแผ่นดินถิ่นสกลจนสุดตา
มองดูเด็กเล็กเล็กร้องดังก้องกึก
มองผู้ใหญ่ในสำนึกนึกสับสน
มองผู้เฒ่าเฝ้าสั่งสอนนิกรชน
มองผู้คนจนสับสนในกลการ
มองแสงทองของความจริงอิงความหวัง
มองเปลวไฟในพลังแห่งสังสาร
มองเมฆหม่นจนเมฆมีสีสราญ
มองสังขารให้จารจดกฎความจริง"

                  ธัชไท
"ผันฟากฟ้าพาฝันพันหริ้งเพราะ
     สรรเสนาะเสาะเสียงสำเนียงสวรรค์
     ระบำร่ายรายร้อยรอยโรมรัน
     เกิดกับกรรณกลั่นเกาะก็กลับกลาย
คลายคืนสู่คู่เขตคามแห่งความชั่ว
     แสงสลัวส่องสูญอาดูรสาย
     ดีก็ดับดำก็ได้ดูเดียวดาย
     ภพพราวพรายทั้งภัยเภทเทศแผ่นดิน
ชาติฉาวโฉ่ช่ำช้องชนชั่วช้า
     มวลมารมามั่นเหมาะม้วยมวลสิ้น
     คนคับแค้นแคลนธรรม์ครรลองริน
     สาบสูญสิ้นศีลที่ส่องสู่ผองชน
ไร้ทางธรรมนำทางถึงหนึ่งทางเลิศ
     ไร้ทางเปิดประเสริฐทิศปิดสับสน
     ไร้ทางตื่นคืนปรับกลับดังดล
     ไร้ผู้คนที่พ้นชั่วเปิดทางดี"
                   ธัชไท
"ทั่วผืนดินถิ่นน้ำทั้งสามภพ            แม้แดนจบครบถิ่นทั้งสิ้นสาย    
เกินคำบทพจนามาบรรยาย             ถึงความหมายสายสัมพันธ์นิรันดร
สายไอรักจักษ์แม่พ่อทอถึงลูก         สายพันผูกปลูกฝังเฝ้าสั่งสอน
สายอบรมบ่มจิตต์คิดอาวรณ์            สายอาทรณ์สอนลูกถูกทางดี
หนึ่งชีวิตเกิดมาตาดูโลก                   แต่หนึ่งโศกต้องเศร้าเคล้าสุขขี
ดั่งวันเกิดดุจวันตายสิ้นฤดี               เป็นวันที่แม่เจ็บสิ้นเกินถิ่นใด
คุณพ่อแม่แท้จริงยิ่งกว่าแท้              ยิ่งกว่าแน่แม้รักจักหนไหน
ลูกขอนอบน้อมนบจบถึงใจ            ด้วยฤทัยใคร่หมายขอตอบแทน"

                            ธัชไท   กีรติพงค์ไพบูลย์
ตุลามหาเลือด.....แม้นแห้งเหือดไปนานกาล
แต่เรื่อง ณ วันวาน.....ยังจดจารในใจชน
โป้งเปรี้ยงเสียงปืนปัง.....ฝันและฝังฝั่งเลือดฝน
จดจำใจจิตจน.....สุดสับสนแสนโศกา
โรมรันและลั่นล่า.....คลุ้มคลั่งคร่าคราประชา
ไร้ศีลไร้ปัญญา.....ไร้จรรแห่งผู้นำ
แต่ด้วยพระบารมี.....องค์ภูมีพระทรงธรรม์
เหตุร้ายกลายกลับพลัน.....ไทยเขตขัณฑ์ก็กลับคืน
         ธัชไท   กีรติพงค์ไพบูลย์
"เหมือนมีศรรอนรามาปักอก
เหมือนใจตกอกแตกแหลกสลาย
เหมือนชีวีจะนิทราคราความตาย
เหมือนมลายวายชนม์เพราะจนใจ
ดังสายฝนชนชื่นแสนชื่นฉ่ำ
ดังจันทร์พลบค่ำแสนสดใส
ดังตะวันผันเปลี่ยนผันแปรไป
ดังดวงดาวพราไสวในนภา
คือความจริงสิ่งหนึ่งคือสิ่งแท้
คือความแน่ในความรักสิเหน่หา
คือความสัตย์จัดประจักษ์แก่พักตรา
คือจิตตาพาสู่คู่หนึ่งตน"

             ธัชไท
บทกลอนเทิดพระเกียรติองค์พระประมุข จอมทัพไทย
"องค์เอกราชย์ชาติภูวดลชนม์กษัตริย์
ขัติยัติบารมีศรีสยาม
เลิศปรีชาตราฤทธิ์วิจิตรงาม
สมพระนามพระบิดาข้าฯผองไทย
ทรงเสด็จเสร็จถิ่นสิ้นสงสัย
ทรงเกรียงไกรไตรภพนบรัศมี
ทรงห่วงราษฎ์คลาดแม้นแคลนพระชีวี
หยาดนทีจะทรงฉายมิคลายครา
ด้วยปกเกล้าฯเกล้านพนบกษัตริย์
ด้วยดำรัสตรัสตรองครรลองหา
ด้วยดำริพินิจสุจิตรา
ด้วยหัตถาพระองค์ทรงอุ้มไทย
ธ เป็นพระราชบิดาของผองข้าฯ
ธ เป็นพ่อหลวงหล้าทุกสมัย
ธ เป็นพระปิตุเรศแห่งถิ่นไทย
ธ ตรึงติดสถิตย์ในใจราษฎ์นาน
ถึงธันวามาจบครบที่ห้า
ฤกษ์มหาสกลมงคลศานติ์
ผองปวงชนชาวไทยใจชื่นบาน
จัดเทศกาลเฉลิมฉลององค์"
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ธัชไท   กีรติพงค์ไพบูลย์
"ถ้าเรารัก...ใครแล้ว....ก็รักมั่น
คิดถึงคน....หนึ่งนั้น....ทุกวันเห็น
เฝ้านั่งเหม่อ....ตาลอย....ทั้งเช้าเย็น
แค่ขอเป็น.....คนหนึ่ง......ก็พึงพอ"

     โดย bambusaAHA

 

บทกลอนแนวสังคมปัจจุบันครับ....
"ไม่เข้าใจว่าทำไมไร้ความคิด
หรือปัญหาทางจิตจะสับสน
ให้พินิจพิจในสิ่งสัปดน
ก็มีแต่ใครบางคนที่จิตทราม
ไทยทำไทยทำให้ไทยต้องได้ต่ำ
คนไทยทำให้เมืองไทยต้องศยาม
ให้คนนอกว่าคนไทยไร้เขตคาม
ให้สยามค้องแปดเปื้อนด้วยมนทิน
สงสารแต่ลูกหลานไทยในวันหน้า
ต้องได้คบพบพาบ้าทรัพย์สิน
ด้วย "วัตถุนิยม" ที่ระบิน
ต้องจบสิ้นเกินจะกู้กู่กลับมา
สงสารไทยในวันนี้ที่ร้องไห้
เพราะมากมายคนบาปแสนหนักหนา
ไร้แห่งศีลไร้แห่งธรรมไร้ปัญญา
ยากนำพามาคินสู่ 'ถิ่นไทยเดิม"

< ศยาม : ดำ,สกปรก,ไม่ดี >
    จาก bambusaAHA
"ทั่วผืนดินถิ่นน้ำทั้งสามภพ          แม้แดนจบครบถิ่นทั้งสิ้นสาย
เกินคำบทพจนามาบรรยาย            ถึงความหมายสายสัมพันธ์นิรันดร
สายไอรักจักษ์แม่พ่อทอถึงลูก        สายพันผูกปลูกฝังเฝ้าสั่งสอน
สายอบรมบ่มจิตต์คิดอาวรณ์           สายอาทรณ์สอนลูกถูกทางดี
หนึ่งชีวิตเกิดมาตาดูโลก                 แต่หนึ่งโศกต้องเศร้าเคล้าสุขขี
ดั่งวันเกิดดุจวันตายสิ้นฤดี              เป็นวันที่แม่เจ็บสิ้นเกินถิ่นใด
คุณพ่อแม่แท้จริงยิ่งกว่าแท้             ยิ่งกว่าแน่แม้รักจักหนไหน
ลูกขอนอบน้อมนบจบถึงใจ           ด้วยฤทัยใคร่หมายขอตอบแทน"

                     ด้วยใจ จาก bambusaAHA/thuttai
"อบอุ่นใดไหนเล่าเท่าอุ่นแม่
อุ่นนั้นแท้แน่จริงทุกสิ่งหน
ยิ่งกว่าหล้าฟ้าดินถิ่นสกล
ดั่งสากลคนนั้นแม่แท้กว่าใคร"
         BambusaAHA

เรื่องสั้น
เรื่อง   ตามตน

    ผมแต่งเรื่องสั้นไว้เรื่องหนึ่งน่ะครับ เป็นเรื่องที่สะท้อนสังคม ให้เห็นสภาพของสังคมในปัจจุบัน ไม่ดีมากเท่าไร แต่ก็อยากให้ทุกคนทราบกันถึงสังคมไทย เรื่องมีดังนี้ครับ...

                           ท่ามกลางสังคมอันมืดมิด ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและอยู่ภายใต้การครอบงำของความอยุติธรรม ‘เคอร์’ เด็กน้อยเพศชายผู้น่าสงสาร ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านพักที่มีขนาดใหญ่โตดังปราสาทมีข้าทาสบริวารเพียบพร้อมคอยตามรับใช้อยู่ทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าเคอร์จะคิดสิ่งใด เขาก็ได้สิ่งนั้นทันทีทุกเมื่อ พ่อของเคอร์เป็นนักธุรกิจมาดใหญ่ มีบริษัทเป็นของตนกว่า 50 บริษัท ส่วนแม่ของเคอร์นั้นก็ดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรี มีอำนาจมากในทุกวงการ

                            เคอร์ได้เติบโตขึ้นภายใต้ชายคาของบ้านหลังนี้ และภายใต้สังคมคนรวยเช่นนี้ แต่ถึงกระนั้น นับจากเคอร์ลืมตาดูโลก จวบจนวันหนึ่งซึ่งเคอร์ก็มีอายุได้ประมาณ 16 ปี แม้ทั้ง 16 ปีนี้ เขาจะมีร่างกายครบทั้ง 32 ส่วน มีดวงตาเหมือนคนปกติทุกประการ แต่เขาก็รู้สึกว่าตนไม่เคยได้พบกันแสงสว่างเลย พบแต่สังคมที่มืดสงัดไร้ความดี ปราศจากความยุติธรรม เคอร์สับสนกับสังคมเช่นนี้มาก เขาก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะเหตุใด อาจเป็นเพราะพ่อแม่ก็เป็นได้ เพราะตั้งแต่เคอร์เกิดมา เคอร์ได้พบกับพ่อแม่แค่ประมาณ 10 ครั้งเท่านั้น หรืออาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวของเขาที่ไร้ความสว่างเช่นนั้น   และก็อาจจะเป็นเพราะสติปัญญาของเคอร์ก็เป็นได้ ที่เคอร์ฉลาดมากเกินไป ทำให้เขาคิดอะไร ๆ ลึกซึ้งกว่าที่บุคคลธรรมดาจะคิดได้ เด็กหนุ่มผู้นี้ตกอยู่ภายใต้ความกดดันเป็นอันมาก ทั้งจากพ่อแม่ของเขา และบุคคลรอบ ๆ ข้างกอปรกับการไม่เข้าใจสังคมโลกของเด็กคนนี้ ทำให้เขาพลอยที่จะไม่เข้าใจตัวเองไปด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเกิดมาเป็นคน? ทำไมต้องเกิดมาเป็นผู้ชาย? ………..และแล้ว เคอร์ก็ได้ตัดสินใจที่จะลองเปลี่ยนเพศของตัวเองดู เผื่อจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง แม้ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนได้ แต่จิตใจของเคอร์ก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว เวลานี้ เขารู้สึกเบื่อหน่ายบ้านที่ว่างเปล่าของเขาเหลือเกิน จึงได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้านโดยสถานภาพเช่นนั้น คือ เป็นเพศที่ไม่ใช่ชาย และไม่ใช่หญิง

                           ภายในโลกอีกโลกหนึ่งซึ่งเคอร์ไม่เคยพบเคยเจอ โลกที่ถูกดูถูกเหยียดหยามจากบรรดาชนชั้นสูง เคอร์ได้พบสิ่งต่าง ๆ มากมาย ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เคอร์ไม่เคยพบเคยเห็น เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเขาทั้งสิ้น เขาได้รับรู้แล้วว่า โลกนั้นกว้างกว่าที่เขาเคยเห็นและในสังคมโลกเช่นนี้ เคอร์ก็ได้พบกับผู้คนหลายหน้าหลากตา บ้างก็เป็นคนที่มีจิตใจสูงส่ง บ้างก็เป็นคนที่มีจิตใจไม่ปกติ แสดงทีท่ารังเกียจคนเพศเช่นเคอร์ แต่เคอร์ก็ไม่สนใจ ดำรงชีวิตต่อไปเรื่อย ๆ เคอร์สามารถอยู่ในโลกนี้ได้เพราะเคอร์ได้พบกับคน ๆ หนึ่ง ซึ่งเคอร์นับถือเขาเป็นพี่ ชื่อ “พี่นอ” เป็นคนที่มีเพศที่ไม่ใช่หญิง และไม่ใช่ชายเช่นเคอร์ พี่นอเป็นคนดีมากในสายตาของเคอร์ แต่พี่เขาก็พูดกับเคอร์อยู่เสมอว่า “พี่ไม่ได้เป็นคนดีหรอกเคอร์อย่าคิดว่าพี่เป็นคนดีนะ เธอต้องมองคนแบบสองแง่สองมุมสิ เคอร์ถึงจะอยู่ในสังคมได้”

                            พี่นอได้แนะนำหลายสิ่งหลายอย่างให้แก่เคอร์ ส่วนมากจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตให้อยู่ในสังคมที่เคอร์ไม่เคยอยู่ได้ การที่จะหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ไม่ต้องไปพึ่งคนอื่น ๆ การต่อสู้กับนักเลงที่ชอบเข้ามาข่มเหงรังแก แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่พี่นอไม่เคยแนะนำเคอร์เลยก็คือ การทำให้เคอร์ทำตัวต่ำ

                            พี่นอรักและเป็นห่วงเคอร์มาก แนะนำแต่สิ่งที่ดี ๆ ให้ เคอร์จึงสามารถดำรงชีวิตอยู่หายในสังคมเช่นนี้ได้อย่างไร้ปัญหา แต่ด้วยการที่เคอร์เป็นคนทะเยอทะยาน มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของการเรียน เคอร์ได้ไขว่คว้าหาการเรียนตลอดเวลา รวมทั้งการที่เคอร์ได้รับคำแนะนำที่ดี ๆ จากพี่นอทำให้เคอร์มีหน้าที่การงานที่ดีได้เมื่อเคอร์เติบโตขึ้น เขาก็เป็นคนที่สังคมยอมรับอาจเป็นเพราะเขามีความสามารถสูง มีผลงานที่ดีในด้านต่าง ๆ ดังสุภาษิตที่ว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” และต่อมา เคอร์ก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรี เช่นเดียวกับแม่ของเขา แต่ที่เขาไต่เต้ามาจนถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เพราะแม่ แต่เขาทำได้ด้วยตัวเอง เมื่อเขามาอยู่ถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ไม่ลืมเลยว่าตนเคยเป็นใครมาก่อน เคอร์กลับไปเยี่ยมพ่อแม่เป็นประจำ รวมทั้งยังคบหาสมาคมกับพี่นอและเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ อยู่ด้วย เคอร์ไม่ได้ลืมหน้าที่ของเขาเช่นกัน แม้เขาจะเป็นเพศที่ 3 แต่เขาก็ทำหน้าที่เป็นชายที่ดีได้ และในขณะเดียวกัน เขาก็ได้เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็นด้วย

                             เคอร์ดำเนินชีวิตอย่างนี้ตลอดมาและตลอดไปและสุดท้ายเคอร์ก็ได้พบกับแสงสว่างที่แท้จริงหลังจากเขาไม่เคยพบเคยเห็นเลย แสงสว่างในความคิดของเคอร์นั้น ก็คือ การที่ได้ทำในสิ่งที่ตนอยากทำ เป็นในสิ่งที่ตนอยากเป็น และมั่นใจในสิ่งที่ตนทำและตนเป็น เพียงคิดว่าสิ่งนั้นถูก ก็ทำและเป็นสิ่งนั้น นั่นแหละที่เคอร์คิดและค้นหามาทั้งชีวิต และสุดท้ายก็ได้พบในเวลาที่ควรพบ"
                                                                                         ..................................
                                                                                    
ธัชไท   กีรติพงค์ไพบูลย์

ธัชไท  กีรติพงค์ไพบูลย์

 

7smooth.com

 

| Home | การแต่งร้อยแก้ว | การแต่งร้อยกรอง | วิธีการร่วมสนุก | About Us | Top |
Weekly Poems | วันจันทร์ | วันอังคาร | วันพุธ | วันพฤหัสบดี | วันศุกร์ | วันเสาร์ | วันอาทิตย์ |
| นวนิยาย | บทละคร | เรื่องสั้น | บทความ | เรื่องที่อยากเล่า | นิทาน | ตำนาน-ชาดก | แนะนำหนังสือ | สาระ-เกร็ดความรู้ |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999

poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com

1