01      02      03      04      05      06      07      08       09       10       11       12       13       14       15       16      17
Peebee

คู่รสตำรับรัก

ตอนที่ 2

ผมนั่งหาวหวอดๆอยู่ตรงที่พักขาเข้าที่สนามบิน ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว ผมยังไม่เจอกับเจ้าเด็กลูกชายลุงชัยเลย ที่จริงผมทำป้ายชื่อไปยืนถืออยู่ตรงทางออก ยืนถืออยู่ตั้งนานสองนานแต่ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามาทักผม ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนเที่ยวบินแล้วไม่ได้บอกเรานะ……
ในที่สุดผมก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ ในใจก็นึกเสียดายค่าจอดรถที่ต้องเสียให้กับทางสนามบิน ก็มันใช่ถูกๆเสียเมื่อไหร่ละ
((เฮ้ คุณอยู่คนเดียวเหรอ กำลังมองหาใครหรือเปล่า)) เสียงทักดังมาจากข้างหลัง ผมรีบหันไปดูก็เห็นฝรั่งผมสีทองตาสีฟ้าคนนึงยืนมองผมอยู่ เป็นฝรั่งที่ผมเห็นเดินออกมาจากเที่ยวบินเมื่อกี้กับเพื่อนเขาอีกคนหนึ่ง ที่จำได้เพราะทั่งคู่หน้าตาดีทีเดียว ผมยิ้มให้เขาแล้วก็พูดว่า ((ผมกำลังมองหาคนรู้จักอยู่ครับ))
ฝรั่งคนนั้นคงเห็นผมพูดภาษาอังกฤษกับเขาได้ก็เลยลงมานั่งข้างๆ ท่าทางอยากจะพูดอะไรอีก ผมเลยเป็นฝ่ายคุยก่อน
(( คุณมาเมืองไทยครั้งแรกหรือครับ)) ผมยิ้มให้เขา
((ครับ ครั้งแรก แต่ผมมีเพื่อนเป็นคนไทยนะครับ )) เขาตอบผม "พ้มพอพูดไทยได้นิดหน่อย…." เขาพูดภาษาไทยสำเนียงตลกๆออกมา จนผมอดขำไม่ได้
"คุณชื่ออาไรคร้าบ พ้มชื่อ บิลลี่"
"พร้อมพงศ์ครับ" ผมยิ้มกับความเป็นคนช่างคุยของบิลลี่ แต่ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรต่อก็ได้ยินเสียงบิลลี่ตะโกนเรียกใครสักคน ((เฮ้ ซันนี่ เราอยู่ตรงนี้มานี่เลย)) พอหันไปมองก็เห็นเป็นเพื่อนผมดำของบิลลี่ที่ลงเครื่องบินด้วยกันเดินมา
((ไอ้บ้าบิลลี่….ชั้นหาแกตั้งนานที่ไหนได้แกมานั่งจีบผู้ชายอยู่ตรงนี้เรอะ))
ผมพอจะแปลคำพูดที่เพื่อนของบิลลี่พูดออกมาได้อย่างนี้ ก็เลยไม่ค่อยถูกชะตากับเพื่อนบิลลี่คนนี้เท่าไหร่ แค่เข้ามาคุยทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย
"ม่ายเอาน่า ซันนี่ นี่คุณพร้อมพง…เพิ่งรู้จากกานเมื่อกี้นี้"
"พร้อมพงศ์…." เจ้าเพื่อนของบิลลี่หันมามองหน้าผม เพื่อนบิลลี่คนนี้พูดไทยชัดทีเดียว
"พี่พงศ์ ลูกคุณลุงปวินท์หรือเปล่า"
"หา…หรือว่านายคือลูกลุงชัย…."ผมอุทานอย่างตกใจ จะไม่ให้ตกใจได้ไงละครับ เจ้าเด็กเลือกกินที่ยายผมสบประมาทไว้ว่าเป็นเด็กแคระ ตอนนี้โตสูงเกือบร้อยแปดสิบแล้ว
"อ้าว…คุณพร้อมพงคือคนที่จามารับเจ้าซันนี่หรือคาบ" บิลลี่ถามน้ำเสียงดีใจมาก "พ้มนั่งรออยู่แถวนี้ต้างนานแล้ว…ม่ายรู้ว่าเป็นคุณ"
"ก็ตอนออกมาผมชูป้ายออกหรา ไม่เห็นเดินมาหาผมเลย" ผมพูดแบบหงุดหงิดนิดๆ มองหน้าเจ้าของชื่อตรงๆ
"ก็ทีแรกผมไม่นึกว่าเป็นผมนี่ครับ ผมชื่อ "จิตรรถ" ไม่ใช่ "จิตรส" เขียนแบบนั้นผมก็นึกว่าชื่อผู้หญิงเลยไม่เข้าไปทัก นี่ถ้าเขียนถูกแต่แรกก็ไม่มีปัญหาแล้ว" เจ้าเด็กนั่นย้อนผมมา
อะไรฟะ เจ้าเด็กนี่ไม่ถูกชะตากับมันจริงๆ มันเป็นความผิดของผมทั้งหมดหรือไงที่ต้องมานั่งทนรอแบบนี้ ง่วงก็ง่วง ละครก็ไม่ได้ดู เคยเห็นแต่คนโมโหหิว แต่คนโมโหง่วงนี่อีกเดี๋ยวได้เจอแน่
"ก็นายนั่นแหละ นึกจะมาก็มา ชั้นไม่ใช่พ่อนายนี่จะได้รู้ว่าสะกดยังไง นี่ชั้นง่วงจะตายยังต้องมาทนนายบ่นอีกเหรอ แล้วไหนบอกจะมาคนเดียว แล้วนายบิลลี่นี่ล่ะ" ผมใส่เป็นชุดจนฟังไม่ทัน แต่สงสัยบิลลี่คงจะได้ยินที่ผมเรียกชื่อเขาก็เลยพูดออกมา
"พ้มขอมาพร้อมกับซันนี่มันเองนาคับ ได้ข่าวว่าเมืองทายสวยเลยอยากมาเหนสักคร้าง พ้มดีจายมากเลยที่คุณพร้อมพงคือโคนที่มารับเรา" บิลลี่พูดพร้อมกับเข้ามาโอบไหล่ผม ความช่างคุยของบิลลี่ก็ทำให้อารมณ์ผมเย็นลงไปได้เยอะ
"ผมก็กะจะบอกลุงปวินท์ก่อนเหมือนกัน แต่ไม่มีเวลา เห็นลุงบอกว่ามีห้องว่างบ้านกว้างขวาง ผมก็เลยพาบิลลี่มาเที่ยวด้วย ขอโทษนะครับ"
ที่จริงแล้วไอ้คำว่ากว้างขวางคงจะพอพูดถึงบ้านผมได้ แต่สำหรับห้องว่างแยะนี่ผมเห็นว่าไม่ค่อยจริงเท่าไหร่ เพราะทุกห้องในบ้านต่างเต็มไปด้วยหนังสือของพ่อทั้งนั้น บางห้องกองสุมกันจมผมคิดว่าถ้าหยิบเล่มข้างล่างขึ้นมาอ่านก่อนหนังสือคงจะล้มทับผมตายแน่
"ไม่เป็นไรหรอก…เอ้าเอากระเป๋ามา แล้วก็กลับบ้านไปนอนดีกว่า…เอ่อ ซันนี่" ผมรู้สึกกระดากปากตอนเรียกชื่อนี้มาก
"เอ่อ เรียกว่า 'เก่ง' ก็ได้ครับ คือเพื่อนฝรั่งผมที่โน่นเขาออกเสียงไม่ค่อยได้ ออกทีไรเป็น 'เข่ง' ทุกที พอรู้ความหมายชื่อผมว่าแปลว่าพระอาทิตย์ก็เลยเรียกว่า ซันนี่ กันมาตลอด"
"เก้ง…ใช่หมายพ้มว่าพ้มออกถูกแล้วนา…แต่เจ้าเก้งมันบอกว่าม่ายช่ายอยู่น่านแหละ..ก็เลยเรียกมานว่า ซันนี่ ดีกว่า" บิลลี่บ่นออกมาให้ผมฟัง
ผมหัวเราะ "นี่บิลลี่ เก้งนะมันเป็นชื่อเรียกสัตว์ป่าสงวนของไทยต่างหากเล่า เก่ง….ไม่ใช่เก้งนะ" ผมออกเสียงให้ฟังอีกที
"สัตว์ป่าซาง่วนหมายถึงอาไร ซันนี่" บิลลี่หันไปถามเพื่อนซี้
((ก็หมายถึงสัตว์ใกล้สูญพันธุ์นะสิ)) ซันนี่หันไปตอบเจ้าเพื่อนตัวดีของเขา
ผมหัวเราะกับท่าทางทั้งสองคนขณะเดินนำไปที่รถ ระหว่างเดินก็ได้ยินเสียงบิลลี่ออกเสียง เก้ง-เข่ง- เค่ง ไปตลอดทาง

เมื่อกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว ผมมองเห็นไฟยังสว่างอยู่ แสดงว่าพ่อคงนั่งรอพวกเราอยู่เหมือนกัน พอผมขับรถเข้าไปจอดเรียบร้อย พ่อก็เดินออกมาหาพวกเรา เก่งแนะนำบิลลี่ให้รู้จักกับพ่อบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทที่โน่นเดินทางมาด้วยกัน
"โอ้ โฮ คุณพ่อของคุณพร้อมพงเปนโปรเพสเซอร์แล้วเหรอคับ ดูยังม่ายแก่เลยนะคับ หนุ่มกว่าพ่อพ้มอีก" บิลลี่พูดชมคุณพ่อทำเอาคุณพ่อยิ้มหน้าบาน
"ผมก็ต้องขอโทษคุณลุงด้วยครับ ที่อยู่ๆพาเจ้าบิลลี่มารบกวนอีกคนนึง" เก่งนั่งลงคุยกับคุณพ่อ
"โอ้ย…ไม่เป็นไรหรอก ดีเหมือนกันเก่งจะได้มีเพื่อนเที่ยวด้วยกัน บ้านลุงออกกว้างอยู่ตามสบายนะ" พ่อพูดพร้อมกับเอามือตบบ่าของเก่ง "เอ้า เจ้าพงศ์ ช่วยเอาของของสองคนนี่ขึ้นไปที่ห้องก่อนสิ ห้องที่เตรียมไว้น่ะ" แล้วพ่อก็หันไปหาบิลลี่กับเก่ง "พวกเธอจะนอนกันเลยก็ได้นะ เดินทางมากันเหนื่อยๆ ตามพงศ์มันขึ้นไปเลย"
"ขอบคุณค้าบ ทั่นโปรเพสเซอร์" บิลลี่พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมละขำกับคำที่เขาใช้เรียกพ่อผมจริงๆ
"เรียกคุณลุงก็ได้นะบิลลี่ เรียกเต็มยศอย่างนี้ลุงก็เขินเหมือนกันนะ" พ่อพูดพลางเงยหน้าขึ้นไปมองสีหน้างงของบิลลี่ คงไม่เข้าใจคำว่าเต็มยศหรอก
ผมเดินไปหยิบกระเป๋าใบใหญ่ที่วางไว้มุมห้องขึ้นมา น้ำหนักค่อนข้างมากที่เดียว ผมเลยต้องกึ่งยกกึ่งลาก แต่พอบิลลี่เหลือบมองเห็นเข้าก็วิ่งเข้ามา
"คุณพร้อมพงศ์ม่ายต้องหยิบหรอกค้าบ กระเป๋ามานหนัก เดี๋ยวพ้มกับซันนี่จะยกกานขึ้นไปเอง คุณพงศ์เดินนำไปก็พอ" พอจบบิลลี่ก็ยกกระเป๋าใบนั้นขึ้นมายังกับว่ามันเบาๆ เด็กฝรั่งตัวใหญ่แข็งแรงก็อย่างนี้แหละ เทียบกันแล้วผมกลายเป็นคนบอบบางไปเลย
ผมพาเก่งกับบิลลี่ไปที่ห้องที่จัดไว้ ห้องนี้ค่อนข้างเล็กในห้องมีเตียงเดี่ยว ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเก้าอี้แล้วก็พัดลมอีกหนึ่งตัว พ่อผมเข้าใจว่าเก่งจะมาคนเดียวเลยให้ส้มแป้นจัดห้องนี้ให้ แต่นี่เพิ่มบิลลี่มาอีกคนผมก็คิดไม่ออกว่าจะให้บิลลี่นอนที่ไหน สงสัยอาจจะต้องนอนพื้นเพราะถ้าจะให้ย้ายห้องไปห้องที่กว้างกว่าก็คงไม่ไหว เพราะห้องอื่นๆในบ้านเต็มไปด้วยหนังสือของพ่อสุมกันจนเข้าแทบไม่ได้
"เอาผ้าห่มมาปูรองนอนก่อนไหม เดี๋ยวพี่เอามาให้" ผมบอกกับบิลลี่
"ม่ายต้องคาบ ผมเอาทุ้งนอนมาด้วย" พูดจบบิลลี่ก็เปิดกระเป๋าเดินทางใบโตของเขาออก ควานหาโน่นหานี่อยู่สักพัก แล้วก็หยิบถุงนอนสีม่วงแปร๊ดออกมา "ที่จริงพ้มเตรียมมาโหมดเลยนะค้าบ ท้างถุงนอน ไฟฉาย อุปกรณ์เดินป่า หม้อซานาม….." บิลลี่สาธยายรายการที่เขาเอามาให้ผมฟัง จนผมคิดว่ามันเข้าใจว่าเมืองไทยเป็นป่าเป็นเขาหรือไงฟะ เตรียมมาตั้งขนาดนี้ มิน่ากระเป๋าถึงได้โคตรหนัก
"ดีแล้ว….ห้องพี่อยู่ติดกันนี่นะ มีปัญหาอะไรก็เข้าไปหาได้" ผมพูดอย่างมีน้ำใจ ที่จริงตอนนี้ตาของผมชักจะติดกันอยู่แล้ว ผมยกมือขึ้นปิดปากหาว
"ราตรีสวัสดิ์แล้วกันนะ" ผมโบกมือให้พร้อมกับเดินไปที่ห้อง ทั้งบิลลี่และเก่งก็มองจนผมเดินเข้าห้องไป.
 
แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1