01-02      03-04      05-06      07-08      09-10      11-12      13-14      15-16      17-18      19-20      21-22     
Cherry March


Ugly duckling bishonen

- 21 -

ผมช็อคจนนอนไม่หลับ รุ่นพี่ซากาอิ... รุ่นพี่ที่ดีกับผมมาตลอด ทำไมถึงได้ทำกับมิยุกิจัง ทำกับผมอย่างนั้นได้ ผมพลิกตัวไปมารู้สึกกระสับกระส่าย ยิ่งกว่านั้น ตอนนั้น...
ผมลุกขึ้นแหวกม่าน ห้องมิยาบิยังเปิดไฟอยู่ ผมเปิดหน้าต่างจะข้ามไปหามิยาบิอีกหน แต่นึกอะไรขึ้นมาได้... ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวได้ขาหรือหลังหักก่อนถึงห้องมันแน่ๆ ว่าแล้วก็หยิบยางลบขึ้นมาเขียนแล้วโยนเข้าหน้าต่างห้องมันอย่างช่ำชองตามที่ได้ฝึกฝนมาอย่างดีที่ชมรม
ผมค่อยๆ ย่องออกไปรอที่หน้าบ้านมัน ซักพักก็มีเสียงไขกุญแจ ก่อนที่ประตูจะเปิดออก
"เข้ามาสิ" มันพูดพลางยิ้มกริ่ม
"อย่าเข้าใจผิดนะเฟ้ย" ผมรีบค้อนใส่
"คร้าบ...คร้าบ..." มันพาผมย่องๆ ขึ้นไปห้องมัน เพราะท่าทางบ้านมันนอนกันหมดแล้ว
"ไม่น่าเชื่อเลยว่ายูจะคิดถึงฉันจนต้องมาหาดึกๆ แบบนี้" ดีอกดีใจอะไรนักหนาฟะ น่าหมั่นไส้
"ยังเจ็บตรงไหนรึเปล่า" มันทำเสียงอ่อนเสียงหวานจนผมชักเลี่ยนขึ้นมา ผมส่ายหัว จริงๆ แล้วยังรู้สึกยอกที่หลังอยู่เล็กน้อย
"ขอบใจนะ" ผมโค้งให้มัน มิยาบิทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย คงไม่คิดล่ะสิว่าผมจะยอมโค้งให้แบบนี้
"ช่างมันเถอะ ยังไงฉันก็ต้องเข้าไปช่วยอยู่แล้ว เพราะยูเป็นคนสำคัญของฉัน" ผมรู้สึกปวดใจขึ้นมา มิยาบิ... นี่นาย... ผมเดินเข้าไปกอดมัน รู้สึกเศร้าขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่นายทำเพื่อฉันมาตลอดแท้ๆ ไม่ว่าเรื่องมิยุกิจัง ไม่ว่าเรื่องของฉัน แต่ฉันกลับ...
"ยู... แบบนี้มันยั่วกันนะ" เจ้ามิยาบิทำเสียงกวน ช่างสิ ทำไมอยู่ดีๆ ผมถึงได้เกิดสับสนขึ้นมานะ จริงด้วย... รู้สึกตอนนั้นผมจะคิดว่าถ้าเป็นเจ้ามิยาบิยังจะดีซะกว่า มิยาบิจูบที่หน้าผมเบาๆ ทำไมจู่ๆ รู้สึกว่ามันดูเครียดขึ้นมา ผมหลบสายตามัน แต่ก็ไม่คิดที่จะหนีจากจูบของมัน ไม่ว่าจะหน้าผาก จมูก หรือแก้ม เรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก ทุกที่ที่มันสัมผัสทำเอาผมร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
"รักที่สุดเลย ยู" มันกระซิบ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะทำให้ผมเคลิ้มได้ขนาดนี้ รู้สึกตัวเบาๆ ยังไงพิกล มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หลังสัมผัสเตียงนี่แหละ จริงสินะ ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมจูบของมิยาบิถึงแตกต่างจากจูบของรุ่นพี่โดยสิ้นเชิง ผมหลับตาพริ้ม รู้สึกถึงแพขนตาอ่อนนุ่มของมิยาบิไล้อยู่ที่แก้ม ริมฝีปากอุ่นๆ ของมันค่อยๆ เคลื่อนไปที่คอ ทว่า จู่ๆ มันก็หยุดซะเฉยๆ ผมลืมตา เห็นใบหน้ามันแดงจัดขึ้นมาเมื่อมองที่คอผม จริงสิ... คอผมเป็นจ้ำๆ ไปหมดหลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น ท่าทางมันจะโกรธ มันบีบข้อมือผมแน่น ก่อนจะโน้มตัวลงมาระดมจูบผมอย่างแรง
"มิยาบิ... เกิดบ้าอะไรขึ้นมา... ฉันเจ็บนะ" ท่าทางมันจะไม่ได้ยิน
"มิยาบิ... ฉันบอกให้ปล่อยไงเล่า" ผมตะโกนลั่น มันรีบประกบปากผมไว้จนผมแทบหายใจไม่ทัน ฮึ่ม... ไม่ว่าหน้าไหน หน้าไหน... นี่เห็นทีวันนี้ผมจะได้เตะผ่าหมากคนถึง 2 คนกระมัง
"โอ๊ย" มันเอามือกุมริมฝีปากตัวเอง เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเลย... ผมคิด
"สมน้ำหน้า" ผมสวนกลับไป "นี่เป็นอะไรของนายน่ะ หรือว่า... นายคิดจะทำเหมือนรุ่นพี่ซากาอิ" ผมพูดอย่างฉุนๆ
"ขอโทษที" มันทำหน้าสำนึกผิด "พอฉันเห็นที่รุ่นพี่นั่นมันทำกับนาย จู่ๆ ก็หึงขึ้นมา" ผมแทบจะสำลัก... เจ้าบ้า มีใครเขาพูดกันตรงๆ แบบนี้กันเล่า
"ฉันจะกลับล่ะ" ผมทำท่าจะเดินออกจากห้อง ตอนนี้ไม่อยากให้มันเห็นหน้าตอนกำลังเขินสุดๆ ของผมเลย มันรีบคว้าข้อมือผมไว้
"อย่าเพิ่งกลับเลยนะ ฉันอยากอยู่กับยู" โอ๊ย... หัวใจแทบจะกระโดดออกมา ไม่รู้จักอายบ้างหรือไงนะ เจ้านี่...
"ก็ได้... งั้น นายต้องไปหยิบฟูกมาปูนอน" ผมตั้งเงื่อนไข
มิยาบิทำหน้าเซ็งก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปทำตามอย่างว่าง่าย ฮึๆ... นานๆ จะรู้สึกเหนือกว่ามันซักที ขอใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่หน่อยเถอะ เจ้ามิยาบิปิดไฟก่อนล้มตัวลงนอนบนฟูก ผมห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆ ของมันแล้วกระเถิบไปที่ขอบเตียง มองใบหน้าขณะนอนหลับตาของมันอยู่ครู่หนึ่ง
"รัก" งั้นเหรอ... จริงสิ เมื่อกี้มันบอกว่ารักผม แล้วผมคิดยังไงกับมันล่ะเนี่ย ไม่ๆๆ เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ผมมีมิยุกิอยู่ทั้งคนแล้ว อีกอย่างผมก็เกลียดมันยังกับอะไรดี ที่จะมารักเห็นจะยาก แต่ทำไมเมื่อกี้ถึงได้.... จู่ๆ ก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ขึ้นมา จนปัดแทบไม่ทัน
"เป็นอะไรน่ะยู นอนขยุกขยิกอยู่ได้ น่ารำคาญ" เสียงมิยาบิดังขึ้นจนผมสะดุ้งโหยง "นับหนึ่งถึงสิบ ถ้ายังไม่หลับจะทำต่อจากเมื่อกี้นะ หนึ่ง..."
"หลับแล้วคร้าบ..." อึ๋ย ขอร้องล่ะ อย่ามาขู่กันแบบนี้ได้มั้ย ผมขยับตัวห่างจนติดฝาผนัง เจ้าบ้า... อย่ามาทำอะไรตอนหลับนะเฟ้ย...ห้องเงียบไปได้ครู่หนึ่ง ในที่สุดผมก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
"นี่..."
"ยังไม่หลับอีกหรือไง" มันทำเสียงเหมือนรำคาญเต็มที
"ที่นายบอกว่ารักน่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ" ผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า โชคดีจังที่ปิดไฟแล้ว
"จะรู้ไปทำไม"
"ก็ฉันเคยได้ยินนายพูดกับยุกิโกะ"
"นายก็รู้แล้วนี่นา" หมอนั่นตอบกวนๆ
"แต่ว่าตอนนั้น ฉันทั้งอ้วน ทั้งเตี้ย ทั้งหน้าตาน่าเกลียดไม่ใช่เหรอ" ผมผุดลุกจากที่นอน มิยาบิมองหน้าผมนิ่ง แสงจากข้างนอกทำให้มองเห็นแววตาของมันสะท้อนเป็นประกาย
"ฉันอาจจะเรียกนายว่า ไอ้อ้วน เจ้าแว่น หรือเจ้าอะไรก็แล้วแต่ แต่ฉันไม่เคยเรียกนายว่าเจ้าอัปลักษณ์นี่นา" พูดจบมันก็หลับตานอน ผมยิ้มกับตัวเอง... โธ่เอ๋ย อย่างงี้นี่เอง จะว่าไปแล้ว "ความงาม" เนี่ยคงไม่ใช่สิ่งที่เห็นด้วยตาสินะ คิดแล้วผมก็ล้มตัวลงนอน
"โธ่เอ๊ย... ไม่หนุกเลย ยูจังนะ เล่นตัวอยู่ได้ เข้านอนกันเถอะมิยุกิจัง" เสียงคุ้นหุดังลอยมาจากห้องฝั่งตรงข้ามทำเอาผมเด้งขึ้นจากเตียง
ถูกยัยยุกิโกะเห็นอีกแล้วเหรอเนี่ย... ที่สำคัญกว่านั้น... โอ... ไม่จริง... ทำไมไม่เห็นรู้เลยว่า วันนี้มิยุกิจังมาค้างที่บ้าน....ผมช็อคตัวแข็งทื่อน้ำตาไหลพรากอยู่บนเตียงในความมืด

- 22 -

การแข่งขันใกล้เข้ามาแล้ว แต่ผมไม่ได้เข้าชมรมมาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ไม่อยากเจอใครอีกแล้ว ไม่ว่าเพื่อนๆ หรือรุ่นพี่ซากาอิ ข่าวว่าผมลาออกจากชมรมแพร่สะพัดไปทั่วมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว ตลอดสัปดาห์ผมไม่เป็นอันเรียน ไม่ว่าเข้าวิชาไหนก็มีแต่คนส่งกระดาษมาถามว่า ลาออกแล้วจริงเหรอ ลาออกทำไม แล้วจะลงแข่งรึเปล่า ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะว่าไม่นานยัยยุกิโกะต้องส่งข่าวนี้ให้แฟนคลับของผมอยู่แล้วแหงๆ แล้วที่ผมมายืนหน้าโรงยิมในวันนี้.... ก็เพียงเพราะจะมาขนของส่วนตัวในล็อกเกอร์กลับเท่านั้น
ผมมองโรงยิมซึ่งบรรยากาศคึกคักดังเช่นปกติอย่างเหงาๆ แล้วต่อไปนี้... ชีวิตหลังเลิกเรียนของผมจะทำอะไรดีล่ะ มิยาบิตบไหล่ผมเบาๆ เป็นเชิงปลอบ ผมเปิดประตูล็อกเกอร์ออกมา ถึงกับตกตะลึง...ไน*จัง... ไน*จังรุ่นใหม่ล่าสุด ใครหนอเอามาวางไว้ หรือจะเปิดผิดตู้ เอ๊ะ... นี่ก็ตู้เรานี่นา หรือจะมีสมาชิกใหม่ ผมหยิบกระดาษโน้ตเล็กๆ ที่วางพิงรองเท้าไว้มาอ่าน "ขอโทษ"
"ขอโทษนะ ยามากุจิ" จู่ๆ เสียงของคนหลายๆ คนก็ดังขึ้นด้านหลัง ผมตกใจกระโดดกลับหลังหันแทบไม่ทัน นี่มากันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
"ขอโทษ..." รุ่นพี่ซากาอิเดินเข้ามาสมทบ "ฉันนึกว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดคำนี้กับนายซะแล้ว" ผมนึกฉุนขึ้นมาเล็กน้อย รุ่นพี่ทำให้ผมเสียความรู้สึกขนาดไหนรู้มั้ย.... อยากจะตะโกนใส่หน้าดังๆ
แต่ไม่ได้.... ไม่ได้เด็ดขาด ผมต้องนึกถึงหน้าบรรดาซากุระที่จ้องมองผมอย่างชื่นชมไว้
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ คนเราทำผิดพลาดกันได้" ผมเก๊กหน้าตอบ ทั้งที่ใจอยากจะเข้าไปตั๊นหน้ารุ่นพี่ตัวดีซักที โทษฐานที่เกือบทำผมเสียบริสุทธิ์ให้กับผู้ชายด้วยกัน
"ดัดจริต" มิยาบิทำเสียงหมั่นไส้
"อะไรอีกล่ะ"
"ในใจนายคงคิดว่า ผมขอตั๊นหน้ารุ่นพี่ซักทีก่อนได้มั้ยครับ อะไรประมาณนี้มากกว่าใช่มะ" หมอนี่... ไม่รู้ซักเรื่องคงไม่ตายหรอกนะ
"ตอนนี้ฉันอยากตั๊นหน้านายแทนมากกว่า" ผมหันไปเถียง ดูเหมือนทุกคนหัวเราะชอบใจ
"ว่าแต่นายจะลงแข่งด้วยรึเปล่า" หนึ่งในสมาชิกชมรมถามขึ้น
"อย่าดีกว่า ฉันไม่ได้ซ้อมมาตั้งอาทิตย์แล้ว อีกอย่างฉันฝีมือไม่ดี ขืนลงจะแพ้เอาเปล่าๆ"
"ไม่จริงหรอก" อีกคนหนึ่งเถียง "ฉันเห็นนายตั้งใจฝึกซ้อมมากกว่าใครๆ จนตอนนี้นายเก่งขึ้นตั้งเยอะ น่าเสียดายออก"
"เอาเป็นว่า... พวกนายช่วยพยายามแทนฉันด้วยแล้วกันนะ แล้วฉันจะมาเชียร์"
"ถ้างั้น... เราปล่อยข่าวไปว่ายามากุจิคุงจะมาเชียร์แล้วกัน" เสียงประธานดังแทรกขึ้นมา ผมเหงื่อตก... แผนทางการตลาดอีกงั้นเหรอเนี่ย
"แล้วก็โทษฐานที่เธอออกจากชมรมกะทันหัน หวังว่าเธอคงช่วยขายบัตรแล้วกันนะ" โห... ประธานปิศาจ
"ครับ" ผมรับคำเหงื่อตก "เอ่อ... ผมขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ยครับ" ทุกคนพยักหน้า นิ่งฟัง
"ผมคิดว่า ถ้าคราวนี้ทุกคนแสดงฝีมือได้ดีล่ะก็ ครั้งต่อไปไม่ว่าจะแข่งนัดไหนก็จะมีคนมาดูโดยไม่ต้องให้ผมออกโรงหรอกครับ ดังนั้นผมจึงอยากให้ทุกคนแสดงฝีมือให้เต็มที่ การดูบาสเก็ตบอลไม่ได้สนุกเพราะดูคนเล่น แต่สนุกที่ได้ดูลีลาการเล่น จริงมั้ยครับ"

แม้ว่าผมจะออกมาจากชมรมบาสเก็ตบอลอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม น่าแปลกที่รู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด ผมไปดูการแข่งขันทุกรอบตามสัญญา มหาวิทยาลัยของเราผ่านฉลุยจนถึงรอบสุดท้าย แม้จะน่าเสียดายที่จะไม่ชนะเลิศ แต่ก็ได้หัวใจของแฟนๆ บาสเก็ตบอลไปครอง
วี๊ด------ เสียงไมโครโฟนหอนดังลั่นโรงยิม ทำให้ทุกคนอยู่ในความสงบหลังจากการแข่งขันจบสิ้น ที่นั่น... ไม่จริง... ผมแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ทำไมยัยยุกิโกะถึงไปโผล่อยู่ตรงนั้น
"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ดิฉันขอใช้เวลาที่เหลือตรงนี้ประกาศอะไรซักเล็กน้อย" ทุกคนเงียบกริบราวกับกำลังตั้งใจฟัง
"ขณะนี้เราจะเปิดซุ้มจำหน่ายแฟนฟิคชั่นของยามากุจิ ยูอยู่ที่ด้านหลังของอัฒจันทร์ ท่านผู้ใดสนใจเชิญได้เลยค่ะ ของมีจำนวนจำกัดนะคะ อ้อ... แล้วก็ขอประชาสัมพันธ์การ์ตูนเรื่องใหม่ เบสด์ ออน เรื่องราวระหว่าง ยามากุจิ ยู และแฟนหนุ่ม ไม่มีขายที่ไหน ต้องสั่งซื้อเท่านั้นนะคะ เชิญลงชื่อได้เลยค่ะ" สิ้นเสียงทุกคนก็กรูกันเข้าไปยังซุ้มที่ว่า ที่น่าสยองยิ่งกว่าคือ... บรรดาพวกสมาชิกในชมรมบาส (ซึ่งเป็นผู้ชาย) ก็เอากับเขาด้วย ผมหันไปมองมิยุกิซึ่งยืนอมยิ้มน้อยๆ อย่างภูมิใจอยู่ข้างๆ
"มิยุกิจังวาดเหรอ" ผมถามขึ้น รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงชอบกล
"อื้ม" เธอตอบหนักแน่น โอย... อยากจะเป็นลม นี่มิยุกิจังไปอยู่ข้างยัยยุกิโกะอย่างเต็มตัวซะแล้ว
"เรื่องต่อไปเป็นภาพประกอบแฟนฟิคชั่นของยูคุงที่มาจากในเน็ตล่ะ" หา... แม้แต่ในเน็ตก็... ผมหน้าซีดกุมขมับ
"ยามากุจิคุง...." เสียงเรียกของคนกลุ่มใหญ่ที่วิ่งออกมาจากทางซุ้ม กำลังวิ่งลงมาตรงที่ผมนั่งอยู่ "เซ็นชื่อให้พวกเราหน่อยสิ" อึ๋ย... ถ้าทีละคนสองคนละก็ยังพอว่า... นี่กรูกันเข้ามาอย่างนี้ เหมือนจะวิ่งลงมากระทืบให้ตายคาเท้ามากกว่า
"ยูเป็นของฉัน ใครอย่ามายุ่งนะเฟ้ย" เจ้ามิยาบิตะโกนบ้าอะไรเนี่ย น่าอายชะมัด
"กรี๊ด.... ได้ยินรึเปล่าเธอ... น่ารักจังเลย" เสียงพวกผู้หญิงดังลั่นโรงยิม
มิยาบิกระโดดลงไปที่สนาม แล้วดึงตัวผมลงไปด้วย
"ไปกันเถอะยู" ผมโดนเจ้านั่นถูลู่ถูกังวิ่งสุดชีวิตจนออกมาจากโรงยิมได้ คลื่นมหาชนค่อยๆ ไหลตามออกมา วี๊ด----- เสียงไมโครโฟนหอนตามมาอีกครั้ง
"ต่อไปนี้จะเป็นการประมูล ภาพถ่ายยามวิกาลของยามากุจิ ยู" เสียงแหลมจนน่าปวดหัวของยัยยุกิโกะดังขึ้น ทำให้ทุกคนกรูกลับเข้าไปในโรงยิมอีกครั้ง
"ยามากุจิคุง ฝากไว้ก่อนเถอะ วันพรุ่งนี้ยังไงก็เจอตอนเรียน"
"นั่นสิ ไปดักรอที่สถานีเอาก็ได้" ผมขนหัวลุกชันขึ้นมา ฟังยังไงก็เหมือนตามทวงหนี้ หรือตามแก้แค้นอยู่มากกว่า เจ้ามิยาบิกับผมวิ่งมาเรื่อยๆ มันจะพาผมวิ่งไปถึงไหนกันนะ ไม่มีใครตามมาแล้วซักหน่อย แต่ก็ช่างมันเถอะ... ผมเองก็ยังไม่เหนื่อย
ฤดูร้อนกำลังจะใกล้เข้ามา อนาคตของพวกเราจะเป็นยังไงต่อไปนะ... ชักสนุกขึ้นมาแล้วสิ

จบ (?)

แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1