Ugly duckling
bishonen
- 19 -
ผมเริ่มตระหนักได้ว่าเจ้ามิยาบิคงไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับคดีรองเท้าของผมจริงๆ
(ที่จริงมันคงรู้ว่าใครเป็นคนทำ เพราะเหตุเกิดขณะที่มันนั่งคอยผมอยู่
แต่มันกลับทำเป็นไม่รู้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม) ผมเข้าชมรมตามปกติ
แต่ทุกอย่างดูเหมือนไม่ปกติ ทุกคนมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ในขณะที่เจ้ามิยาบิ
รุ่นพี่ซากาอิและรุ่นพี่บางคนเท่านั้นที่ปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม
ผมรู้สึกว่าขณะที่ซ้อมทุกคนเล็งลูกบอลมาทีตัวผมบ้างล่ะ วิ่งเข้ามากระแทกผมจนล้มบ้างล่ะ
จนรู้สึกว่าเนื้อตัวระบมยังไงก็ไม่รู้ ดูเหมือนเจ้ามิยาบิจะสังเกตเห็น
เข้ามากันให้บ้าง แต่ก็กันให้ไม่ได้ทุกครั้ง
"โอ๊ย..." ผมทรุดตัวลง รู้สึกจุกเมื่อถูกลูกบอลอัดเข้ามาเต็มๆ
ที่ท้อง
"เอ้ย... จะแกล้งกันหรือไง" มิยาบิตะโกนใส่หน้าคนที่โยนใส่ผมอย่างโมโห
ในขณะที่อีกฝ่ายรีบทำหน้ารู้สึกผิด
"ช่างเถอะ... มิยาบิ" ผมรีบห้าม ขืนให้มันจัดการมีหวังกลายเป็นเรื่องใหญ่แหงๆ
อีกอย่าง จะว่าไปผมก็เคยโดนมันแกล้งแบบนี้บ่อยๆ รู้สึกชินยังไงไม่รู้
"แต่มัน..."
"พอเถอะ จอห์นสตันคุง มาดูยามากุจิคุงก่อนดีกว่า ลุกไหวมั้ย"
รุ่นพี่ประธานชมรมเข้ามาฉุดผมลุกขึ้น
"ไม่เป็นไรครับ"
"ขอโทษนะ" คนที่โยนบอลอัดผมพูดเสียงอ่อยๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า
แต่ภาพของเจ้ามิยาบิตอนเด็กๆ ปรากฏซ้อนทับขึ้นมาทำให้ผมรู้สึกว่าคำขอโทษนั่นไม่ได้จริงใจซักเท่าไหร่
"เอ้า... ซ้อมกันต่อเถอะ" ประธานชมรมประกาศ "ยามากุจิคุง
ฉันอยากพูดอะไรกับเธอหน่อย" ผมไปนั่งพักริมสนาม
"ในฐานะที่เธอเป็นตัวจริง ฉันอยากให้เธอพยายามกว่านี้"
รุ่นพี่พูดขึ้น
"ผมกำลังพยายามอยู่ครับ"
"ฉันรู้ แต่ว่าระยะหลังเธอเล่นแย่ลงกว่าเก่านะ โดยเฉพาะวันนี้"
จะไม่ให้เล่นแย่ลงได้ยังไงกันเล่า ก็ดูแต่ละคนในสนามสิครับ แต่ละคนยังกับว่าพยายามจะเขี่ยผมออก
ผมคิดแต่ไม่กล้าพูดออกไป เพราะจะว่าไปผมก็เล่นไม่ดีอยู่แล้วจริงๆ
"เอาเถอะ วันนี้เธอคงเหนื่อย แถมยังเจ็บตัวอีก ฉันจะอนุญาตให้พักซักวัน
แต่คราวต่อไปฉันหวังว่าจะเห็นผลของความพยายามมากกว่านี้นะ"
ผมรู้สึกว่าสายตาของคนอื่นๆ กำลังหัวเราะเยาะผมอยู่ รู้สึกอึดอัดยังไงบอกไม่ถูก
หลังจากซ้อมเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เหลือเจ้ามิยาบิซึ่งเป็นเวรเก็บโรงยิมกำลังถูพื้นอยู่คนเดียว
ผมเก็บลูกบอลที่กระจายอยู่บนพื้นใส่ตะกร้า
"ทำไมยังไม่กลับอีกล่ะ" มันเงยหน้าถามอย่างแปลกใจ
"แล้วคนที่ทำเวรคู่กับนายล่ะ" ผมถามมันกลับ
"กลับไปแล้วล่ะ" มันตอบสั้นๆ พลางถูพื้นต่อ นี่คงไม่ใช่แค่ผมสินะที่โดนคนในชมรมปฏิเสธ
เจ้ามิยาบิก็ด้วย เพราะอะไรกันนะ หรือเพราะที่มันไปว่าเขาแทนผมเมื่อกี้
หรือว่า... เรื่องที่มันและผมได้รับเลือกเป็นตัวจริง
"ฉันว่า... ฉันถอนตัวจากการแข่งดีมั้ย"
"ไม่ดี" มิยาบิสวนขึ้นมาทันที
"แต่ว่า ฉันเล่นไม่เก่ง แล้วบาสเก็ตบอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม
ถ้าฉันเข้ากับใครไม่ได้แบบนี้ คงมีแต่แพ้กับแพ้"
"พวกรุ่นพี่กับโค้ชเลือกนาย แสดงว่านายก็เก่งไม่แพ้คนอื่น"
ใครว่าล่ะ จะขายบัตรต่างหาก แต่ผมพูดไม่ออก เพราะจะให้มันรู้ไม่ได้เหมือนกันว่าผมไปพูดเป็นเชิงฝากฝังมันกับรุ่นพี่ซากาอิไว้ก่อนหน้านี้
"อย่าเพิ่งยอมแพ้ปล่อยให้พวกที่มากลั่นแกล้งนายมาหัวเราะเยาะ
แสดงให้เขาเห็นสิ" ผมอยากจะล้างหูแล้วขอให้มันพูดให้ฟังอีกครั้งจริงๆ
นี่ผมคงไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย เจ้ามิยาบิ... เจ้ามิยาบิมันพูดให้กำลังใจผม...
ครั้งแรกในชีวิตเลยนะเนี่ย สงสัยพรุ่งนี้ฝนตกแหงๆ
ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอกครับ เพราะพอเราออกมาจากโรงยิมปุ๊บ ฝนก็เทลงมาอย่างหนักทันที
งานนี้คงต้องโทษมันเต็มๆ
- 20 -
แม้จะเป็นคำพูดของเจ้ามิยาบิก็ตาม แต่ก็ทำให้ผมเรียกพลังงานกลับคืนมาได้ดังเดิม
จะว่าไป... มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมเพิ่มเวลาซ้อมของตัวเองโดยเข้ามาซ้อมคนเดียวตอนเช้าด้วย
ดูเหมือนพวกแฟนคลับจะรู้ เมื่อมานั่งเชียร์ตอนเย็นไม่ได้ก็มาให้กำลังใจตอนเช้าแทนจนผมรู้สึกตื้นตันใจจริงๆ
"ยูคุง พยายามเข้านะ" เสียงตะโกนดังก้องสนามจนคนอื่นๆ
ที่มาร่วมใช้สนามหันไปดู ผมรู้สึกอายอยู่เหมือนกันที่พวกสาวๆ ดูเหมือนจะมารบกวนคนอื่นด้วย
แต่ก็ไม่มีใครในสนามว่าอะไร บางคนบอกว่าดีซะอีก ได้ดูสาวๆ ไปด้วย
"นั่นมิยาบิคุงนี่ กรี๊ด... มิยาบิ" อ้อ... ผมลืมบอกไปครับ
แต่คิดว่าทุกคนคงเดาได้ มีผมอยู่ที่ไหนต้องมีมันอยู่ที่นั่นทุกทีเหมือนเงาตามตัว
เมื่อก่อนผมคงรู้สึกรำคาญ เมื่อไหร่มันจะหายไปจากชีวิตผมอย่างถาวรซักที
แต่เดี๋ยวนี้ถ้ามันไม่อยู่ด้วย ผมจะถูกรุมถามว่ามันหายไปไหน ทะเลาะกันรึเปล่า
เลิกกันแล้วเหรอ... คำถามหลังนี่มันทะแม่งๆ ยังไงพิกล จนผมรำคาญที่จะต้องโดนถามแบบนี้แทนด้วยกำลังใจของทุกคนนี่เอง
ทำให้ผมเล่นได้ดีขึ้นมาก
"พยายามเข้านะ ฉันคิดไว้แล้วว่านายคงไม่ทำให้ชมรมเราผิดหวัง"
รุ่นพี่ซากาอิกล่าวชม
"ฝีมือดีขึ้นแบบนี้ แข่งครั้งนี้คงไม่ต้องห่วง" ประธานเข้ามาตบไหล่ผม
"เธอสูงไม่เท่าคนอื่นก็จริง แต่กระโดดได้สูงดี ฉันอยากให้เธอฝึกเรื่องข้อมือมากกว่านี้"
"ครับโค้ช" มิยาบิหันมายิ้มให้ผมซึ่งฉีกยิ้มแก้มปริ
"อย่าหักโหมมากนักล่ะ"
ผมพยักหน้า ระยะหลังๆ ผมกับเจ้านั่นเข้ากันได้ดีจนหน้าใจหาย ผมคิดไปเองรึเปล่านะ
เย็นวันนั้นเป็นเวรของผมกับรุ่นพี่ซากาอิ แน่นอนว่าเจ้ามิยาบิรอผมอยู่เช่นเคย
"จอห์นสตันคุง" เสียงผู้หญิงดังขึ้นที่ประตูทางเข้า ถ้าผมจำไม่ผิด...
ผู้หญิงคนนี้เป็นที่ชื่นชอบของคนในมหาวิทยาลัยมาก ถึงขนาดลงในวารสารประจำมหาวิทยาลัยให้เป็นเจ้าหญิงซากุระ
พูดกันง่ายๆ ก็คือ ผมมีบรรดาแฟนคลับผู้หญิงรายล้อมอยู่ฉันใด เธอผู้นี้ก็มีแฟนคลับผู้ชายรายล้อมอยู่ฉันนั้น
เพียงแต่แฟนคลับของเธอกับของผมมีวิธีแสดงออกต่างกันหลายๆ อย่าง มิยาบิชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ
"ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยคะ" ดูจากท่าทางของเธอก็รู้แล้วว่ามาสารภาพรักชัวร์
มิยาบิหันมามองผม ไม่เห็นเกี่ยวกับผมซักหน่อย ผมนึก
"ตอนนี้กำลังยุ่ง" มิยาบิพูดเสียงหนักแน่น ไอ้คนใจร้าย...
ผู้หญิงเขาต้องทำใจกล้าแค่ไหนรู้มั้ย กว่าจะมาขอคุยกับผู้ชายซักคนเนี่ย
"ไม่ยุ่งหรอกครับ" ผมแทรกขึ้นมา เธอหันมามองผมอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
ราวกับจะบอกว่า 'ยุ่งอะไรด้วย' ท่าทางเหมือนคุณหนูเอาแต่ใจชะมัด
"ไม่เป็นไรหรอก มิยาบิ จริงๆ แล้ววันนี้ก็ไม่ใช่เวรของนายซักหน่อย
นี่ก็ใกล้เสร็จแล้วด้วย" ผมพูดพลางในใจหัวเราะหึๆ นี่ถ้าเจ้านั่นมีแฟนของตัวเองเป็นฝั่งเป็นฝาล่ะก็...
ผมคงไม่ต้องอึดอัดใจอีกต่อไป ทั้งเรื่องที่ถูกหาว่าเป็นแฟนมัน ไหนจะเรื่องที่มันบอกว่าชอบผมอีก
"5 นาทีเท่านั้น" มันตั้งข้อแม้ ในที่สุดเจ้ามิยาบิก็เดินตามผู้หญิงคนนั้นออกไป
ผมเก็บลูกบอลใส่ตะกร้าเรียบร้อย แล้วเข็นเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ตามปกติ
ทว่า...
ปัง เสียงประตูห้องเก็บอุปกรณ์ปิดลง รอบตัวมืดตึ๊ดตื๋อมองอะไรไม่เห็น
ทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีใครผลักล้มลงกับพื้น
"ปล่อย" ผมตะโกนสุดเสียง ใครบางคนกำลังกดไหล่ผมไว้แน่น
ใครกันล่ะ... อย่าบอกนะว่าเจ้านั่นมันจะเล่นอะไรพิเรนทร์กับผมอีก
"มิยาบิ" ผมดิ้นสุดตัว
"มิยาบิอีกแล้วเหรอ..." ผมช็อค ไม่จริง... นี่มันเสียง
"รุ่นพี่ซากาอิ" จริงสิ จะเป็นเจ้านั่นได้ยังไงล่ะ ในเมื่อมันเพิ่งออกไปกับสาวเมื่อกี้นี้เอง
"ทำไม..."
"หึ... ทำไมน่ะเหรอ ทั้งๆ ที่ฉันเฝ้ามองเธอมาตลอด แล้วจู่ๆ
เจ้าพวกนั้นโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มาตัดหน้าไป" ตัดหน้างั้นเหรอ...
เจ้าพวกนั้นงั้นเหรอ...
"หรือว่าเรื่องมิยุกิจัง..." ผมเบิกตาโพลง เริ่มเห็นโครงร่างของรุ่นพี่ซากาอิที่คร่อมผมอยู่
"ถูกต้อง... แต่ฉันประมาทเจ้านั่นไปหน่อย ฉันคิดว่าเธอคงไม่ได้คิดอะไรกับมัน
แต่ดูเหมือนฉันจะคิดผิด" ผมรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ ปะทะอยู่ที่ปลายคาง
ไม่จริง... ไม่อยากเชื่อเลย...
"ฉันรักเธอนะ ยามากุจิคุง..." พูดจบก็รู้สึกเหมือนโดนสัมผัสแรงๆ
บริเวณซอกคอ อึ๋ย... รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
"ปล่อยนะ ปล่อยผม" ผมดิ้นแรงขึ้น พยายามสะบัดให้ไหล่หลุดจากพันธนาการ
มือเหวี่ยงตีความมืดให้วุ่น ทว่ากลับโดนแต่พื้นคอนกรีตอย่างแรงทุกครั้ง
"เสียงดังจริงนะ"
"อื้อ..." ริมฝีปากเร่าร้อนปิดเสียงผมซะสนิท ทั้งๆ ที่เป็นริมฝีปากของรุ่นพี่ซากาอิที่ผมชื่นชมมาตลอด
สัมผัสแบบนี้... รู้สึกแย่จนอยากจะอาเจียนเหลือเกิน ไม่เอา... รุ่นพี่บ้าไปแล้ว
ถ้าให้โดนทำอะไรที่นี่ล่ะก็ เป็นเจ้ามิยาบิซะยังจะดีกว่า
"ยู... ยู... อยู่ในนั้นใช่มั้ย เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ"
เสียงมิยาบิตะโกนอยู่ข้างนอก "โธ่เว้ย... ประตูนี่" มิยาบิ...
มิยาบิ... ผมอยากจะตะโกนออกไป แต่เสียงดังอยู่แค่ในลำคอ
กระจกฝ้าบนประตูห้อง เห็นเงาของมิยาบิกำลังพยายามทั้งทุบ ทั้งดึงที่จับประตู
"ฉันจะพังเข้าไปล่ะนะ" ผมตั้งสติเฮือกสุดท้ายถีบไปกลางลำตัวรุ่นพี่ซากาอิเต็มแรง
"โอ๊ย..." เสียงรุ่นพี่ร้องเสียงดัง ผมรีบผลักร่างหนาๆ
ของรุ่นพี่ออก ก่อนจะคลำหาทางออกจากห้อง ผมรีบเปิดประตู รู้สึกแสบตากับความสว่างเฉียบพลันของโรงยิม
และร่างสูงใหญ่ของเจ้ามิยาบิที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง
โครม... โอย เจ็บหลังชะมัด เมื่อกี้ก็โดนผลักกระแทกพื้น คราวนี้โดนซ้ำสองที่เดิมอย่างจัง
รู้สึกตัวอีกที เจ้ามิยาบิกำลังนอนทับผมอยู่ โอย.. หนักชะมัด แสงสว่างจากภายนอกทำให้มองเห็นร่างของรุ่นพี่ซากาอินอนกุมเป้ากางเกง
ผมหน้าซีดรู้สึกเจ็บแทนขึ้นมา ไม่น่าเลย... ถ้าเป็นผมก็คงทรมานจนน้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มแน่ๆ
มิยาบิลุกขึ้น ทำท่าจะเดินเข้าไปอัดรุ่นพี่ซากาอิ ผมรีบคว้าชายเสื้อเจ้านั่นไว้
"มิยาบิ... อย่า" ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังน้ำตาไหลอยู่จริงๆ
มิยาบิเข้ามาประคองผม
"กลับบ้านกันเถอะยู"
ผมเกาะเสื้อมิยาบิแน่น นี่มือสั่นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย...
"อ้อ... แล้วก็ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปอย่าหวังว่าแกจะได้เห็นหน้ายูอีก"
มิยาบิประกาศกร้าว