|
คู่รสตำรับรัก
ตอนที่ 9
เก่งโน้มตัวเข้ามาหาผมมากขึ้นโดยไม่ละสายตาจากหน้าผม....ใจผมเริ่มหวิวๆ
รู้สึกแปลกๆระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย...แต่ยังไงก็ไม่ได้...
"ดะ...เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน..."
ผมยกมือขึ้นดันหน้าอกของเก่ง...เก่งทำหน้าจะร้องไห้...
"พี่พงศ์รังเกียจผมจริงๆ...พี่พงศ์ไม่ได้รักผม"
เก่งโอดครวญออกมา ผมเองก็ทำหน้าไม่ถูก
"พี่...เอ่อ..พี่ไม่ได้รังเกียจแต่พี่..พี่...ยังทำใจไม่ได้..พี่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน"
ผมทำหน้าบอกไม่ถูก...
"ผมก็ไม่เคย..." เก่งตอบเสียงสะอื้น...
"แล้วเก่งรู้เหรอว่าต้องทำยังไง..."
เอาละสิ ผมแทบกัดลิ้นตัวเอง ปากพล่อยจริงๆ ที่จริงผมก็พอรู้หรอกว่าผู้ชายนะเขาเข้ากันทางไหน
แต่พอจะมีประสบการณ์จริงก็รู้สึกเหมือนกับเจอมนุษย์ต่างดาวตรงหน้า
"ไม่รู้...แต่บิลลี่บอกว่า..."
เก่งชะงักมองหน้าผม "กับผู้หญิงทำยังไงกับผู้ชายก็เหมือนกันแหละ
แค่จากประตูหน้าเป็นประตูหลังเท่านั้น" เก่งพูดต่ออายๆ...ผมได้แต่คิดในใจลมแทบจับ
ชิบหาย ไอ้เจ้าบิลลี่นี่แนะนำเพื่อนดีจริงๆ
"พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำประตูพี่ทั้งนั้นแหละ...."
ผมพูดโกรธๆ ในใจหวนนึกไปถึงเจ้าฝรั่งบ้ากามสตีเว่นนั่น
"ผะ ผม ผมไม่ได้ตั้งใจทำพี่พงศ์โกรธนะ"
น้ำตาที่ปริ่มขอบตาเก่งเริ่มไหลออกมา ถึงบิลลี่จะสั่งสอนมาว่าให้เอาพี่พงศ์มาเป็นของตัวเองก่อน
แต่เก่งก็ตัวเล็กกว่าพงศ์แถมยังกลัวว่าจะถูกพี่พงศ์เกลียดอีก...
"แล้วกับผู้หญิงเคยแล้วเรอะไง..."
ผมพูดถอนหายใจ เก่งยังเด็กขนาดนี้แค่อาจจะคบเพื่อนเป็นเกย์เลยหลงผิดได้ง่าย..
"ผมเคยมีอะไรกับผู้หญิงหกเจ็ดครั้งได้"
เก่งพยักหน้า..ผมแทบตกเตียง หา..!!เยอะกว่าผมอีก...ลืมไปว่าเด็กฝรั่งไม่ค่อยถือสาเรื่องมีเพศสัมพันธ์เท่าไหร่
แล้วบิลลี่ก็เคยบอกว่าเก่งมันเป็นดาวโรงเรียนคงมีผู้หญิงมาชอบแยะด้วย
ส่วนผมมันเป็นพวกหัวโบราณ ยายสั่งสอนมาก็แบบนี้แหละ...
"พี่ไม่ใช่ผู้หญิงนะเก่ง...พี่เป็นผู้ชายเหมือนเก่ง.
. . คงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากจะ....เอ่อ...." ผมพูดไม่ออก แค่นึกภาพก็ขนลุกแล้ว...
"กับพี่พงศ์ผมนะยังไงก็ได้...."
เก่งบอกไม่สะทกสะท้าน ผมสะอึกเอาเหมือนกัน...ท่าจะรักจริงหวังแต่งแฮะ...ยอมเป็นทั้งรับทั้งรุก
"พี่ไม่ได้....เอ่อ...โธ่เว้ย!"
ไม่อยากบอกว่ากับผู้หญิงผมเองยังเคยแค่ครั้งเดียว ตอนรุ่นพี่ที่มหาลัยพาไปยกครูที่อาบ
อบ นวด ที่เหลือส่วนมากช่วยตัวเองเอา แล้วกับผู้ชาย....
เก่งคงนึกว่าผมโมโห..เลยเงียบไปก่อนจะพูดเสียงสั่น
"พี่พงศ์ผม....ผมไม่พูดเรื่องนี้แล้วก็ได้....อย่าเกลียดผมนะครับ"
ผมถอนหายใจโล่งอก...
"พี่ไม่ได้เกลียดเก่ง..." ผมบอกเสียงเบา.."พี่ง่วงแล้วนะ...พี่จะไปนอนห้องพ่อแล้วกัน"
เก่งดึงมือผม
"นอนกับผมนี่แหละครับ...ผมไม่พูดเรื่องนั้นแล้ว....พี่อย่าไปเลยนะครับ"
พอเห็นหน้าเก่งผมก็ใจอ่อนพยักหน้า...
วันรุ่งขึ้นตอนผมลงมาด้านล่างก็เห็นบิลลี่กับน้าส้มแป้นคุยกันอยู่ในครัว
บิลลี่เป็นลูกมือช่วยทำอาหารอยู่ ธรรมดาเวลาผมอยู่บ้านยายผมจะเป็นคนทำอาหารทุกมื้อ
แต่ที่บ้านพ่อนี่น้าส้มแป้นจะเป็นคนทำ ตอนนี้ก็เกือบมื้อเที่ยงแล้วด้วย
ตื่นทีก็ตะวันโด่งแล้ว
"น้าส้มแผ่นจาให้ผมช่วยตำอะไรอีกไหมค้าบ..."
เสียงบิลลี่ถาม น้าส้มแป้นตอบเสียงสดใส
"จ้า...นายบิลลี่ เอากระเทียมพริกไทยรากผักชีนี่ไปตำนะ
ตำให้ละเอียดนะจ้ะ เดี๋ยวน้าจะทำไก่ทอดกระเทียม" น้าส้มแป้นส่งกระเทียมกับรากผักชีให้
ซึ่งเจ้าบิลลี่ก็รับไปตำทันทีไม่มีการแกะเปลือกหรือหั่นล้างรากผักชีก่อนเลย
ผมเห็นเข้าพอดีก็เลยทัก น้าส้มแป้นยืนหันหลังทำแกงอยู่ไม่ทันได้สังเกต
"บิลลี่!! ล้างหั่นก่อนสิ เปลือกกระเทียมเต็มไปหมด
แล้วนี่ผักชีเอาแต่ราก ไม่ต้องแถมใบใส่ไปด้วย" ผมชี้ให้บิลลี่ดูในครก
คนช่วยตำทำหน้าจ๋อย
"คือผมม่ายรู้นี่ค้าบ...คุณพงศ์มาก็ดี
ช่วยผมด้วยแล้วกัน"
"แหม ถ้าคุณพงศ์มา น้าส้มแป้นขอเป็นลูกมือดีกว่าคะ..."
น้าส้มแป้นพูดยิ้มๆ ผมได้แต่ส่ายหัว
"โธ่..มื้อนี้ไม่ไหวแล้วครับ เพิ่งตื่นเอง
หิวจะตายขอเป็นคนกินดีกว่า กินฝีมือน้าส้มแป้นกับบิลลี่นี่แหละ เดี๋ยวตอนบ่ายว่าจะไปมหาลัยอีก"
"เอ...แล้วเพื่อนบิลลี่อีกคนล่ะ"
น้าส้มแป้นถาม
"ยังนอนอยู่เลยครับ เมื่อคืนดื่มเหล้าหนักไปหน่อย"
ผมตอบตามความจริง บิลลี่มองผมแปลกๆ
"ต๊าย..เป็นเด็กเป็นเล็กหัดดื่มเหล้าซะแล้ว
นี่ถ้าเกิดคุณป้ารู้เข้าบ่นจนหูชาแน่" คุณป้าของน้าส้มแป้นก็คือคุณยายแหละครับ
เพียงแต่น้าส้มแป้นอายุแยะแล้วเลยเรียกป้าแทน
"เอ่อ...เจ้าซันนี่มานเมาจริงหรือคับ...ผมว่า...เอ่อ"
บิลลี่ถามแบบหยั่งเชิง...ผมชายตาไปมอง ฮึ่ม บิลลี่เจ้าเพื่อนตัวดีสั่งสอนกันดีนักนะ...นี่เรื่องเมื่อคืนคงเตี้ยมกันมาก่อนสิ
"เมาสิ...เมาเพราะเพื่อนตัวดีสั่งสอนผิดๆ..."
ผมมองบิลลี่ บิลลี่ได้แต่ยิ้มแหยๆ สงสัยเจ้าซันนี่เผยไต๋ไปหมดแล้ว..ไม่น่าเลย
รู้นิสัยมันดียังไปสอนมันอีก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเก่งทำไม่สำเร็จ...ฝ่ายน้าส้มแป้นฟังก็เข้าใจว่าบิลลี่ชวนเก่งกินเหล้า
"นายบิลลี่" น้าส้มแป้นตีแขนดังเพี้ยะเบาๆ
"ไปสอนเก่งเขากินเหล้าได้ไง...เป็นเด็กเป็นเล็ก"
"ใครไปส่างไปสอนมัน ธรรมดามานกินแยะกว่าผมอีก"...บิลลี่โอด
"ช่างมานเถอค้าบ ทำกับข้าวเถอะ"
ผมได้แต่ส่ายหัว
หลังจากนั้นนายบิลลี่ก็ขึ้นไปตามเก่งบนห้อง...เก่งเดินตามลงมาหงอยๆ
ฝ่ายบิลลี่ก็หน้าเจื่อนๆ ข้าวมื้อนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา พอกินเสร็จผมก็บอกบิลลี่กับเก่งว่า
"พี่จะไปมหาลัยนะ จะไปทำงาน thesisต่อ
จะติดรถไปข้างนอกด้วยไหมบิลลี่...เก่ง" ผมหันไปถาม
"เอ่อ วันนี้คงจะไม่ละครับ...ขอพักผ่อนกับบ้านสักวัน..."
บิลลี่ตอบแทนเก่งด้วย ดูหน้าก็รู้แล้วว่าคงไม่อยากออกไปไหน ผมยักไหล่
ปล่อยสองคนนี่คุยกันก็ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้เก่งกับบิลลี่ก็จะกลับแล้ว
ผมจึงเดินหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านขับรถออกไป จริงๆผมก็อยากจะนั่งคุยด้วยหรอก
แต่เรื่องเรียนก็สำคัญเหมือนกัน ยิ่งอยู่ปีสี่ด้วยแล้ว
((นายไม่เป็นไรแน่นะ ซันนี่)) บิลลี่ถามเก่งอย่างเป็นห่วง
เพราะเห็นเก่งนั่งซึมอย่างเดียว ((แล้วสรุปว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรใช่ไหม...))
บิลลี่ถาม เก่งส่ายหัวไม่ได้ตอบคำ แค่นี้ก็เข้าใจแล้ว
((นายนี่น้า...ชั้นอุตส่าห์ให้โอกาสแล้วแท้ๆ...แค่จับกดแค่นี้ก็ทำไม่ได้))
บิลลี่ถอนหายใจ คราวนี้เก่งฉุนขึ้นมา
((ชั้นไม่ใช่นายนี่หว่า...อยากได้ใครให้จับกดนะ
ไอ้บ้า...แล้วชั้นก็ตัวเล็กกว่าพี่พงศ์ด้วย...ใครจะรุกใครจะรับยังไม่รู้เลย!!))
เก่งเลือดขึ้นหน้าพูดเสียงดัง...แต่บิลลี่พอฟังกลับอมยิ้ม เกือบจะหลุดหัวเราะออกไปแล้วแต่พยายามเอามือปิดปากไว้
"ไม่ใช่เรื่องตลกนะบิลลี่!!"
เก่งหันมาพูดภาษาไทยแทน
((ก็ชั้นว่าพวกนายสองคนนะ ดูเหมือนขั้วเดียวกันยังไงก็ไม่รู้....ต่างฝ่ายต่างเคยจะถูกผู้ชายจับกด...ชั้นว่านายยกพี่พงศ์ให้ชั้นดีกว่า
อย่างน้อยชั้นก็ดูเป็นฝ่ายรุกมากกว่าแหละ)) บิลลี่พูดทีเล่นทีจริง
"ไม่เฟ้ย!! แล้วชั้นก็ไม่เปลี่ยนใจด้วย"
เก่งพูดเสียงดัง
((แต่พรุ่งนี้พวกเราจะกลับแล้วนะ แล้วอีกเมื่อไหร่ถึงจะได้เจอพี่พงศ์อีกก็ไม่รู้
ชั้นว่านายเปลี่ยนใจเถอะวะ)) คราวนี้บิลลี่พูดสีหน้าจริงจัง เก่งเองก็อึ้งเหมือนกัน
"ปีนี้ไม่ได้ ปีหน้าจะมาใหม่อีก"
เก่งไม่ยอมแพ้ บิลลี่ถึงกับอึ้งในลูกตื้อของเพื่อน จริงๆก็รู้หรอกว่าเก่งแอบชอบพงศ์มาตั้งแต่เด็ก
แต่พี่พงศ์นี่สิคิดแบบเดียวกันหรือเปล่า...
ยังไม่ทันตอบบิลลี่ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลี้ยวเข้ามาจอดในบ้าน
บิลลี่ชะโงกหน้าออกไปดู จะว่าเป็นพี่พงศ์ก็พึ่งออกไปเมื่อกี้หรือว่าลืมของ...
"อ้าว บิลลี่ เก่ง...วันนี้ไม่ได้ออกไปไหนหรือ"
เสียงทักทายดังขึ้นมา เก่งยกมือขึ้นไหว้
"ม่ายได้ปายไหนครับ ตื่นมาก้อมื้อเที่ยงแล้ว...แล้วคุณลุงเพิ่งกลับหรือคับ"
บิลลี่ตอบ
"อือ..วันนี้ไม่มีสอนช่วงบ่ายนะ กลับมาวันหน่อย
ว่าจะไปหาคุณแม่ ไปด้วยกันไหม ไปเยี่ยมคนเฒ่าคนแก่ เก่งไม่ได้เห็นหน้ายายของพงศ์มานานแล้วนี่"
ถึงแม้จะเป็นแม่ของภรรยาที่เสียไป แต่นายปวินท์ก็ยังนับถือเหมือนมารดาตัวเอง
"บ้านคุณยายน่ะบรรยากาศดีนะ อยู่ชายเมืองไม่ได้อยู่ในเมืองแบบบ้านเรา
ขับรถไปสักครึ่งค่อนชั่วโมงได้ พ่อมีเรื่องจะคุยกับยายด้วย"
ไหนๆ ผู้ใหญ่ชวนแล้วเก่งกับบิลลี่จึงตอบตกลง
บ้านของคุณยายบรรยากาศดีอย่างที่คุณพ่อบอก...บ้านไม้สองชั้น
ชั้นล่างเปิดโล่งตลอดลมโกรกเต็มที่ แทบไม่ต้องใช้พัดลมเลย ส่วนห้องนอนชั้นบนถึงติดมุ้งลวด
บิลลี่นั่งเล่นบนเก้าอี้โยก ส่วนเก่ง คุณพ่อ แล้วก็ยายนั่งคุยกันที่ชานนอกบ้านที่ต่อยื่นออกไปเป็นห้องครัว..
คุณยายปีนี้อายุแปดสิบเอ็ดแล้ว แต่ก็สุขภาพแข็งแรงเพราะระวังเรื่องอาหารการกินมาก
แต่ก็ขี้บ่นตามประสาคนแก่
"แล้วเจ้าพงศ์มันไม่มาด้วยเรอะไง..."
คุณยายถาม
"พงศ์มันไปมหาลัยนะครับ เทอมนี้ก็จบแล้ว...นี่ผมพาเก่งลูกเจ้าชัยชนะกับบิลลี่มาไหว้คุณแม่นะครับ"
"อือ..ไปดีมาดีนะลูกเอ๊ย.."
คุณยายให้ศีลให้พร "เห็นว่าอยู่เมืองนอกเมืองนานี่...มาเยี่ยมบ้านเหรอ"
"ก็มาเที่ยวนะครับ พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว
เพราะโรงเรียนจะเปิดเทอมนะครับ" เก่งตอบ "ส่วนพ้มตามเก่งมาเที่ยวเมืองทายนะคับ...เมืองทายซ้วยสวย"
บิลลี่ยิ้มให้ยาย ยายเองก็ชมบิลลี่ใหญ่ว่าพูดไทยเก่ง
"ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่หน่อยนะครับ....เรื่องเจ้าพงศ์นั่นแหละ
เพราะเห็นมันเรียนจะจบแล้ว"
เมื่อคืนผมกลับบ้านค่อนข้างดึกเพราะเร่งงานให้เสร็จ
ทีแรกผมกะจะไปมหาลัยสามวัน แต่ก็เร่งจนเสร็จภายในสองวันได้...ไหนๆพรุ่งนี้เก่งกับบิลลี่ก็จะกลับแล้วอยู่ด้วยกันก่อนก็ท่าจะดี
ที่จริงผมก็รู้สึกหวิวๆเหมือนกันที่จู่ๆก็จะจากกัน...ผมยังจำรสจูบของเก่งได้..แล้วก็ไม่ได้รังเกียจด้วย..หรือผมจะกลายเป็นพวกรักร่วมเพศไปแล้วจริงๆ...ผมส่ายหัวหนักๆ
"เอาน่า...แค่ถือเป็นความทรงจำ...."
ผมพูดกับตัวเอง ยังไงก็อาจจะไม่ได้เจอกันอีก ผมเองก็ประสบการณ์ชีวิตน้อย
อีกหน่อยอาจจะได้เจอผู้หญิงดีๆ ฝ่ายเก่งก็อาจจะได้เจอใครอื่นอีกเหมือนกัน
"พงศ์ นั่งเหม่ออยู่ได้ ไปช่วยน้องเขาขนกระเป๋าหน่อย"
เสียงพ่อเรียก ผมเข้าไปช่วยเก่งถือของ วันนี้เก่งดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเมื่อวาน
แต่ก็ยังเงียบอยู่ดี
พ่อบอกว่าจะไปส่งเก่งกับบิลลี่ที่สนามบินด้วย
ส่วนผมก็เป็นสารถีเช่นเคย...
"อย่าลืมโทรไปบอกพ่อด้วยนะเก่ง...มีใครไปรับที่สนามบินที่โน่นรึเปล่า"
พ่อถามอย่างเป็นห่วง
"ม่ายเป็นรายครับ คนขับรถที่บ้านพ้มมารับนาคับ...พ้มกับเก่งก็กลับด้วยกัน
ม่ายต้องเป็นห่วงหรอกค้าบ" บิลลี่บอก ผมแทบลืมไปว่าบ้านบิลลี่รวย
"เครื่องออกสามทุ่มใช่ไหม ไปถึงดอนเมืองก่อนสักสองชั่วโมงก็ดี
ไปเชคอินทำอะไรให้เรียบร้อย" พ่อหันมาบอกผม
"อ้อ พ่อมีของไปฝากเจ้าชัยชนะมันด้วย...ขนมไทยๆนี่ให้มัน
ส่วนผ้านี่ฝากให้แม่นะเก่ง" พ่อยื่นถุงของฝากให้เก่ง
ตอนนี้สัมภาระของเก่งกับของบิลลี่มากขึ้นกว่าเดิมแยะมาก
โดยเฉพาะบิลลี่ ซื้อโน่นซื้อนี่เต็มไปหมด บอกว่าถูกๆๆๆ ท่าทางจะน้ำหนักเกิน
ประมาณทุ่มหนึ่งผมกับพ่อมาส่งบิลลี่กับเก่งที่สนามบิน
หลังจากยื่นตั๋วเชคกระเป๋าเรียบร้อยก็ออกมายืนคุยกันที่ด้านนอก ที่นั่งแทบไม่ค่อยมี
คนเดินกันขวักไขว่เต็มไปหมด
"พ่อไปนั่งที่เก้าอี้ด้านโน้นนะ ยืนนานชักเมื่อยแล้ว...พวกเธอคุยกันไปก่อนก็ได้
มีเวลาเหลือ" พ่อดูนาฬิกาข้อมือก่อนที่จะเดินไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่
ผมมองหน้าเก่งก็เห็นว่าตาเริ่มแดงๆ
"ไม่เอาน่าเก่ง...ทำท่าจะร้องไห้อีกแล้วเนี่ย...ไว้มาเที่ยวครั้งหลังอีกก็ได้"
ผมบอกเก่ง เก่งโผเข้ามากอดผม
"พี่พงศ์...อย่าลืมผมนะ"
"พี่ไม่ลืมหรอกน่า...สัญญา"
ผมตอบเก่งไป จริงๆก็ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะได้มาเจอกันอีก
เก่งเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าผม...
"พี่พงศ์ ผมก็สัญญา...ภายในเวลาหกเดือนผมจะพยายามทำตัวเองให้เป็นผู้ชายที่ดีสำหรับพี่พงศ์ให้ได้"
เอ๋ ฟังดูทะแม่งๆแฮะ ทำไมต้องหกเดือนด้วย...หรือว่าเก่งจะมาหาผมอีก...ขณะที่ผมจะถามบิลลี่ก็เรียกเก่ง
((ซันนี่...ใกล้จะได้เวลาแล้ว เข้าไปนั่งรอด้านในดีกว่า...))
เก่งหันไปตอบบิลลี่ก่อนจะหันมาหอมแก้มผมแล้ววิ่งไปหาบิลลี่ ผมกับพ่อยืนมองเก่งกับบิลลี่เดินจนลับสายตาเข้าไปด้านใน
"คิดถึงน้องเขาหรือเปล่า พงศ์"
พ่อถามขณะที่ผมขับรถกลับบ้าน
"ก็มีบ้างแหละครับ...น้องเขาก็น่ารักดี"
ผมตอบ
"ได้ยินอย่างนี้ก็สบายใจ พ่อมีข่าวดีจะบอกแกด้วย"
พ่อหันมาบอกผมยิ้มๆ
"ข่าวดีอะไรเหรอฮะ"
"แกเรียนจบเมื่อไหร่พ่อจะให้แกไปเรียนต่อที่โน่น
ไปอยู่บ้านเจ้าชัยชนะมันแหละ ไปเรียนภาษาก่อนสักครึ่งปีก่อนสอบไอเอลแล้วเข้ามหาลัยที่โน่นเลย"
พ่อบอก
"หา!!" ผมอุทานแทบจะขับรถออกนอกเลนไป
พ่อปรามผมให้ขับรถมองทางหน่อย
"เมื่อวานพ่อเพิ่งไปคุยกับยายมา...ยายบอกว่าเพื่ออนาคตหลานชายแกอนุญาต.."
"แล้วเก่งรู้เรื่องนี้รึเปล่าล่ะ
พ่อ...."
"รู้สิ ก็เมื่อวานพ่อพาเก่งกับบิลลี่ไปบ้านยายมาด้วย...."
มิน่า เก่งถึงบอกว่าหกเดือน กว่าเขาจะเรียนจบแล้วก็เตรียมตัวไปต่างประเทศ
ร่ำลาเพื่อนก็คงจะประมาณนั้นได้......อยู่ด้วยกันแค่สามอาทิตย์เขาเองก็เกือบเขว
นี่ถ้าต้องอยู่ด้วยกันอีกเป็นปีมีหวัง....
"ผมสัญญา...ภายในเวลาหกเดือนผมจะพยายามทำตัวเองให้เป็นผู้ชายที่ดีสำหรับพี่พงศ์ให้ได้"
ผมนึกถึงประโยคนั้นขึ้นมา.....ฟังดูเหมือนเขาต้องเตรียมตัวเป็นฝ่ายรับยังไงก็ไม่รู้....
ผมขนลุกตลอดทางขับรถกลับบ้าน
จบภาคหนึ่งคะ....ส่วนภาคสองคงจะเขียนต่ออาทิตย์หน้า
คู่รสตำรับรัก ในมุมมองของบิลลี่....
|
|
|