Ugly duckling
bishonen
- 13 -
พวกผมอันได้แก่ มิยาบิ มิยุกิ และตัวผมเอง
มีเรียนวิชาเดียวกันทุกวัน แม้จะมีเจ้ามิยาบิมาเป็นตัวขวางหูขวางตา
แต่ก็นับว่าพระเจ้าได้เริ่มเห็นใจผมแล้วโดยผมให้ได้เรียนกับมิยุกิจังทุกคาบ
ผมเพิ่งสังเกตว่ามิยุกิจังไม่มีเพื่อนเลย อย่างไรก็ตามผมก็คงเป็นเพื่อนเธอได้แค่ในวิชาเรียนกับตอนพักกินข้าวกลางวันเท่านั้น
เพราะตอนเย็นผมตรงดิ่งเข้าชมรมแทบทุกเย็น ส่วนวันอังคาร พฤหัสบดีของบางสัปดาห์
ผมต้องไปทำงานพิเศษที่ห้องสมุดและห้องธุรการตอนเย็นเพื่อหาเงินมาจุนเจือค่าเครื่องสำอางของตัวเอง
และแน่นอนว่าเจ้ามิยาบิก็ยังคงจองเวรตามมาทำงานที่ห้องธุรการ และแวะเข้ามากวนใจเวลาที่ผมที่ห้องสมุด
ที่แย่ที่สุดคือมันตามมารังควาญผมที่ชมรมด้วย ทำให้ผมอึดอัดใจไม่น้อยเพราะรู้ว่ามันไม่ชอบรุ่นพี่ซากาอิ
มันไม่แกล้งผมแล้ว ผมโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกหลังจากที่ดูท่าทีมันมานาน
แต่อย่างไรก็ตาม รู้สึกแปลกๆ ยังไงพิกล บางทีก็อดระแวงไม่ได้ว่ามันจะมาไม้ไหนกับผมกันแน่
แต่ผมดีใจอย่างนึงที่มันเป็นมิตรกับมิยุกิจัง ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม
ทั้งๆ ที่มันก้น่าจะรู้ว่าผมแอบปิ๊งเธออยู่ แต่ก็ดี... ขืนมาทำอะไรมิยุกิจังของผมสิ
ผมจะตัดขาดกับมันจริงๆ
หลายครั้งที่ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่า การที่ผมและมิยาบิให้ความสนิทสนมกับมิยุกิจังนั้น
ทำให้เธอเป็นที่เพ่งเล็งของสาวๆ ในมหาวิทยาลัยไม่น้อย บางทีเธออาจจะลำบากใจ
หรืออาจจะกำลังเหงาอยู่ก็ได้
"มิยุกิจัง ถ้าเย็นนี้ว่างไปดูผมซ้อมบาสที่ชมรมมั้ย" ผมเอ่ยชวน
"ได้ด้วยเหรอ" เธอตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองรีเปล่า
เธอสวยขึ้นทุกวัน แม้เธอจะไม่หันกลับไปใส่คอนแทคต์เลนส์อีกแล้วก็ตาม
ผมพยักหน้า
"พอดีเลย ฉันกำลังเก็บข้อมูลวาดการ์ตูนเกี่ยวกับบาสอยู่พอดี
ขอบใจนะยูคุง" เขินชะมัด... ทำไมเวลาดีใจผู้หญิงถึงได้น่ารักเป็นพิเศษแบบนี้นะ
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมามิยุกิก็มานั่งดูผมซ้อมบาสที่โรงยิมแทบทุกครั้ง
จนคนในชมรมพากับแซวพวกเรา ทว่าพวกกองเชียร์ผู้หญิงคนอื่นดูเหมือนจะไม่พอใจเท่าไหร่นัก
ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่า คำชวนของผมจะทำให้มิยุกิจังเดือดร้อนขนาดนี้
วันนั้นเธอไม่มาที่ชมรม ทั้งๆ ที่ตอนเลิกเรียนคาบสุดท้ายเธอสัญญาแล้วว่าจะมา
เพียงแต่ขอไปทำธุระที่อื่นก่อน ที่น่าแปลกก็คือ เจ้ามิยาบิหายไปด้วย
ผมจำได้ว่าตอนที่มิยุกิออกจากห้องเรียนไปนั้น จู่ๆ เจ้ามิยาบิที่ทำท่าเหมือนจะเร่งให้ผมไปชมรมเร็วๆ
ก็บอกว่ามีธุระเอาดื้อๆ แล้วเดินออกจากห้องไปอีกคน
ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงพิกล รีบเก็บของเดินตามออกไปทว่าไม่ทันเสียแล้ว
เจ้ามิยาบิมันจะทำอะไรของมันกันแน่... หรือว่ามันจะทำอะไรมิยุกิจังของผมงั้นเหรอ?
ผมเดินหาทั่วมหาวิทยาลัย จริงสิ... ถ้ามันไม่ได้ทำอะไรมิยุกิจังล่ะก็...
เดี๋ยวเธอจะต้องมาที่ชมรมอย่างปลอดภัยแน่ๆ คิดดังนั้นผมจึงรีบบึ่งไปที่ชมรม
"กรี๊ด... ยามากุจิคุงมาแล้ว..." เสียงแฟนคลับดังขึ้นอย่างกับว่าวันนี้มีแข่งนัดสำคัญงั้นแหละ
แต่...เสียงมันเบาผิดปกติยังไงพิกล
"อ้าว ยามากุจิคุง ทำไมวันนี้มาช้าล่ะ แล้วคู่หูกับแฟนล่ะ"
รุ่นพี่ซากาอิทักอย่างอารมณ์ดี
อ้อ... จริงสิ เจ้ามิยาบิไม่มานี่เอง กำลังใจสาวๆ เลยหายไปเกือบครึ่ง
จริงๆ แล้วในกลุ่มกองเชียร์นั้นคนที่มาชอบเจ้ามิยาบิก็มีไม่น้อย...
เผลอๆ อาจจะเยอะกว่าผมซะด้วยซ้ำ ชิ... ก็เจ้านั่นมันหล่อนี่นา
"มิยุกิจังยังไม่มาเหรอครับ" ผมหน้าซีด ก่อนวิ่งออกไป
"เดี๋ยวก่อนสิ... ยามากุจิคุง" รุ่นพี่เรียกทำให้ผมชะงักเท้า
หันไปก้มหัวขอโทษก่อนจะวิ่งออกจากชมรม ทว่า... มิยาบิกับมิยุกิจังเดินมาที่โรงยิมพอดี
"มิยุกิจัง... ไปไหนมา เป็นห่วงแทบแย่" ผมรีบวิ่งเข้าไปหา
มิยุกิจังก้มหน้านิ่ง ใต้เสื้อแจ็กเก็ตของเจ้ามิยาบิ ผมพบว่าเสื้อลูกไม้ของมิยุกิจังขาดรุ่งริ่ง...
นี่มันหมายความว่ายังไง... ผมจ้องหน้ามิยาบิ... เจ้านั่นหลบตาผม
แบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ ถ้าไม่มีใครพูดอะไรล่ะก็... ผมจะสรุปเองล่ะนะ
"มิยาบิ... แก..." ผมกระโจนใส่มิยาบิ รู้สึกโกรธจนคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมานี่... แกยังแย่งไม่พออีกหรือไง ยังไม่สาแก่ใจแกใช่มั้ย
"ทำไมแกถึงทำแบบนี้ มิยุกิจังน่ะ ฉันไปชอบเขาเอง เขาไม่ได้ทำผิดอะไร
ทำไมแกถึงทำแบบนี้" ผมกระชากคอเสื้อสุดแรง ทว่าเจ้านั่นกลับเฉย
หนำซ้ำยังหันไปทางอื่นราวกับไม่สนใจผม
"ไม่ใช่นะ" มิยุกิรีบคว้าตัวผมไว้
"ปล่อยนะมิยุกิจัง มันทำร้ายเธอขนาดนี้ เธอยังคิดจะปกป้องมันอีกเหรอ...
เธอไม่รู้หรอกว่าเจ้านี่มันร้ายขนาดไหน"
"ไม่ใช่นะ... มิยาบิคุงเป็นคนดีนะยูคุง..." มิยุกิปล่อยโฮออกมา
ผมเริ่มสงบลง
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น" ผมเข่าอ่อนทันทีที่เห็นรอยฝ่ามือแดงเถือกบนใบหน้าใสๆ
ของมิยุกิ แว่นสายตาของเธอมีรอยร้าวเป็นทางยาว
"มิยาบิคุงไปช่วยฉัน... ฉันกำลังจะถูกพวกมัน..." มิยุกิปล่อยโฮหนักขึ้น
"ใคร... ใครมาทำอะไรเธองั้นเหรอ" มิยุกิร้องไห้จนพูดต่อไม่ได้
ได้แต่ส่ายหัว เธอคงขวัญเสียมากจริงๆ
"ฉันว่านายไปถามพวกแฟนคลับนายดีกว่านะ" ผมหันไปมองหน้ามิยาบิ
ขอบตาบวมเป่ง ปากแตกมีคราบเลือดเลอะอยู่ที่มุมปาก มิน่าล่ะ มันถึงไม่ยอมให้ผมเห็นหน้าเมื่อกี้
"ดูเหมือนพวกนั้นจ้างคนมาทำร้ายมิยุกิของนาย" อะไรกันเนี่ย...
ในหัวผมขาวโพลนไปหมด เรื่องแบบนี้มีอยู่ด้วยหรือไงนะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าต้นเหตุจะเป็นผม
"ไม่ต้องกลัวนะมิยุกิจัง ต่อไปนี้ฉันจะปกป้องมิยุกิจังเอง"
ผมเข้าไปกอดมิยุกิจังที่ยังสะอึกสะอื้นไม่หาย ทำไมคนที่โดนถึงไม่ใช่ผมนะ
มิยุกิจังน่าสงสารจะตาย
- 14 -
คืนนั้นผมนอนไม่หลับ รู้สึกเหมือนมีอะไรติดค้างกับเจ้ามิยาบิยังไงก็ไม่รู้
จริงสิ... ผมควรจะไปขอโทษมันสินะ แล้วก็ขอบคุณมันด้วยที่อุตส่าห์ช่วยมิยุกิจัง
เป็นเวลา 4 ทุ่ม ถ้าเดินไปหาคงไม่ค่อยดี เพราะท่าทางที่บ้านมันจะเข้านอนกันหมดแล้ว
ผมเปิดม่านมองไปที่ห้องของมัน ยังสว่างอยู่นี่นา... ว่าแล้วผมก็ปีนหน้าต่างออกไป
แม้ว่าห้องของผมจะอยู่เยื้องกับมันก็ตาม แต่ผมไม่เคยคิดที่จะข้ามไปหามันอย่างพิสดารแบบนี้มาก่อน
อย่าว่าแต่ปีนไปหาเลย แม้แต่คิดจะไปหาทางปกติก็ไม่เคย ผมจับขอบหน้าต่างแน่น
ก่อนที่จะกลั้นใจ กระโดดข้ามหลังคาที่ลาดชันจนแทบจะยืนไม่ติด
"เหวอ..." ผมส่งเสียงดังมือคว้าขอบหน้าต่างบ้านมันทันที
ทว่ามันยากกว่าที่ผมคาดไว้แฮะ... หน้าต่างที่ผมคว้าคือหน้าต่างห้องพ่อกับแม่ของมัน
และที่สำคัญ... มือผมลื่นเหลือเกิน...
"ใครน่ะ" เสียงเจ้ามิยาบิดังขึ้นที่หน้าต่าง ผมสะดุ้งทำให้แรงที่นิ้วหดหายไปสิ้น
จากนั้น
"ว้าาาาาก" ผมร้องลั่น รู้สึกเสียวไส้ แย่ล่ะกำลังจะตกลงไปแล้ว
เอ๊ะ... ทำไมไม่ถึงพื้นซักที ผมลืมตาขึ้นมาอีกที ถึงได้รู้ว่าเจ้ามิยาบิมันคว้าข้อมือผมไว้ทัน
"จะขึ้นมามั้ย... หนัก จะหมดแรงอยู่แล้ว" มันพูดเสียงกวนๆ
ผมถีบตัวจากหลังคาขึ้นไป กว่าจะเข้าห้องมันได้สุดแสนจะทุลักทุเล
แต่ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า เหมือนมีแสงสว่างวาบมาจากทางข้างหลัง
ทันทีที่ผมหันกลับไปมอง ก็พบว่าห้องของยัยยุกิโกะที่อยู่ตรงข้ามมืดสนิท
แต่ก็ประมาทไม่ได้อยู่ดี รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย เหมือนโดนยัยนั่นแอบถ่ายรูปยังไงไม่รู้
"มีอะไรรึเปล่า" มิยาบิลากเก้าอี้มาให้ผมนั่ง
"คือ..." โอ๊ย... อึดอัด... พูดไม่ออก การก้มหัวให้คนอื่นเนี่ยมันลำบากขนาดนี้เลยเหรอ
ยิ่งกว่านั้นคนอื่นที่ว่าดันเป็นหมอนี่...
"อุตส่าห์ตะเกียกตะกายปีนหน้าต่างมาหาฉันตอนดึกแบบนี้... คงไม่ได้หมายความว่านายเกิดปิ๊งฉันขึ้นมาหรอกนะ"
"ไม่ใช่เฟ้ย" ผมรีบเถียงก่อนที่มันจะพูดไปกันใหญ่ ทว่าทันทีที่เห็นหน้าหล่อๆ
ซึ่งเป็นรอยฟกช้ำดำเขียว ผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาอีกรอบ
"ฉันก็ว่าแล้ว" หมอนั่นทำเสียงปลงๆ
"คือฉันแค่จะมาขอโทษ แล้วก็ขอบคุณ" ผมรีบเข้าเรื่อง มันทำหน้าสงสัย
"เรื่องอะไร"
แน่ะ... ยังจะมาถามอีก "ก่อนอื่นต้องขอโทษที่ทำให้นายเจ็บตัวเพราะฉันเป็นต้นเหตุ
ยิ่งกว่านั้นยังเข้าใจนายผิดอีก แล้วก็อยากขอบคุณที่นายช่วยมิยุกิจังไว้"
"ไม่เป็นไรหรอก... ช่วยไม่ได้นี่นา ฉันเองก็ผิดที่เมื่อก่อนทำไม่ดีกับนายไว้เยอะ
ก็สมควรแล้วที่นายจะเข้าใจฉันผิดอะนะ" โอ๊ะ... รู้ตัวด้วยเหรอเนี่ย
"แต่เรื่องที่ขอบอกขอบใจฉันน่ะ ไม่ต้องหรอก ถึงไม่ใช่มิยุกิฉันก็ต้องเข้าไปช่วยอยู่แล้ว
ชิ... ดันไปช่วยศัตรูหัวใจซะนี่" ผมขนลุกซู่... ประโยคสุดท้ายไม่ต้องพูดจะได้มั้ย
"แต่ว่า..." ผมตั้งท่าจะเถียง แต่ว่ามิยุกิจังเป็นคนที่ผมชอบ
"เอาเป็นว่าช่วยทำแผลให้ทีได้มะ เมื่อตอนเย็นแม่ทำให้ทีนึงแล้ว
พอดีเมื่อกี้ฉันอาบน้ำเลยต้องทำใหม่อีกรอบ" เจ้านี่... ได้โอกาสก็เอาเลยนะ
แผลที่หน้าส่องกระจกทำเองก็ได้ไม่เห็นต้องให้ใครช่วยเลย แต่พอเห็นหน้าที่เคยหล่อของมันแล้ว...
เอาก็เอา ช่วยไม่ได้นี่นะ
"โอ๊ย... เบาๆ หน่อยสิ นายนี่ไม่น่ารักเลยนะ" ผมฉุนกึก
"ก็ดี... ฉันก็ไม่เคยคิดอยากจะน่ารักหรอกนะ"
"เมื่อก่อนนิสัยดีกว่านี้แท้ๆ" เอาอีกแล้ว... อย่างนายเนี่ยถ้าจะให้พอใจคือต้องยอมให้แกล้งใช่มั้ย
เชอะ ฉันไม่ใช่คนเก่าแล้วนะเฟ้ย ที่สำคัญ ตอนนี้ฉันมีสำลีที่ชุบยาสุดแสบอยู่ในมือ
ฮ่าๆๆ
"โอ๊ย... นี่จะฆ่ากันหรือไง ถ้าหน้าฉันเป็นหนักกว่าเก่านายต้องแต่งงานรับผิดชอบนะเฟ้ย"
"พอเลย... แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า ตัวใหญ่ซะเปล่าทำอ้อนเป็นเด็กๆ
ไปได้ นี่แน่ะๆๆ" ผมกดสำลีลงบนหน้ามันอย่างหมั่นไส้ มันคว้ามือผมไปจับไว้แน่น
"ก็ฉันเจ็บนี่"
ผมนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ มันคงถือโอกาสนี้จ้องตาผมเรียกคะแนน ทำไมจู่ๆ
ห้องถึงเงียบลงได้นะ ผมรู้สึกเหมือนโดนสะกดจิตละสายตาจากใบหน้าของมันไม่ได้
มันค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ เรื่อยๆ...
ผมค่อยๆ หลับตาลง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม แต่ทุกอย่างเป็นธรรมชาติเหลือเกิน
ริมฝีปากอุ่นๆ ของมิยาบิ... ค่อยๆ ขยับอย่างนุ่มนวล ผมรู้สึกว่ามือไม้ซุกซนของมันเลื่อนลงโอบกอดที่เอวของผมช้าๆ
... แล้วค่อยๆ เลื่อนเข้าไปสัมผัสข้างในเสื้อ...พระเจ้าช่วย... นี่ผมกำลังทำบ้าอะไรอยู่
"โอ๊ย" มันอุทานเบาๆ ก่อนเอามือกุมปากตัวเอง "จะบ้าหรือไง
ปากฉันแตกอยู่นะ" มันโวยวาย
ผมรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงเหลือเกิน ที่ช็อคสุดๆ ไม่ใช่เพราะโดนมันจูบ
แต่เป็นเพราะผมยอมให้มันจูบ นี่ผมเป็นอะไรไปละเนี่ย ดีนะที่รู้สึกตัวขึ้นมาก่อน
ไม่งั้นล่ะก็... ผมขนลุกซู่ รู้สึกเหมือนผมตัวเองจะชี้โด่ขึ้นไปด้วย
โอ... ไม่อยากจะคิดต่อเลย
"สมน้ำหน้า... นายมาเล่นพิเรนทร์ก่อนนี่นา" ผมเถียงทั้งที่มือยังสั่นอยู่
"ฉันไม่ได้เล่นนะ" มันตอบสีหน้าจริงจังจนผมต้องหลบตา
"ฉันกลับล่ะ" ผมเดินไปที่หน้าต่าง ทำไมถึงรู้สึกกลัวขึ้นมาแบบนี้นะ
"ตอนมายังแทบเอาชีวิตไม่รอด ขากลับจะไหวเร้อ" มันพูดขึ้นจนผมชะงัก
"งั้นฉันออกทางประตู"
"แล้วนายจะเข้าบ้านยังไง มีกุญแจเหรอ" ผมอยากจะร้องไห้...
นี่หมายความว่าผมต้องนอนกับมันที่นี่งั้นเหรอเนี่ย มันเดินออกจากห้องไปซักพัก
กลับมาพร้อมที่นอนอีกชุดหนึ่ง
"นายนอนบนเตียงไป๊ เดี๋ยวฉันนอนข้างล่างเอง" พูดพลางปูที่นอนตรงทางเดินข้างๆ
เตียง
"แต่..." ผมอ้าปากจะเถียง ฉันนอนข้างล่างเองก็ได้
"นับหนึ่งถึงสิบ ถ้านายไม่หลับฉันจะจับปล้ำ หนึ่ง..."
นอนแล้วจ้า... นอนแล้วจ้า... ผมรีบดึงผ้าห่มมาคลุมหัวจนมิด เจ้าบ้าเอ๊ย...
ใครจะไปหลับลงภายในนับสิบกันฟะ อีกอย่าง... หลับในห้องนายนี่สิ อันตรายที่สุดเลย
อย่ามาลักหลับกันเชียวนะเฟ้ย