...... บทที่ ๑
.......
แปดปีผ่านมาแล้วสิน่ะ
ที่ขจรกับนู๋นุยรู้จักกันมา
วันแรกที่เจอกัน
ขจรยังจำความรู้สึกนั้นได้ติดตา....
เด็กผู้หญิงคนนึง สูง ขาว
ผมสวยยาว ใส่กระโปรงสีแดง
เดินเข้ามาในห้องเรียน
วันนั้นเป็นวันมอบตัว
ขจรยังมองอยู่
แอบเกิดความรู้สึกดีๆให้....
พอนู๋นุย
เดินผ่านโต๊ะที่ขจรนั่ง
ก็แอบยิ้มให้นู๋นุยหนึ่งที
ได้ตอบกลับมาด้วย แววตาค้อน
จากดวงตาคมกริบ
คู่สวยที่หลบอยู่หลังแว่นสายตาขอบกระ
ขับผิวขาวออกชมพูเรื่อๆ
ชวนให้หลงเอาง่ายๆ
และนู๋นุยก้อเดินไปนั่ง
ตามไปด้วยสายตาละห้อยของขจร...
เย็นนั้น
เราก็ได้มีโอกาสรู้จักกัน
ในการรับน้องของรุ่นพี่ของห้อง
สายตาของขจรที่ไม่เคยหลุดไปจากหน้าของนู๋นุย
คงพอจาทำให้นู๋นุยเริ่มรู้สึกตัวบ้าง
ว่ามีผู้ชายคนนึงรู้สึกดีๆด้วย
คงเป็นโชคดีของขจรที่เย็นนั้นการเล่นเกม
นู๋นุยกับขจร
ถูกจับเป็นคู่กันโดยรุ่นพี่
(แอบสารภาพนู๋นุยว่า ขจร
แอบติดสินบนรุ่นพี่จ๊ะ)
นู๋นุยยิ้มเขินหน้าแดง เมื่อขจร
ต้องเล่นเกมเอาก้นเขียนเป็นชื่อ
ของคนที่ชอบ
หรือแอบปิ๊งปั๊งด้วย ...
จะเป็นชื่อใครไปไม่ได้ นอกจาก
นู๋นุย.....
เช้าวันต่อมา.....
เป็นเช้าวันแรกที่ขจรตื่นเองโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก
รีบไปโรงเรียนแต่เช้า
กะไว้ว่าอาจจะพบนู๋นุย รอ รอ...
ในที่สุด นู๋นุยก้อเดินเข้ามา
จากรั้วประตู
ขจรเดินเข้าไปทักทาย
กล่าวสวัสดี นู๋นุย ยิ้มตอบเขินๆ
แค่นี้ก็ทำให้โลกของขจร
สวยงามไปได้ทั้งวันแล้ว
ระหว่างชั่วโมงเรียน
แอบย้ายที่ด้วยข้ออ้างสายตาสั้น
มานั่งอยู่หลังนู๋นุย
แอบแตะผมนิ่มสวยของนู๋นุย
บรรยากาศร้อนอบอ้าวในห้อง
ไม่มีผลอะไรกับขจรซักนิดเดียว...
เมื่อต้องแบ่งกลุ่มทำรายงาน
แน่นอนว่า.....
ขจรทำทุกวีถีทางเพื่อให้ได้อยู่กลุ่มเดียวกับนู๋นุย
เราเริ่มได้คุยกันมากขึ้น
ขจรพยายามชวนคุยเรื่องต่างๆ
แต่โดยส่วนใหญ่นู๋นุยจะเป็นคนตอบเพียงอย่างเดียว
นู๋นุยดูเอาจริงเอาจังกับรายงาน
ผิดกับขจรที่เอาแต่ชวนคุย
แต่นู๋นุย
ก็พยายามตอบคำถามมากมายของขจร
ไม่มีทีท่า ว่าจะรำคาญ
ขอบคุณน่ะคะนู๋นุย
แค่นี้ก็พอสำหรับวันนี้แล้ว
เป็นวันที่ดีสำหรับขจรจริงๆ
..........บทที่
๒ ............
เวลาผ่านไปเหมือนโกหก
สองอาทิตย์แล้วสิน่ะ
ที่ขจรกะนู๋นุยรู้จักกันมา
เราเริ่มสนิทกันมากขึ้น
ถึงแม้ในฐานะเพื่อนก็ยังดี
นู๋นุยไม่เคยแห้งแล้งรอยยิ้ม
ไม่ว่าขจรจะหันไปมองตอนไหน
(จริงๆ
ขจรก็มองนู๋นุยเกือบตลอดเวลานิ)
พรุ่งนี้เรามีนัดทำรายงานกันที่บ้านขจร
ตื่นเต้นจัง
วันนี้ขจรพยายามอ้อนวอนนู๋นุย
อ้างถึงความสำคัญต่างๆ ยังไงซะ...
ต้องชวนนู๋นุยมาทำรายงานที่บ้านให้ได้
และแล้ว...ในที่สุดนู๋นุยก้อตกลงรับปากจะมา...
ถ้านู๋นุยจำได้ว่าพลุที่งานบอลจุฬา-ธรรมศาสตร์
มันส่องประกายขนาดไหน
งดงามขนาดไหน
ก็คงเปรียบได้กับหัวใจของขจรในขณะนั้น....
วันนี้ตื่นแต่เช้า
ออกไปเตรียมซื้อขนม ซื้อน้ำดื่ม
กะให้นู๋นุยคนดี ทานให้อิ่มตื้อ
เรียกพี่เลี้ยง
มาช่วยกันเตรียมทำ ลาดหน้า
กับผัดซีอิ้ว
เวลาผ่านไปเก้าโมงกว่าแล้ว
เพื่อนๆ
เริ่มทยอยกันมาจนเกือบครบ
แต่ยังไม่เห็นคนดีของขจรเลย...
สักครู่นึง
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ขจรไปรับด้วยความหวั่นใจนิดๆ
กลัวว่านู๋นุยจะมาไม่ได้
ก็วันนี้ขจรแสดงฝีมือทำอาหารเองเลยนิจ๊ะ
เสียงนู๋นุยพูดตื่นเต้นเล็กน้อย
"ขจร..
นู๋นุยหาบ้านขจรไม่เจออะคะ"
ขจรสอบถามว่านู๋นุยอยู่ที่ไหน
ได้ความปุ๊ปก็รีบวิ่งตื๋อออกไปรับนู๋นุยทันที
นู๋นุยหัวเราะเขินๆ
เพราะหลงทาง.....
(นุ๋นุยรู้เปล่าคะว่านู๋นุย
หัวเราะน่ารักที่สุดเลย)
รายงานเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
พร้อมกับเวลาที่หมดไปเกือบถึงเที่ยง
เพื่อนๆเริ่มบ่นหิวกัน
มีคนเสนอให้พัก ทานข้าวกันก่อน...
ขจรรีบร้อนไปนั่งข้างนู๋นุยทันที
ขจรอยากบริการนู๋นุยนิคะ
ลาดหน้า
ผัดซีอิ้วถูกยกมาเสริฟทั่วทุกคน
... ขจรคอยตักหมู
ตักเนื้อเพิ่มให้นู๋นุย ไม่ขาด
จนนู๋นุยต้องบอกไม่ไหว
เพราะอิ่มมากแล้ว เพื่อนๆ
ทานกันจนอิ่ม หมดจานบ้าง
เหลือบ้าง ในจานของนู๋นุย
ยังเหลืออีกครึ่งนึง
ขจรรีบยกมาทานต่อ จนเพื่อนๆ
ล้อว่าในกะทะก็มีเหลือ
ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
แก้ตัวไปว่าเสียดาย(ก็เป็นจานนู๋นุยนิคะ)....
รายงานเสร็จเรียบร้อยก่อนเย็น
ขจรนั่งคุยกับนู๋นุย ไม่ยอมห่าง
ยิ้มออกตาจนเพื่อนๆจับได้
คิดว่านู๋นุยเริ่ม
พยายามคุยกับขจรน้อยลง
แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
เพราะวันนี้ขจรมีความสุขมากจัง
เพื่อนๆเริ่มทยอยกลับบ้านทีละคนจนเหลือแต่นู๋นุยรอคุณแม่มารับ
ดูนู๋นุยเงียบๆไป .... ในที่สุด
คุณแม่ของนู๋นุยก้อมาถึง
ก่อนจากกัน นู๋นุยบอกขจรว่า
วันจันทร์ให้ขจรไปโรงเรียนเร็วหน่อย
นู๋นุยมีเรื่องจะ คุยด้วย
แล้วนู๋นุยก็ขึ้นรถกลับบ้านไป
ตามไปด้วยสายตาของขจร....
...............
บทที่ ๓ ................
คืนวันอาทิตย์
ดูฟ้าไม่ค่อยสดใสเลย
เหมือนเป็นลาง
ประมาณสามทุ่มเศษๆ
เพื่อนสนิทของนู๋นุยโทรศัพท์มาเตือน
ว่าให้ขจรไปถึงโรงเรียนเร็วหน่อย
รับปากไปด้วยหัวใจหวั่นๆ จริงๆ
แล้วขจรก็แอบเข้าข้างตัวเองอยู่เหมือนกันว่าเรื่องที่
นู๋นุยจะพูดด้วยคงเป็นเรื่องที่ดี
นู๋นุยคงบอกขจรว่านู๋นุย
ก็มีความรู้สึกดีๆให้ขจรเหมือนกัน......
การคิดแบบนั้นทำให้ขจรปิดตาหลับลงได้หลังจากนอน
กระสับกระส่ายบนเตียงอยู่จนดึกดื่น....
เช้าวันจันทร์....
ตื่นงัวเงียเพราะหลับไม่เต็มอิ่ม
รีบออกไปโรงเรียนแต่เช้ามืด
เช้าวันนี้ดูมันหมองหม่นไปหมด
ผู้คนหน้าตาเคร่งเครียด
ไปนั่งรอนู๋นุยในโรงอาหาร
เหม่อลอยดูคนเดินผ่านไปผ่านมา
เพื่อนสนิทนู๋นุย
เดินผ่านประตูรั้วมา
รีบเดินเข้าไปถามว่า
นู๋นุยมีเรื่องอะไร
เพื่อนของนู๋นุยจับแขนเบาๆ
ไม่พูดอะไร แล้วเดินหายไป
ขจรยังพยายามเข้าข้างตัวเองว่ามัน
คงจะเป็นเรื่องที่ดี
เพื่อนนู๋นุยอาจจะอยากให้รู้จากนู๋นุยเอง
ก็เลยไม่บอก
ได้แต่นั่งลงรอนู๋นุยต่อไป...
เจ็ดโมงครึ่ง
นู๋นุยเดินเข้ามาทักขจรที่เหม่อ
จนไม่ได้สังเกตุ
ถามไปรวดเร็วว่านู๋นุยมีเรื่องอะไรจะพูดกับขจร
นู๋นุย เงียบ
เดินไปซื้อไอศครีมมาสองถ้วย
ยื่นให้ขจรถ้วยนึง
ชวนให้ทานไอศครีมก่อน
ขจรได้แต่ปฏิเสธ... นู๋นุยจ๋า
อารมณ์แบบนั้นใครจะทานอะไรลงอีกละคะ
นู๋นุยทานไปได้สองสามคำแล้วก็เริ่มพูด......
"ขจรจ๋า..ขจรชอบนู๋นุยใช่มั้ยคะ"
ขจรพยักหน้าเล็กน้อยรับ
นู๋นุยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดต่อว่า....
"ขจรจ๋า..นู๋นุยขอบคุณที่ขจรให้ความรู้สึกดีๆกับนู๋นุยน่คะ
แต่นู๋นุยคงให้ขจรได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้นน่ะคะ"
รู้สึกแต่ว่าในช่วงเวลานั้นหูมันอื้ออึงไปหมด
สมองตื้อ
อยากย้อนเวลากลับไปเมื่อวันเสาร์ที่ขจรมีความสุขมากๆ
นู๋นุยอึ้งนิ่งเงียบไปพักนึงแล้วก็พูดปลอบโยนขจรไม่ให้คิดมาก
อย่างน้อยขจรกับนู๋นุยก้อจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป...
เดินเหม่อลอยออกจากโรงอาหาร
คิดอะไรไม่ออก
ในใจตั้งคำถามแต่ว่า "ทำไม"
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่หา
คำตอบให้ตัวเองไม่ได้
พอถึงเวลาเข้าเรียนเพื่อนที่รู้ว่านู๋นุย
นัดขจรมาพูดรีบวิ่งเข้ามาถาม
ได้แต่บอกปัด
เพราะไม่สามารถจะสื่ออะไรกับใครในขณะนั้นได้
เพื่อนบางคนพอจะเดาเรื่องได้จากสีหน้า
ก็รีบมาขอเปลี่ยนที่นั่งกับขจรเพราะไม่อยากให้คิดมาก
เพราะคนที่นั่งหน้าขจรในตอนนั้นก็คือ.....นู๋นุย
................
บทที่ 4 ..................
หลังจากวันนั้น
วันที่นู๋นุยให้ขจรคิดกับนู๋นุยแค่เพื่อน
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูเปลี่ยนไป
นู๋นุยไม่พูดยิ้มเล่นหัวกับขจรอีก
(อันนี้ขจรรู้ว่านู๋นุยกลัวขจรจะคิดมาก
เพราะเพื่อนสนิทนู๋นุยบอก)
ขจรเองก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปพูดคุยกับนู๋นุยมากนัก
มันทำให้เราห่างขึ้นเรื่อยๆ
บางทีก็ทำให้ขจรท้อแท้ใจ
แอบอิจฉาเพื่อนคนอื่นๆที่ได้เข้าใกล้นู๋นุย
ได้พูดคุย
แต่ขจรก็ทำได้แค่มองนู๋นุยอยู่ห่างๆ
อย่างน้อยที่สุด
ขจรก็ยังเป็นเพื่อนกับนู๋นุยอยู่
ขจรไม่อยากให้นู๋นุยรำคาญ
จนความเป็นเพื่อนก็จะไม่มีเหลือไว้ให้ขจร.....
"ขจรอย่ายอมแพ้ง่ายๆน่ะ"
เพื่อนของนู๋นุยพูดกับขจรอยู่บ่อยๆ
การที่เรามอบความรู้สึกดีๆให้กับใครสักคนมันเป็นเรื่องที่ดี
ขจรรู้อยู่เต็มอก แต่ก็อดไม่ได้
ที่จะหวังสิ่งเดียวกันตอบคืนมา
การรอคอยบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีจุดหมาย
ไม่มีตัวตน มันทำให้สับสน
เหนื่อยล้า
เหมือนกับรอสิ่งว่างเปล่า
"แล้วจะให้ขจรทำยังไง" ขจรถาม
แต่คำตอบที่ได้ซ้ำๆจากเพื่อนๆ
ก็คือให้ขจรทนรอต่อไปเรื่อยๆ
สักวันนู๋นุยอาจจะเห็นใจ
จนบางทีก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
เรื่อยๆ นี่มันนานแค่ไหนกันน่ะ
"ขจร
มะรืนนี้วันเกิดนู๋นุยน่ะ"
เพื่อนนู๋นุยชวนขจรไปซื้อของขวัญ
ขจรบอกปฏิเสธๆไปเพราะจริงๆแล้ว
ของขวัญนู๋นุยห่อเสร็จเรียบร้อย
ตั้งแต่เมื่อวาน
กระดาษสาสีขาวขุ่นกับเชือกฟางเส้นเล็กๆ
หุ้มห่อ
กรอบกระจกธรรมดาอันนึงขอบไม้สีน้ำตาลอ่อนๆ
พื้นสีขาว
ติดรูปนู๋นุยที่ขจรไปแอบซุ่มถ่ายนู๋นุยตอนเผลออยู่หลายวัน
(นู๋นุย
แอบบอกขจรอายๆตอนหลังว่าจริงๆ
นู๋นุยก้อรู้ตัวเหมือนกัน)
กับข้อความสั้นๆเขียนด้วยลายมือขจรว่า...
******
ขจรจะรอนู๋นุย....จนกว่าโอลิมปิคจะเลิกจัด
******
เพื่อนๆนู๋นุยแอบแซวตอนเช้าว่าขจรหอบหิ้วของขวัญพะรุงพะรัง
บ้างก็เข้ามาถามว่าข้างในเป็นอะไร
ขจรได้แต่ยิ้มรอนู๋นุยมาถึง
ในที่สุดก็ถึงตอนเปิดห่อของขวัญ
นู๋นุยได้การ์ดและของขวัญ
จากเพื่อนๆมากมาย
ขจรแอบดีใจเล็กๆเมื่อเห็นนู๋นุยแอบยิ้มแก้มแดง
เมื่อได้เห็นของขวัญและอ่านข้อความที่ขจรเขียนให้....
"ขอบคุณน่ะคะ"
นู๋นุยพูดแค่นั้น
แค่คำพูดกับรอยยิ้มของนู๋นุย
ก้อทำให้ขจรยิ้มหน้าบานไปได้ทั้งวันแล้วละคะ
"ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก"
เพื่อนๆนู๋นุยแซวขจรยกใหญ่
ดูเหมือนกำแพงบางๆที่กั้นระหว่างขจรกับนู๋นุยมันพังทลายลงไป
วันนั้นในสมุดเรียนขจรเขียนซ้ำๆย้ำอยู่เพียงคำว่า.....
นู๋นุย
.............................
บทที่ 5 ..............................
อีกสองเดือนก็จะถึงงานกีฬาประจำปีแล้วสิน่ะ
นู๋นุยถูกอาจารย์ทาบทามให้ไปเป็นคนถือป้ายประจำตึก
แต่ขจรแอบค้านอยู่ในใจเต็มที่
แต่ก็ไม่สามารถจะพูดอะไรได้
เพราะเป็นเรื่องที่นู๋นุยคงจะต้องตัดสินใจเอง
... ขจรเห็นแก่ตัวนิคะ
แล้วก็ที่สำคัญ
ขจรไม่อยากให้มีใครๆอีกหลายๆคน
มาชอบนู๋นุยด้วย....
แต่ในที่สุดนู๋นุยก้อปฏิเสธไป
นู๋นุยเป็นคนขี้อาย
ไม่มั่นใจในตัวเองนัก
ผิดกับท่าเดินที่ไหล่ตั้งตรง
ดูสง่า
นู๋นุยจะเด่นเสมอเมื่ออยู่
ท่ามกลางเพื่อนๆ
ก็ด้วยท่าเดินกับความสูงนี่แหละ
จนเพื่อนๆชอบล้อบ่อยๆว่านู๋นุยเดินเหมือนคนลอยไปลอยมา...
ขจรเองก็ต้องซ้อมฟุตบอลตั้งแต่บ่ายๆ
ไปกระทั่งเย็น
ขจรจะวิ่งเร็วปี๋เข้าไปหาเสมอเมื่อเห็นนู๋นุยเดินผ่านสนามฟุตบอล
ขอแค่ได้เข้าไปทักกับนู๋นุยสักนิด
ก็มีความสุขวิ่งได้ทั้งวัน
แต่วันนี้
นู๋นุยเองที่เป็นคนตะโกนเรียกขจรจากข้างสนาม
ประมาณว่า
นักวิ่งร้อยเมตรชายยังแพ้ความเร็วของขจรในขณะนั้น
ก็มันดีใจนิคะ
ขจรรีบเข้าไปทักทายเพราะวันนี้นู๋นุยมาโรงเรียนสาย
ไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่เช้า
นู๋นุยไม่พูดไม่จายื่นครีมนวดสำหรับทาแก้ปวด
กับขนมกล่องนึงให้แล้วก็เดินไปกับเพื่อน
รับของไว้ งงๆแต่ก็ดีใจ
เย็นนั้นดูเหมือนจะมีขจรคนเดียวที่วิ่งไปยิ้มไป
จนแมลงวันหลายตัว
ร้องให้ไร้ญาติขาดมิตรเพราะญาติโกโหติกาเข้ามาอยู่ในปากขจรหมดแล้ว...
คาบบ่ายหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขจรก้อกลับเข้ามาเรียน
อยากสะกิดถามนู๋นุยว่าให้ของกับขจรเนื่องในโอกาสอะไร
แต่นู๋นุยก็ดูสนใจกับการเรียน
ยิ่งไปกว่านั้นคุณอาจารย์ใจดี
(แต่หน้าดุ)
ก็เหมือนแกล้งเพ่งมองอยู่ตลอดเวลาไม่เปิดโอกาสให้ถามนู๋นุยได้
เพราะขจรขาดเรียนวิชานี้ไปซ้อมบอลอยู่บ่อยๆ
....
นั่งซึมจะง่วงจะหลับอยู่จนหมดคาบวิชานั้น
(ก้อวิชาภาษาไทยนิ) เสียงกระดิ่ง
กริ๊งงงงง
แสบแก้วหูปลุกตื่นจากภวังค์
รีบเข้าไปถามนู๋นุย "นู๋นุยคะ
ให้ของขจรเนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะ"
ถามแล้วก้อนั่งนิ่งฟัง
"ก็เราเป็น..เพื่อนกันนิคะ"
นู๋นุยตอบ
ดูจะย้ำที่คำว่าเพื่อนจนขจรใจหาย
ได้แต่รับคำแล้วก็ตอบขอบคุณไปแต่ในใจเริ่มสับสนอีกครั้งนึง.....
เสียงโทรศัพท์ดังปลุกให้ตื่นขึ้นมากลางดึก
เป็นรุ่นน้องที่โรงเรียน
ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแล้วก้อถามไปว่ามีธุระอะไร...
"เพื่อนของมลชอบพี่ขจรคะ
น้องแพรอะคะชอบพี่ขจร" มลตอบ
"แพรให้มลมาบอกพี่ขจรเพราะเค้าไม่กล้าพูดเองอะคะ"
มลพูดต่อ
ขจรเองก็ได้แต่พูดขอบคุณมลแล้วก้อวางสายไป....นิ่งคิด
แพรเป็นเด็กผู้หญิงตัวสูงพอๆกับนู๋นุยแต่คล้ำกว่า
เป็นรุ่นน้องนิสัยดี
คอยเอาน้ำเอาผ้ามาให้ขจรตอนซ้อมบอลอยู่ตลอดเวลา
.... "แล้วเราจะทำยังไงดี"
ได้แต่พูดกับตัวเอง
ภาพสองภาพที่เข้าออก
ในสมองของขจรสลับไปมา ภาพแพร กับ
ภาพนู๋นุย......
..........................
บทที่ 6 ............................
วันนี้ออกจากบ้านมาโรงเรียนแต่เช้า
ในหัวสมองคิดถึง
เรื่องของน้องแพรว่าจะทำอย่างไร
เพื่อนๆมีทั้งสนับสนุน
และคัดค้านยกเหตุผลต่างๆนานา
ยิ่งทำให้ขจรสับสนมากขึ้น
การที่ต้องเลือกอะไรบางสิ่งบางอย่างมันเป็นเรื่องที่ยากเย็นจริงๆ
จำเป็นด้วยหรือที่ขจรต้องรอนู๋นุยโดยไม่มีความหวัง
...
ไม่มีทางรู้ว่าความหวังนั้นจะเป็นจริงรึเปล่า
แล้วถ้า
ขจรคบกับแพรโดยที่ไม่มีพื้นฐานของความรักมันจะเป็นอย่างไร
คิดแล้วก้อคิดอีก
โดยที่ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้
รู้สึกปวดหัวหนึบๆ
จนต้องขอยาอาจารย์ประจำห้องพยาบาลทาน
หลังจากทานยาแอสไพรินไปสองเม็ดขจรก็หลับปุ๋ยไป....
ตื่นมาเกือบๆจะเที่ยง
ความปวดหัวหายไปหมดแล้ว
เดินเข้าโรงอาหารหาอะไรทานประทังความหิว
พออิ่มกำลังจะเดินออกจากโรงอาหารก้อได้ยินเสียงแจ๋วๆ
ดังขึ้น "พี่ขจรคะ
แพรคุยด้วยได้มั้ยคะ"
น้องแพรนั่นเอง
พูดจบแล้วน้องแพรก็เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วย
"มล
โทรมาหาพี่ขจรเมื่อคืนเรื่องแพรอะคะ"
พูดตอบไป
แพรยิ้มหน้าแดงพยักหน้ารับว่าเป็นคนบอกให้มลโทรมา
"แล้วพี่ขจรคิดยังไงกับแพรคะ"
แพรถามต่อ....
คุยกันอยู่พักใหญ่โดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาคู่นึงมองอยู่ไกลๆ
สายตาที่อยู่ภายใต้แว่นขอบกระ
สายตาของ.....นู๋นุย
วันนั้นตอนบ่ายอากาศร้อนอบอ้าวเหมือนใจของขจร..
อาจารย์เรียกรวมตัวที่โรงเกษตร
เป็นชั่วโมงที่นักเรียน
ต้องปลูกผักสวนครัว
ขจรเดินตามนู๋นุยต้อยๆ
พยายามพูดคุยด้วยแต่นู๋นุยก็ดูเฉยๆ
ไม่ค่อยใส่ใจฟัง
จนในที่สุดก้ออดรนทนไม่ได้ต้องเอ่ยปากถาม
ว่านู๋นุยเป็นอะไร
นู๋นุยตอบย้ำหลายหนว่าไม่เป็นอะไร
โธ่...นู๋นุยจ๋า
ขจรแอบมองนู๋นุยอยู่ทุกวัน
จะไม่รู้เชียวหรือ
ว่าถ้านู๋นุยทำหน้าแบบนี้
เงียบๆแบบนี้.... (น่ากลัวจริงๆ)
นู๋นุยคงจะต้องมีเรื่องอะไรอยู่ในใจแน่ๆเลย
แล้วเรื่องนั้นมันคือเรื่องอะไร
ได้แต่คิดคนเดียวเงียบๆ...
ค่ำวันนั้น...หลังจากตัดสินใจอยู่นานก็โทรศัพท์ไปหา
เพื่อนสนิทของนู๋นุยต้องการจะถามให้รู้เรื่องว่านู๋นุยเป็นอะไร
เพื่อนของนู๋นุยอ้ำอึ้งอยู่พักใหญ่จนทนขจรคะยั้นคะยอไม่ไหว
ในที่สุดก็ตอบกลับมาว่าขจรเป็นต้นเหตุ
น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี
ขจรทำอะไรให้นู๋นุยโกรธหรือไม่พอใจเหรอคะ
ถามตัวเองอยู่นาน
ในที่สุดก็ได้คำตอบ
คิดได้ว่าคงจะเป็นเรื่องของน้องแพรแน่ๆ
แอบดีใจอยู่ลึกๆ
แต่แล้วก็คิดต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้นู๋นุย
หายโกรธและกลับมาพูดกับขจรอย่างเดิม
คิดอยู่จนดึกดื่น จนผลอยหลับไป
ในฝันคืนนั้นภาพของผู้หญิงคนนึงก็เข้ามา...ภาพของนู๋นุย
.....................
บทที่ 7 .........................
ที่ห้องเรียนตอนเช้า...คนยังเดินไปเดินมาขวักไขว่รอเวลาเข้าเรียน
ตั้งใจแน่วแน่จะต้องพูดกับนู๋นุยให้เข้าใจว่าเรื่องราวเป็นอย่งไร
แต่จะพูดยังไงดีน่ะได้แต่คิดวนไปวนมาเรียบเรียงคำพูดอยู่นาน
ระหว่างนั้นนู๋นุยก้อนั่งเงียบอ่านหนังสือ
หน้าตาเฉยๆ ไม่สนใจอะไร
แววตาเย็นชา.. ที่เธอมีให้
มันบาดหัวใจ .. (นู๋นุยจ๋า
ขจรสารภาพแต่โดยดีว่า
ตานู๋นุยดุจิงๆ)
รวบรวมความมั่นใจอยู่สักพักก็เดินตรงเข้าไปหา
นั่งลงข้างๆ
นู๋นุยเงยหน้าขึ้นมามอง
แล้วก็อ่านหนังสือต่อไม่ใส่ใจ....
"นู๋นุยคะ
นู๋นุยโกรธขจรเรื่องอะไรคะ"
เอ่ยปากถามหัวใจเต้น ตึ๊กตั๊กๆ
"ช่างมันเหอะขจร
ไม่มีอะไรหรอกคะ" นู๋นุยพูดตอบ
(นู๋นุยจะพูดแบบนี้บ่อยๆเวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ
จนตอนหลังขจรจับไต๋ได้)
นู๋นุยนิ่งเงียบ
ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เก็บหนังสือใส่ใต้โต๊ะ
แล้วก็เดินออกจากห้องไป
ไม่ฟังเสียงเรียกของขจร.......
นั่งซึมอยู่พักใหญ่จนแทบจะกลายเป็น
พระเอกมิวสิควีดีโอ
เสียงกระดิ่งเรียกนักเรียนเข้าห้องก็ดังกังวานขึ้น
เพื่อนๆทะยอยเดินเข้ามาจนหมดยกเว้นคนเดียวที่ขจรรอ...นู๋นุย
นู๋นุยหายไปไหน
ถามได้ความจากเพื่อนของนู๋นุยว่า
นู๋นุยปวดหัว
เลยไปขอยาทานที่ห้องพยาบาลแล้วก้อคงจะนอนพักที่นั่น
สบตาคุณอาจารย์ปิ๊งปั๊งอยู่สักพัก
ก็ลุกเดินด้วยกิริยา (ดัดจริต)
ปวดหัวตัวร้อนแทบจะตายดิ้นอยู่ตรงนั้นขอลาไปห้องพยาบาล
พอได้รับคำอนุญาติ
แทบจะวิ่งออกไปจากห้องแต่ก็เกรงว่า
คุณอาจารย์ใจดีจะเรียกกลับมาเรียนต่อ
เลยค่อยๆเดินออกไป
พอถึงห้องพยาบาลแกล้งทำท่าไม่สบายขอยาอาจารย์ประจำห้อง
(ต้องแอบคายยาทิ้งตอนอาจารย์เผลอ
แห่ะๆ ขจรกลัวไม่สบายจริงๆนิคะ)
แล้วก็เดินไปนอนที่เตียงว่างๆข้างๆ
...เตียงนู๋นุย
นู๋นุยยิ้มออกมาได้เพราะรู้ว่าขจรแกล้งทำไม่ได้ป่วยจริงๆ
รอจนแน่ใจว่าอาจารย์ประจำห้องเดินออกจากห้องไปแล้วก็สะกิดนู๋นุย
"นู๋นุยโกรธขจรเรื่องน้องแพรใช่มั้ยคะ"
ถามเบาๆแล้วก้อรอฟัง
"ขจรชอบกับน้องแพรเหรอคะ"
นู๋นุยถามกลับมาพร้อมกับบอกว่า
เห็นขจรนั่งคุยกับน้องแพรในโรงอาหารวันนั้น
...
กลั้นไม่ไหวหัวเราะขำออกมาจนโดนตาคมคู่นั้นค้อนไปหลายวง
เล่าให้นู๋นุยฟังว่ารู้สึกกับน้องแพรเหมือนน้องสาวที่น่ารักคนนึงแค่นั้น
เพราะในใจขจรรอคนอยู่คนเดียว
คนที่อยู่ข้างๆขจร.....นู๋นุย
เย็นวันนั้นหลังจากซ้อมฟุตบอลเสร็จก้อเดินออกไปส่งนู๋นุยขึ้นรถที่หน้าโรงเรียน
การที่ได้ถือกระเป๋านักเรียนให้นู๋นุยดูจะเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดในขณะนั้น
แม้กระทั่งโดนสายตาคมกริบของคุณแม่นู๋นุยบาดตามตัวเลือดสาดกระจาย
เพราะขจรสกปรกมอมแมมเหลือเกิน
ก็ไม่ทำให้ขจรรู้สึกรู้สมอะไรเลย
คำว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเปรียบได้กับแบบนี้รึเปล่าน่ะ
ตาของนู๋นุย กับ
ตาของคุณแม่นู๋นุย
เหมือนกันเปี๊ยปเลย
ได้แต่คิดอยู่ในใจ
กลับถึงบ้านอาบน้ำอาบท่านอนหลับฝันดี
คืนนี้ภาพของน้องแพรเลือนหายไปแล้ว
เหลืออยู่เพียงภาพเดียว....คนดีของขจร
.......................
บทที่ 8 ...........................
หลังจากที่ได้อธิบายเรื่องของน้องแพรให้นู๋นุยฟังจนเข้าใจ
นู๋นุย็ก็มีท่าทีเป็นมิตรมากขึ้น
พูดคุยกับขจรมากกว่าเดิม
ไม่หันมาทำหน้าดุใส่เวลาขจรม้วนผมนู๋นุยเล่น
(ก็ผมนู๋นุยสวยนิคะ)
บางทีก็ช่วยสอนวิชาที่ขจรไม่เข้าใจ
ให้ลอกการบ้านเวลาขจรทำไม่ทัน
(เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี น้องๆ
นักเรียนห้ามทำตาม
ผู้ปกครองควรพิจารณา)
แต่นู๋นุยก็ยังย้ำกับขจรอยู่สม่ำเสมอว่าเราเป็น
"เพื่อน" ที่ดีต่อกัน
เพราะเราสองคนยังเด็กยังเป็นนักเรียนอยู่
(อันนี้คุณแม่นู๋นุยบอก)
ขจรก็ได้แต่รับคำแล้วก็นึกในใจว่า
แล้วเด็กเค้าไม่รักกันหรือไง
แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวนู๋นุยเทศนาต่ออีก....
ระยะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เพื่อนๆชอบมาเล่าให้ฟังว่า
มีรุ่นพี่คนนึงมาชอบนู๋นุย
เอาขนม เอาดอกไม้มาให้อยู่บ่อยๆ
และบางทีก็จะเดินตามมาคุยกับนู๋นุยที่ห้องอยู่นานๆเป็นประจำ
ถึงนู๋นุยจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ได้สนใจพี่คนนั้นเลย
ด้วยการหนีไปอยู่กับเพื่อนต่างห้องบ้าง
หรือแอบอยู่ในห้องน้ำนานๆบ้าง
แต่น้ำตาของขจรก็หยดสามแหม่ะด้วยความกังวล
(เรียกร้องความสนใจ)
ได้แต่ใช้สายตาเย็นชามองรุ่นพี่คนนั้นราวกับจะให้ละลายหายไป
ในที่สุดไม่เพราะด้วยสายตาอาฆาตนิดๆของขจรหรือเพราะทนตื้อนู๋นุยไม่ไหว
(ยังภูมิใจอยู่ว่านู๋นุยพูดเล่นๆกับขจรว่าขจรตื้อกว่าพี่คนนั้นเยอะเลย)
รุ่นพี่คนนั้นก็พ่ายแพ้เลิกราไปในเวลาไม่กี่อาทิตย์พร้อมๆกับความโล่งใจของขจร
และแล้วโลกของขจรก็กลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง...
วันนี้เป็นวันสอบไล่วันสุดท้ายหลังจากที่ต้องหน้าดำคร่ำเคร่ง
อ่านหนังสือเตรียมตัวมาหลายวัน
พอหมดชั่วโมงเสียงเฮฮาก็ดังขึ้น
ที่โรงเรียนจะมีประเพณีให้เอาเสื้อมาให้เพื่อนๆเขียนเป็นที่ระลึกเพราะ
ปีหน้าแต่ละคนจะถูกแยกห้องไปตามระดับผลการเรียนที่ทำได้
เพื่อนที่สนิทๆกันก็อาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนอยู่ห้องเดียวกัน
พวกผู้ชายก็จะถอดให้เขียนกันเดี๋ยวนั้น
ส่วนพวกผู้หญิงก็จะเอาเสื้อ
สำรองมาจากบ้าน
ส่วนใหญ่ก็จะเขียนแสดงความรักความห่วงใยกัน
ผู้ชายบางคนที่ทะเล้นหน่อย
จะเขียนถ้อยคำที่สุภาพไม่มากนัก
เชิญชวนให้ตั้งท่าจรเข้ฟาดหางใส่ได้โดยไม่ได้ตั้งใจ...
"ขจรฝากเสื้อให้นู๋นุยเขียนหน่อยน่ะคะ"
ขจรยื่นเสื้อของตัวเอง
ให้เพื่อนสนิทนู๋นุยเพราะต้องออกไปเอาของนอกโรงเรียน
กว่าจะกลับก็เย็นคงไม่ทันได้เจอนู๋นุย
เพราะนู๋นุยต้องรีบกลับบ้าน
กลับมาถึงเพื่อนนู๋นุยนั่งรออยู่พร้อมกับยื่นเสื้อคืนให้...
ลายมือแปลกๆที่ไม่เหมือนใครของนู๋นุย
ขจรจำได้ติดตา
อ่านไปก็ยิ้มอยู่คนเดียวจนเพื่อนนู๋นุยทักว่านู๋นุยเขียนอะไรให้ขจร
บนเสื้อที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือหลายหลากสี
ดูเลอะๆเทอะๆ
แต่ประโยคนึงที่ขจรอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายต่อหลายเที่ยว
"ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆที่ให้นู๋นุยน่ะคะ"
.....
...........................
บทที่ 9 .............................
เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นหวั่นไหวปลุกขจรให้ลุกงัวเงียจากเตียง
ขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าหลังจากที่นอนตื่นสายอยู่เกือบสองเดือน
วันนี้เปิดเทอมแล้วสิน่ะ
จะได้ไปอยู่ห้องไหน
จาได้เจอใครบ้าง
อาจารย์ประจำชั้นจะหน้าดุมั้ย
วิชาที่เรียนจะเป็นอย่างไรบ้าง
ที่สำคัญแล้วขจรจะได้อยู่ห้องเดียวกับนู๋นุยรึเปล่าน่ะ
ได้แต่คิดในใจ
จนเสียงพ่อเส่งเสียงดังโหวกเหวกว่าสายมากแล้ว
ถึงได้ออกจากห้องน้ำมาทานอาหารเช้า
ทานได้นิดหน่อยก็อิ่ม
แล้ว็อรีบวิ่งออกจากบ้านขึ้นรถไปโรงเรียน....
ที่สนามฟุตบอลกลางโรงเรียน
มองเห็นเพื่อนๆมุงดูรายชื่อตัวเอง
ว่าจะได้ไปอยู่ที่ห้องไหนตึกไหน
บางคน็อดีใจเพราะเจอเพื่อนเก่าหลายคน
บางคน็ก็ทำหน้าเบื่อๆ
เหมือนกินปาท่องโก๋ยังไม่ได้ทอด
เพราะไม่มีคนรู้จักเลย ...
รีบเข้าไปดูบ้างไล่นิ้วหารายชื่อจนเจอชื่อขจร
ตึกที่ขจรอยู่มีแค่สี่ห้อง
เป็นตึกเรียนสองชั้น
ชั้นบนเป็นห้องเรียนสำหรับระดับชั้นของขจร
ชั้นล่างสำหรับเด็กรุ่นน้องที่เข้ามาเรียนใหม่
จริงๆแล้วระดับชั้นเรียนของขจรจะต้องไปเรียนอีกตึกนึง
แต่ด้วยนักเรียนที่มีมากเกินไปจึงทำให้ทางโรงเรียน
ต้องแยกให้มาเรียนที่ตึกนี้รวมกับรุ่นน้องๆด้วย....
นั่งทำหน้าจ๋อยๆอยู่ในห้องเรียนเพราะนู๋นุยได้ไปเรียน
อีกตึกนึงเพราะผลการเรียนดีกว่าขจรแต่ก็ยังดีที่
ตึกเรียนของขจรอยู่ใกล้ๆโรงอาหารที่นู๋นุยชอบมาทาน
ยังไงก็คงได้เจอนู๋นุยทุกพักกลางวัน
คงไม่ห่างเหินกันมากนัก
เหม่อลอยจนอาจารย์ประจำชั้นเรียกตอบคำถาม
ได้แต่หัวเราะแห่ะๆเพราะตอบไม่ได้
เลยโดนเทศนาอยู่นาน
แล้วอาจารย์คนดีก็จับขจรย้ายที่ไปนั่งกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึง
เพราะจะได้ช่วยเตือนขจรให้สนใจและตั้งใจเรียนมากขึ้น.....
ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยนั่งโต๊ะเดียวกับผู้หญิงมาก่อน
จะวางมือวางไม้ตรงไหนก็กลัวจะไปถูกคนที่นั่งข้างๆ
เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ขจรไม่กล้าหลับในห้องเรียนไปอีกพักใหญ่ๆ
พลอยใส....เป็นผู้หญิงน่ารัก
ตัวเล็กๆ ผิวสีน้ำผึ้ง ตากลมโต
พลอยใสเป็นคนเรียนหนังสือเก่งขยันขันแข็ง
(ผิดกับขจรซึ่งขี้เกียจมาก)
จนได้รับเลือกจากอาจารย์และเพื่อนๆให้เป็นรองหัวหน้าชั้น
พลอยใสจะมาโรงเรียนเช้ากว่าใครๆ
เพื่อมาคอยเตือน
ให้ขจรทำการบ้าน
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นให้ขจรการลอกการบ้านซะมากกว่า
(แก้ตัวจนน้ำขุ่นๆกลายเป็นดำปี๋
ก็มันทำไม่ทันนิ)
ถึงพลอยใสจะเป็นคนเรียนเก่ง
แต่พลอยใสก็พูดเก่งพอๆกันด้วย
ทำให้หลังๆเราสองคนก็สนิทสนมกันมากขึ้นทุกวันๆ
จนขจรเริ่มรู้สึกแปลกๆเพราะพลอยใสดีกับขจรมาก
เป็นห่วงเป็นใย
มากจน...เกินว่าคำว่าเพื่อน
ต่อ
หน้าสอง |