Ugly duckling
bishonen
- 5 -
"ยู... ดูทางนั้นสิ มีควันขโมงเลย...
สงสัยไฟไหม้" เด็กชายผิวสีแทนหน้าตาดูยังไงก็เป็นชาวต่างชาติ
ส่งเสียงดังตื่นเต้นระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน
ผมหันไปมองอย่างงงๆ เอ... ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่
"ไหนอ่ะ" ผมหันมาถาม ทว่าเห็นรอยยิ้มกวนๆ อยู่บนใบหน้า
"หายไปแล้วอ่ะ สงสัยเมื่อกี้ฉันคงตาฝาด" พูดจบก็เดินกลับบ้านต่อ
ผมล่ะสงสัยรอยยิ้มนั่นจริงๆ เลย
"มิตจัง... ยูจัง... รอยด้วยสิ" เสียงใสๆ ตะโกนไล่หลังมา
"อ้าว ยุกิโกะจัง ไม่ได้ไปเล่นบ้านโยโกะจังหรอกเหรอ" มิยาบิหันกลับไปถาม
"ไม่เอาอ่ะ เล่นกับพวกนั้นไม่เห็นสนุกเลย อ้าว... ยูจัง มีอะไรติดอยู่บนหัวอ่ะ"
"ไหนๆๆ" ผมรีบคลำหา ทว่ากลับรู้สึกว่ามีอะไรนิ่มๆ หนึบๆ
ติดมือมาแทน
"อ้าว... หมากฝรั่งนี่นา" ผมหันไปจ้องหน้ามิยาบิ เมื่อกี้แกเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่นี่
"อะไร... ฉันเปล่านะ ฉันคายไปตั้งแต่เมื่อแยกที่แล้วแล้ว"
"ยูจังใจร้าย... ทำไมต้องมาโทษมิตจังด้วย ตัวเองเดินซุ่มซ่ามหัวไปติดหมากฝรั่งเอง"
แม่น้องสาวเสียงแปร๋นใส่ไฟ ผมพูดไม่ออก อยากจะเถียง แต่ดูรูปการแล้ว
ยังไง 2 คนนี้ก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว โธ่เว้ย... มันน่าแค้นใจจริงๆ
"ไปล้างออกกันเถอะ" เจ้ามิยาบิตัวแสบทำหน้ากลั้นหัวเราะอย่างเห็นได้ชัด
"ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ เดินไปไหนต่อไหนอายเขาตาย"
"งั้น... ไปตรงแม่น้ำ" พวกนั้นยืนดูผมนั่งก้มหน้าล้างหมากฝรั่งออกที่ริมแม่น้ำอยู่ห่างๆ
ผมรู้สึกว่าทั้งสองคนกำลังหัวเราะคิกคักกันอยู่ โอ๊ย... เจ้าหมากฝรั่งนี่
ติดหนึบล้างไม่ออกเลย
"ยูจัง... เสียเวลาน่า ตัดผมตรงนั้นออกเถอะ"
"ไม่เอา" ผมตอบห้วนๆ อย่างหัวเสีย
"นี่... มิตจัง มีกรรไกรป่ะ"
"มีอยู่แล้ว วันนี้เรียนศิลปะอาจารย์ให้เตรียมมา" ว่าแล้วก็หยิบกรรไกรออกมาจากกระเป๋า
"มา... ยุ๊กโกะตัดให้"
"ไม่ได้หรอกยุ๊กโกะ... เดี๋ยวโดนมือเป็นแผลนะ" เจ้ามิยาบิห้าม
"พี่ตัดให้เองดีกว่า"
"งั้นยุ๊กโกะจะไปเอากรรไกรในกระเป๋ายูจังมาช่วย"
"ไม่นะ อย่าเข้ามานะ" ผมหันขวับไปมอง ทว่าเสียหลักตกลงไปในแม่น้ำ
ตูม...
"ฮ่าๆๆๆๆ ดูสิ เปียกหมดเลย" ทั้งสองคนหัวเราะชอบใจที่เห็นผมลงไปนั่งแช่น้ำเปียกปอนไปทั้งตัว
"ยังจะมาค้อนอีก ไม่มีใครเขาผลักตัวเองตกลงไปซะหน่อย ทำตัวเองแท้ๆ"
เจ้ามิยาบิหัวเราะลั่น "เอ้า... จะมาให้ตัดดีๆ รึเปล่า"
ว่าพลางย่างสามขุมเข้ามา สำหรับผมแล้วภาพนั้นเหมือนกับปิศาจฆาตกรที่มือถือกรรไกรเดินเข้ามาจะฆ่ามากกว่า
"อย่า... อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา" ผมตะโกนลั่นพลางยกมือขึ้นมาปัดป้อง
"อย่า!" ผมตะโกนลั่นห้อง ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างเตียงโดยที่มีขาพาดขึ้นไปข้างบน
น่าเกลียดชะมัด... นี่ผมฝันร้ายจนตกเตียงเลยเหรอเนี่ย
ผมเหงื่อแตกพลั่ก หายใจหอบ... เป็นครั้งแรกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ผมฝันเห็นเหตุการณ์ในอดีต
หลังจากเหตุการณ์ตกน้ำวันนั้น ผมก็กลับเข้าบ้านอย่างเปียกโชก แถมผมยังแหว่งไปยังกับหัวกัปปะ
พอกลับมาถึงยังโดนแม่ว่ามาอีก
"แต่มิยาบิตัดผมจนแหว่งเลยนะฮะ" ผมฟ้อง
"ไม่ต้องโทษคนอื่นเลยนะเรา เพื่อนเขาหวังดีจะเอาหมากฝรั่งออกให้ไม่ใช่หรือไง
แม่น่ะฟังจากน้องมาหมดแล้ว" ผมเหลือบเห็นยุกิโกะยิ้มอย่างสะใจอยู่ข้างหลังแม่
"แต่ว่า.." ผมทำท่าจะเถียง นี่ไปเล่าให้แม่ฟังอีท่าไหนล่ะเนี่ย
"ไม่ต้องแก้ตัวแล้ว รีบไปอาบน้ำเดี่ยวนี้เลย เหม็นฉึ่งไปหมดทั้งบ้านแล้ว
แล้วไปเอาผ้ามาถูพื้นในครัวด้วย เดี๋ยวทำกับข้าวเสร็จแม่จะจับโกนหัว"...โกนหัว...
ผมแทบน้ำตาร่วง
"อะไรอีกล่ะ ทำหน้าแบบนั้น ก็ผมลูกเป็นแบบนี้แล้ว คงต้องโกนหัวเท่านั้นแหละ
เป็นผู้ชายไม่ต้องคิดมาก ไม่มีใครเขามาสนใจเรื่องทรงผมหรอกน่า"
เพราะแม่คิดอย่างนี้น่ะสิ... ผมถึงได้โดนเพื่อนล้อเรื่องผมทรงกะลาครอบอยู่เรื่อย
คราวนี้จะเป็นเรื่องหัวล้านอีกรึไง...
ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินลงไปทานอาหารเช้าข้างล่าง
"ตื่นแล้วเหรอลูก... คิดว่าเป็นปิดเทอมหรือไงตื่นซะสายโด่ง"
โอย... โดนว่าแต่เช้าเลยเนี่ย "ดูอย่างน้องเราซะบ้างสิ ตื่นแต่เช้าไปบ้านมิยาบิคุงแล้ว"
หา... ผมหูผึ่ง ซวยล่ะสิ ดันประมาทไปหน่อย ปล่อยให้พวกนั้นสุมหัวกันวางแผนการณ์ชั่วร้ายแต่เช้า
"งั้นผมไปก่อนล่ะครับ" ผมวางชามข้าว วิ่งแจ้นออกไปบ้านมิยาบิทันที
- 6 -
"ยูคุง... อรุณสวัสดิ์จ้ะ มาแต่เช้าเชียวนะ
ยุกิโกะจังอยู่กับมิยาบิจังข้างบนน่ะจ้ะ" คุณแม่ของมิยาบิยิ้มทักอย่างร่าเริง
ผมผงกหัวทักทายอย่างเงียบๆ เอะอะไปได้ไง เดี๋ยวไก่ตื่นหมด จริงๆ
แล้วผมแค่อยากมาแอบฟังว่าพวกนั้นคุยอะไรกันก็เท่านั้นเอง ไม่อยากเจอหน้าทีเดียว
2 คนหรอก เดี๋ยวโดนแกล้ง ผมย่องขึ้นบันไดอย่างเงียบกริบ แล้วเงี่ยหูฟังเสียงจากในห้องที่ปิดประตูไว้
"ภาพนี้ตอนไปเที่ยวซานฟรานเหรอ... สวยจังเลยเนอะ ยุ๊กโกะอยากไปเที่ยวมั่งจัง"
"จริงสิ... ภาพนี้ไม่เคยส่งไปให้นี่เนอะ"
"นี่ตอนงานโรงเรียนใช่มั้ย ที่มิตจังขึ้นไปเล่นเปียโนที่หอประชุม...
ยุ๊กโกะจำได้"
"เก่งนี่ ถ้ายุกิโกะจังไม่พูดขึ้นมาพี่คงลืมไปแล้วนะเนี่ย"
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ... โธ่เอ๊ย ก็พูดคุยกันธรรมดานี่นา
"นี่เพื่อนๆ ของมิตจังที่โน่นเหรอ" เฮอะ...อย่างหมอนั่นมีเพื่อนกะเขาด้วยเหรอเนี่ย
"อืม เพื่อนร่วมชั้นเรียนตอน เกรด 10 น่ะ แต่ไม่มีใครสนุกเท่ายูเลยนะ"
ผมสะดุ้งเฮือก... แล้วผมไปเกี่ยวอะไรด้วยเล่า
"นั่นสิเนอะ ตาพี่นั่นก็ทึ่ม ไม่ยอมเข้าใจความรู้สึกมิตจังซักที"
ใคร...ไม่เข้าใจ ผมเถียงในใจ ที่ไม่ยอมเข้าใจความรู้สึกของผมน่ะ
เจ้าพวกนั้นมากกว่า
"ยุ๊กโกะอ่ะนะ ตอนที่มิตจังไม่อยู่ ยุ๊กโกะช่วยกันท่าเต็มที่เลยนะ
รับรองว่าตอนนี้ยูจังยังไงก็ยังว่าง ฮิฮิ" หา... นี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย
ว่างเวิ่งอะไรกัน แล้วเสียงหัวเราะคิกคักที่น่าสงสัยนั่นอีก
"อ้าว... ยูคุง ทำไมไม่เข้าไปล่ะจ๊ะ" เสียงทักของคุณแม่มิยาบิทำให้ผมตกใจแทบช็อค
"ยูจังมาด้วยเหรอ" เสียงยุกิโกะลอดผ่านประตูออกมา
"ผมขอตัวล่ะครับ" ผมรีบเผ่นโดยเร็ว แย่ล่ะสิ พวกนั้นจะรู้รึเปล่านะ
เรื่องที่ผมมาแอบฟังน่ะ
ผ่านมา 2-3 วันแล้ว ตั้งแต่เจ้ามิยาบิกลับมา
ทำไมมันถึงได้เงียบอย่างนี้นะ บ้านสงบอย่างกับว่าโลกนี้ไม่มีคู่ขวัญยอดแสบนั่นไม่ได้การ...
สงบเกินไปแล้ว เรื่องที่ผมไปแอบฟังวันนั้น ยัยยุกิโกะก็ไม่กลับมาถามอะไรเลยซักนิด
มันเงียบเหมือนเป็นลางว่าจะมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ
"ยู... ลงมาข้างล่างทีซิลูก" เสียงแม่ตะโกนเรียก ผมเดินอย่างเซ็งๆ
ระยะนี้ไม่มีอะไรทำเลยแฮะ รอวันจบการศึกษา กับวันที่ต้องไปทำธุระต่างๆ
ของมหาวิทยาลัยตามที่กำหนดไว้ในเอกสารที่มหาลัยส่งมาเท่านั้น มิยาบินั่งอยู่ตรงนั้น...
โอย.. ทำไมวันนี้ต้องเห็นหน้ามันด้วยนะ
"วันนี้ว่างใช่มั้ยลูก พามิยาบิคุงไปสำรวจมหาวิทยาลัยหน่อยสิจ๊ะ"
แม่... ทำไมช่างหาเรื่องมาให้ผมได้อยู่เรื่อยเลยนะ
"แต่ผม..."
"ไม่ต้องมาเถียงเลยนะ แม่เห็นลูกเก็บตัวอยู่แต่ในห้องมาหลายวันแล้ว
หาอะไรทำซะบ้างสิ ดูอย่างมิยาบิคุงซิ กระตือรือร้นหางานพิเศษทำ ไหนจะซ้อมดนตรีอีก
เราน่ะหัดทำตัวให้เป็นประโยชน์กว่านี้บ้าง" ไม่เคยเปลี่ยนเลย...
การว่าลูกต่อหน้าคนอื่นของแม่เนี่ย และคนอื่นที่ว่ามักจะเป็นครอบครัวของเจ้ามิยาบิทุกที
"รบกวนด้วยนะยู" ผมได้ยินเสียงหมอนั่นเย้ยมาเบาๆ
"จริงสิ ว่างๆ ก็ชวนมิยาบิคุงไปเล่นบาสด้วยสิจ๊ะ" แม่กล่าวเสริม
"เอ้า... ยืนบื้ออยู่ได้ ไปแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวมิยาบิคุงคอยนาน"
เอาวะ... วันนี้ยัยยุกิโกะไปบ้านเพื่อน ก็ยังดีกว่ามียัยตัวแสบไปช่วยกันกดหัวผมกันอย่างครบเซ็ต
ว่าแต่ที่จะให้พาไปเล่นบาสน่ะ... เชอะ จ้างให้ก็ไม่พาไปหรอก เดี๋ยวไปแย่งแฟนคลับผมหมด
หมอนี่ยิ่งเด่นเกินหน้าเกินตาชาวบ้านอยู่