Ugly duckling
bishonen
- 1 -
แด่...ลูกเป็ดขี้เหร่ทั้งหลายแห่งศตวรรษที่
21
ตอนเด็กๆ... ผมมักถูกผู้ใหญ่มองข้ามอยู่เสมอเพราะความที่ไม่เก่ง
ไม่ฉลาด ไม่น่ารัก บางครั้งก็ถูกเปรียบเทียบกับ "มิยาบิ"
เด็กที่อยู่ข้างบ้าน
"แข่งเปียโนได้ที่ 1 ระดับประเทศเหรอคะ อุ๊ยตาย... ยินดีด้วยค่ะ
เก่งจังเลย ยูคุง หัดเอาอย่างมิยาบิบ้างสิลูก"
มิยาบิ... เด็กผู้ชายลูกครึ่งอเมริกัน ผิวสีแทน ตัวสูง ใบหน้าสวยราวกับเทวดาไม่ก็น้องสาว
" ยุกิโกะ"
"ยุกิโกะจังน่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยนะคะ อยากมีลูกสาวแบบนี้บ้างจัง
รักตายเลย" ยุกิโกะ... เด็กผู้หญิงผิวขาวราวกับหิมะ ตัวเล็ก
ตากลมโต เด็กผู้หญิงที่มีแต่คนทักว่า "หน้าไม่เหมือนพี่ชายเลยเนอะ"
พูดจาฉะฉาน เรียนเก่ง ทุกคนพากันรุมเอาใจเพียงเพราะรอยยิ้มหวานๆ
บนใบหน้านั่น
แล้วตัวเราล่ะ....?
พิธีจบการศึกษาใกล้เข้ามาแล้ว... ฤดูใบไม้ผลิครั้งที่
17 ของผม
"ยูจัง....!" เสียงเจื้อยแจ้วของน้องสาวตัวแสบ หลังจากเปิดประตูผลัวะเข้ามาอย่างแรง
ทำเอาผมสะดุ้งตื่นเพราะนึกว่าบ้านพัง
"นี่แน่ะ" ไม่ส่งเสียงดังเปล่า ดันขึ้นมากระโดดเหยงๆ บนเตียงด้วยสิเนี่ย
"จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงเมื่อไหร่ยะ... 6 โมงครึ่งแล้วนะ
วันนี้สอบวันสุดท้ายด้วย"
ผมดึงผ้าปิดตาออก พลางยกนาฬิกาปลุกขึ้นมาดู ...6 โมงครึ่งอะไร เพิ่งจะตี
4 ชัดๆ แล้วก็ล้มตัวลงซุกหมอนท่าเดิม ยุกิโกะยืนเท้าเอวหน้ามุ่ยใส่ผมอยู่บนเตียง
"เออ! แล้วอย่ามาโทษว่าไม่ปลุกก็แล้วกันนะ เจ้าพี่ขี้เซา"
พูดจบก็กระโดดลงเดินสะบัดก้นออกจากห้องไป อืม... ว่าไงนะ 6 โมงครึ่งเหรอ...
ไม่จริง
ผมทะลึ่งพรวดขึ้นมา ตายล่ะ... มีเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ปกติผมจะตื่นประมาณตี 5 ได้ ออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งสูดอากาศบริสุทธิ์ซักครึ่งชั่วโมง
กลับมาดื่มน้ำส้มสดที่แช่ในตู้เย็น โกนหนวดให้เกลี้ยงเกลา อาบน้ำแต่งต่งตัวให้เนี้ยบ
และที่ลืมไม่ได้เด็ดๆ ก็คือ... โบ๊ะสารพัดครีมลงบนผิว... ใบหน้า
คอ แขน และมือ ครีมที่ใช้ก็เริ่มจาก เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ ก็ทาครีมปรับผิวหน้า
มอยส์เจอไรเซอร์ ครีม (โค-ต-ร) บำรุงสารพัดวิตามิน ครีมควบคุมความมัน
ครีมทารอบดวงตา โลชั่นสำหรับมือเและเล็บ และตบท้ายด้วยครีมกันแดด
ก่อนที่จะทาแป้งฝุ่นบางๆ ลงบนหน้าอีกที ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ผมบอกได้เต็มปากเต็มคำว่าเพื่อ...
"ความงาม" ว่าแต่ผมมามัวบรรยายทำไมกันล่ะเนี่ย... ต้องรีบไปแต่งตัวแล้ว
แย่ล่ะ... เมื่อคืนดูหนังสือดึกไปหน่อย ขอบตาเลยคล้ำ แถมนอนผิดเวลา
ดูตาบวมๆ เหลือชั้นเดียวอีกต่างหาก หน้าก็ซีดๆ โธ่ถัง... ก็นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมดันตายสนิทซะอย่างนี้
ผมเลยเกือบจะตายไปด้วย
"ยูจัง... เสร็จยัง?" โอ๊ย... รีบจะแย่อยู่แล้ว ยังจะมาเร่งอีก
ผมแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมแตะน้ำหอมที่ปกเสื้อ จากนั้นก็คว้าหนังสือ...
ไม่ใช่สิ... ยังไม่เสร็จ หวีผม... วันนี้คงเซ็ตไม่ได้ เอาเป็นว่าเอาเจลโปะไปก่อนแล้วกัน
อา... เช้าที่เร่งรีบเช่นนี้ทำให้ความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุของผิวหนังหย่อนยานและยับย่นเข้ามาเยือนได้ง่าย
ยิ้มไว้... ยิ้มไว้... เดี๋ยวสาวๆ ที่รุมกันกรี๊ดผมที่โรงเรียนจะเฉากันไปด้วย
สูดหายใจลึกๆ.... นั่นแหละ
"ไอ้ยูจัง... ถ้าออกตอนนี้ยังทันรถรอบ 7 โมงครึ่งนะ" แย่ล่ะ
ผมคงต้องไปซะแล้ว
ผมรีบวิ่งลงข้างล่าง ดื่มนมจนหมดแก้ว แล้วหิ้วข้าวกล่องที่แม่ทำมาให้ด้วย
ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องๆ สาวๆ ที่โรงเรียนผมเตรียมไว้ให้ทุกวัน (เออ...
ระวังไม่มีกินซักวัน) จากนั้นเราสองคน... ยุกิโกะกับผมก็รีบวิ่งออกจากบ้านกันอย่างสุดชีวิต
"เฮ้อ... เกือบไม่ทันซะแล้ว"
ยุกิโกะถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังจากที่เราขึ้นรถไฟได้อย่างฉิวเฉียด
"ขอโทษจริงๆ นาฬิกามันตายอ่ะ" ผมรับผิดเสียงอ่อยๆ
"ช่างเหอะ ฉันไม่ถือหรอกเพราะยังทัน วันหลังก็หัดลดกิจวัตรประจำวันลงซะบ้างเถอะ"
ผมชักฉุนขึ้นมานิดๆ... ไอ้ "กิจวัตรประจำวัน" ที่ว่าน่ะ
หมายถึงความงามหน้ากระจกของผมนี่เอง
"แต่วันนี้ก็ลดลงไปตั้งเยอะแล้วนะ วิ่งก็ไม่ได้ออกไปวิ่ง น้ำส้มที่คั้นไว้เมื่อคืนก็ไม่ได้ดื่ม
อ้อ... นี่ไง ไม่ได้ใส่คอนแทคต์เลนส์ แต่หยิบแว่นมาแทน" ผมหยิบแว่นในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาสวม
ยุกิโกะเบ้หน้า "ขอบใจย่ะ" เธอทำเสียงประชด "พี่น่ะ
ไร้สาระสิ้นดี ทำตัวยังกะผู้หญิง ขนาดฉันเป็นผู้หญิงทั้งแท่ง (?)
ยังไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย ถามจริงเหอะ พี่เป็นกระเทยรึเปล่า"
"จะบ้าเหรอ กระทงกระเทยที่ไหนกัน ฉันน่ะผู้ชายทั้งแท่งเฟ้ย"
ผมแกล้งงอนถอยห่างออกมาจากน้องสาวที่ยืนทำหน้าทะเล้นล้อเลียนผมอยู่
รถที่โดยสารอยู่คนแน่นมากจริงๆ ชายคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ผมเข้ามาเบียดแทรกระหว่างเราสองคนขณะที่ผมถอยออกมา
ยุกิโกะทำตาละห้อยเพราะกลัวจะพลัดกับผม เห็นหน้าเฉาๆ อย่างนั้นแล้วอดสะใจขึ้นมานิดๆ
ไม่ได้ ทว่า... ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปรึเปล่า เหมือนมีฝ่ามือใหญ่ๆ
มาลูบๆ แถว... สะโพก!
จนกระทั่งถึงสถานีต่อมา ผู้คนทยอยลงจากรถ ผมกับน้องสาวยังไม่ลงเพราะยังไม่ถึง
สถานีนี้คนลงเยอะจนรถโล่ง แต่ว่า... ไอ้มือที่ยังลูบๆ คลำๆ อยู่นี่สิ
ผมหันขวับไปทำตาเขียวใส่เจ้าของมือ เป็นชายวัยกลางคนมาดนักธุรกิจ
หนอย... ตาเฒ่าหัวงูนี่ยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ผมถอยห่างออกมาก้าวหนึ่ง
ชายคนนั้นก็ยังตามมาประชิดอีก ไม่มียางอายเลยหรือไง
"นี่คุณ" ผมมีน้ำโห ให้สัตว์เลื้อยคลานเขาไปเลี้ยงหลายตัวทีเดียว
คนในรถสามัคคีกันมองมาทางผมเป็นจุดเดียว ผมทั้งโกรธทั้งอาย แต่ความโกรธมันมากกว่าความอายหลายเท่านัก
"ฮ่าๆๆๆ" ยุกิโกะหัวเราะอย่างสะใจเมื่อลงจากรถ
"ผู้หญิงเขาไม่หัวเราะน่าเกลียดขนาดนั้นกันหรอกนะ" ผมแขวะอย่างหมั่นไส้
"โอย...ปวดท้องไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆ" แน่ะ... ยังไม่ยอมหยุดอีก
"ก็มีอย่างที่ไหน ระหว่างเด็กสาวเอ๊าะๆ อึ๋มๆ สวย น่ารัก และเซ็กซี่อย่างฉัน
กับเด็กนักเรียนชายหน้าตาธรรมด๊า ธรรมดาอย่างพี่... ตาหัวงูนั่นกลับเลือกลวนลามเด็กผู้ชาย
ฮ่าๆๆๆ" หึย... พูดอะไรน่าขนลุก
"เธอมันไม่มีเสน่ห์เองนะ" ผมกัดทันที
"จ้า... คราวนี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละนะ ฮ่าๆๆ ที่ยอมไม่มีเสน่ห์"
ว่าพลางเช็ดน้ำตา ...ยัยนี่... น้องสาวผมแน่เหรอ
"นี่แหละ จำไว้ ทำตัวงามเกินหน้าเกินตาผู้หญิง ฮ่าๆๆๆ"
ผมไม่พูดอะไรต่อ เออ... อยากหัวเราะก็หัวเราะไป เพราะนิสัยอย่างนี้น่ะสิ
ผู้ชายที่มาจีบถึงได้เผ่นอ้าวกันหมด
- 2 -
วันสอบวันสุดท้าย... ทำไมถึงรู้สึกเหงาๆ
อย่างนี้ก็ไม่รู้
"รุ่นพี่ยามากุจิไม่อยู่แล้วพวกเราจะกรี๊ดใครล่ะคะ"
"ปีหน้าพวกเราจะตามไปมหาลัย T รุ่นพี่รอด้วยนะคะ"
"รุ่นพี่ยามากุจิ... อย่าไปเลย อยู่เล่นบาสให้โรงเรียนต่อเถอะนะคะ"
"ใช่ๆๆ แข่งระดับจังหวัดคราวหน้าเราจะได้ไปเชียร์อีกไง"
"รุ่นพี่ครับ... ไปแล้วอย่าหวั่นไหวสาวๆ มหาลัยนะครับ... แล้วผมจะตามไป"
อูย... อันนี้นึกขึ้นมาทีไรขนลุกซู่ทุกที
เสียงร้องไห้ระงมทันทีที่ผมออกจากห้องสอบ กว่าจะแยกตัวออกมาได้เล่นเอาเหนื่อย
ตอนแรกก็ว่าจะไปลารุ่นน้องที่ชมรม ก็ดันมีพวกที่ตามมาดักรอหน้าโรงยิมส่งเสียงเอะอะ
แถมเอาป้ายผ้าที่มีชื่อผมตัวเบ่อเริ่มมากางอีก... น่าอายจะตายไป
(ถ้าเป็นตอนที่เชียร์บาสก็ว่าไปอย่าง) รุ่นน้องในชมรมหลายคนทำหน้าลำบากใจ
ผมเลยส่งข้อความทางมือถือไปว่าวันนี้เหนื่อยขอกลับไปนอนที่บ้านโดยไม่เข้าชมรม
จะว่าไปก็เหนื่อยจริงๆ แหละครับ เพราะผมมันเป็นพวกพยายามสุดความสามารถ
จนบางครั้งก็เกินกำลังเวลาสอบ ไหนจะเรื่องวางตัว (ก็เก๊กนั่นแหละ)
ต่อหน้าสาธารณชนในโรงเรียนอีก เฮ้อ... เป็นไอดอลของโรงเรียนก็ลำบากอย่างนี้แหละครับ...
อันที่จริงเมื่อก่อนเยอะกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่หลังจากยุกิโกะตามสอบเข้ามาน่ะสิ
บรรดาแฟนคลับของผมสลายโต๋ยไปเกือบครึ่ง ทำไมน่ะเหรอครับ? ก็ยัยนั่นน่ะ
ชอบมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เจอกันไม่ได้ต้องเรียก "ยูจัง...
ยูจัง..." เสียงดังลั่นจนทุกคนหันมามอง แล้วเข้ามาเกาะแขนเกาะขากันท่า
แถมยังประกาศก้องอีกว่าผมมีเจ้าของแล้ว พวกที่ไม่รู้ว่าเราเป็นพี่น้องกันก็บายกันหมด
กว่าจะเรียกคืนมาได้ต้องทำคะแนนแทบแย่ ตอนมีผู้หญิงเข้ามาจีบ แม่นั่นก็กีดกันทุกวิถีทาง
ผมจะไปเดทกับใครก็มีอันต้องสะกดรอยตามทุกที แล้วสุดท้ายก็จบลงที่ไปทำเรื่องวุ่นๆ
จนต้องเลิกกันจนได้ ร้ายจริงๆ นะครับ น้องใครก็ไม่รู้ ที่ร้ายกว่านั้นยัยนั่นดันไปปล่อยข่าวลือว่าท้องกับผม
จนเรื่องถึงหูอาจารย์ต้องจับตรวจปัสสาวะกันให้วุ่น อยู่ดีๆ ประวัติผมเกือบจะด่างพร้อยไปเพราะปากพล่อยๆ
ของยัยนั่นซะแล้ว ไม่ใช่แค่นี้นะครับ ที่ร้ายที่สุดอย่างไม่น่าให้อภัยเห็นจะเป็นเรื่องที่เอารูปตอนเด็กๆ
ของผมมาแปะหราที่บอร์ดแล้วตั้งคำถามชิงรางวัล อีก 2 อาทิตย์ต่อมาเขียนคำเฉลยตัวเท่าหม้อแกง
โชคดีที่สาวๆ หลายคนยังเข้าใจ ไม่คิดถึงอดีต บางคนก็ไม่เชื่อว่าเป็นรูปผม
ก็แหงล่ะ ตัวผมในอดีตกับปัจจุบันต่างกันราวฟ้ากับเหว
ตอนเด็กๆ ผมทั้งอ้วน ทั้งเตี้ย ถูกแม่จับตัดผมทรงกะลาครอบ คิ้วหนาเตอะยังกับชินจัง
ไหนจะสายตาสั้นมากๆ จนต้องใส่แว่นกรอบหนาๆ ทรมานดั้งจมูกอันน้อยนิด
ที่หุ่นสูงชะลูดตูดปอด (ทะแม่งๆ แฮะ) ได้อย่างทุกวันนี้ก็เป็นเพราะบาสเก็ตบอล
แรกๆ เล่นเพราะอยากสูง และลดความอ้วนเท่านั้น ไม่คิดว่าจะทำให้ผมได้เป็นคนดังของโรงเรียนจนมาถึงทุกวันนี้
ฮึๆ... จะว่าไปผมก็ไม่ได้เล่นเก่งกาจอะไรมากมายหรอกครับ แต่เพราะหน้าหล่อคนเลยมาเชียร์กันตรึม
จริงๆ ผมนี่แหละตัวทำทีมล่มเลยก็ว่าได้ ฮ่าๆๆ นอกจากนี้สาเหตุที่เลือกเล่นบาสเพราะว่าเป็นกีฬาที่เล่นในโรงยิม
ผิวไม่ดำด้วยครับ (แน่นอนว่าถ้ามีนัดไหนแข่งกลางแจ้ง ผมจะถอนตัวทันทีทั้งที่ได้เป็นตัวจริง)
ตอน ป.5-ป.6 สิวขึ้นเต็มหน้า ผมแทบมุดแผ่นดินหนี ไม่ยอมไปเรียนเพียงเพราะสิวเม็ดเล็กๆ
(ที่เกรอะเต็มสองแก้ม) ดังนั้นหลังจากสอบเข้าโรงเรียนมัธยมได้แล้ว
ผมจึงเริ่มพัฒนา "ความงาม" ของตัวเองซะที กระทั่งทุกวันนี้
"ผมได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว"
จริงสิ พอพูดถึงตอนม.ต้น ผมนึกเหตุการณ์นึงขึ้นมาได้ วันที่ผมวิ่งกลับบ้านอย่างลิงโลดหลังพิธีจบการศึกษาชั้นประถม
ทว่าพอกลับมาถึง กลับเห็นยุกิโกะนั่งร้องไห้อยู่
"ยูจัง" ยุกิโกะโผเข้ามากอด "ยูจังก็จะไปอีกคนแล้วใช่มั้ย...
จะทิ้งยุกิโกะไปอีกคนใช่มั้ย"
"เป็นอะไรไปน่ะ" ผมรู้สึกแปลกๆ เพราะยัยนี่ไม่เคยมาอ้อนผมแบบนี้
วันๆ เอาแต่แกล้งผมสารพัด
"มิตจัง... มิตจังย้ายบ้านไปคนนึงแล้ว แล้วตอนนี้ยูจังก็จะย้ายโรงเรียนไปอีกคน"
มิตจังที่ว่าคือ "มิยาบิ" เพื่อนบ้านสุดหล่อเพอร์เฟ็กของผมและยัยตัวแสบ
ผมช็อคไปพักใหญ่ ทั้งประโยคหน้าและประโยคหลัง ว่าแต่ทำไมกะทันหันแบบนี้ล่ะ
เมื่อกี้ก็เพิ่งแยกกับมิยาบิที่โรงเรียนเอง เห็นคุณลุงคุณป้าขับรถมารับ
นึกว่าจะพากันไปกินข้าวนอกบ้านซะอีก ทว่าไม่นาน... ผมก็ยิ้มออก ฮะ
ฮะ ฮ่า... มันไปแล้ว เจ้ามิยาบิที่ดึงความสนใจของทุกคนไปจากผม มันไปแล้วจริงๆ
หรือนี่... ผมไม่ได้ฝันไปสินะ โอ... ต่อไปนี้ผมจะได้มีความสุขซะที
ไม่มีใครมาเหยียบย่ำผมอีกต่อไป เจ้ามิยาบิ... ไปแล้วไปลับอย่ากลับมาอีกนะเฟ้ย
ยะฮู่ ทำไมผมถึงจงเกลียดจงชังหมอนี่ขนาดนี้น่ะรึ ก็เจ้านี่น่ะ มันชอบซ้ำเติมจุดด้อยของผม
นั่นก็คือ "ความอัปลักษณ์" คำก็ "ไอ้อ้วน" สองคำก็
"หมูตอน" ไม่งั้นก็ "เจ้าเตี้ยตุ่มต่อขา" บ้างล่ะ
"หน้าสิวตัวช้าง" บ้างล่ะและอีกสารพัด นอกจากนี้ยังรวมหัวกับยุกิโกะแกล้งผมประจำ
เห็นท่าทางว่านอนสอนง่ายอย่างนั้นน่ะ ก็แค่ต่อหน้าผู้ใหญ่เท่านั้นแหละ
เด็กเ-ป-ร-ตอะไร มารยาสาไถประเภทผู้ใหญ่ยังแพ้ เล่นละครตบตาเก่งจนน่าให้รางวัลออสการ์
ว่ายัยยุกิโกะร้ายแล้ว มาเจอหมอนี่ยิ่งร้ายกว่าหลายเท่า ไหนจะมีผู้ใหญ่คอยถือหางให้อยู่เรื่อย....
ว่าแต่ทำไมนะจู่ๆ ผมก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมา เหมือนเป็นลางสังหรณ์ เมื่อเช้าก็ตื่นสาย
แถมเมื่อกี้ดันนึกเรื่องอัปมงคลขึ้นมาอีก ผมเดินเข้าบ้าน รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ...
บ้านข้างๆ มีคนย้ายเข้ามาอยู่แล้วเหรอเนี่ย
"ยูคุง กลับมาแล้วเหรอลูก" เสียงแม่ผมดังมาจากห้องนั่งเล่น
"กลับมาแล้วครับ" ผมเดินเข้าบ้านตามปกติ ตรงดิ่งเข้าห้องครัว
โยนกระเป๋าลงบนโต๊ะกินข้าว แล้วเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่ม เสียงหัวเราะคิกคักของแม่ดังลอยมา...
สงสัยจะมีแขกแฮะ
"อย่าถือสาเลยนะคะ เด็กคนนี้ยังทึ่มไม่เคยเปลี่ยน" อ้าวแม่...
ไหงมาว่าผมอย่างนั้นล่ะ
"แต่ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะคะ ตอนเด็กๆ ก็ไม่ใช่แบบนี้นี่นา"
"โตแต่ตัวน่ะสิคะ ยังไงก็สู้มิยาบิคุงไม่ได้หรอกค่ะ ตัวสูงเหมือนพ่อเขาเลยนะคะเนี่ย"
ว่าไงนะ... ผมหูผึ่ง เมื่อกี้ได้ยินคำว่า "มิยาบิ" เหมือนผมรึเปล่าครับ?
... เพล้ง...ผมช็อคจนแก้วน้ำหลุดจากมือ ไม่ได้เวอร์ครับ ไม่ได้เวอร์
เพราะสำหรับผมแล้วนี่มันคือหายนะระลอก 2 ของชีวิต
"ยูคุง... เป็นอะไรไปลูก" เสียงแม่ตะโกนถาม
"เปล่าครับ ผมแค่ทำแก้วหล่น" ผมรีบเก็บเศษแก้วทิ้งถังขยะ
"เก็บดีๆ นะจ๊ะ ระวังบาดนิ้ว... ก็อย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ ไม่ยอมโตซักที"
แม่หันไปนินทาผมต่อ... เอาเข้าไป บ้านนี้ไม่มีใครเห็นผมดีเลยใช่มั้ยเนี่ย
"ซุ่มซ่ามเหมือนเดิมนะ" เสียงใหญ่ที่ไม่คุ้นหูดังมาจากข้างหลัง
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองที่ประตูช้าๆ โอย... ถ้านี่เป็นความฝันล่ะก็ ใครก็ได้ปลุกผมที
ร่างสูงใหญ่ที่สูงกว่าขอบประตูเสียอีก เดินเข้ามาในครัว อ๊า-----ก
รังสีแห่งความหล่อเจิดจ้าเหลือเกินจนผมต้องเอามือมาบัง แถมยังมาดแมนยังกับพระเอกมิวสิควิดีโอของบอน
โจวี ...มันกลับมาแล้ว... มันจะจองเวรจองกรรมกับผมไปถึงไหน