Ugly duckling
bishonen
- 11 -
ในที่สุดมหาวิทยาลัยก็เปิดเทอม อย่างไรก็ตามผมค่อนข้างพอใจกับช่วงเวลาอันแสนสงบก่อนหน้านี้ไม่น้อย
น่าแปลกเหมือนกันที่ทั้งยุกิโกะและมิยาบิไม่มาหาเรื่องผมมาประมาณสัปดาห์หนึ่งได้
ยุกิโกะดูยุ่งๆ หมกตัวอยู่ในห้อง บางครั้งก็ออกไปบ้านเพื่อน คุยกับมิยาบิน้อยลง...
สงสัยคงเลิกเห่อแล้ว ส่วนมิยาบิก็ไม่ค่อยได้แกล้งผม หลังจากเหตุการณ์วันจบการศึกษามันคงกลัวผมไม่พามันไปเที่ยวล่ะมั้ง
ผมรู้สึกว่ามันหายซ่าลงไปเยอะ แต่ผมเองก็ไม่มีความกล้าจะไปซ่าที่ไหนเช่นกัน
หลายครั้งที่ได้ยินเสียงมันดีดเปียโนอยู่ที่บ้าน ส่วนผมก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในห้อง
เต้นแอโรบิคตามวีดีโอบ้าง พอกหน้าตามอัธยาศัย บางครั้งก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนเก่า
หรือรุ่นน้องในชมรม จริงสิ พูดถึงรุ่นน้องในชมรม อันที่จริงที่ชมรมมีจัดงานเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่ชมรมด้วย
แต่ด้วยความขายหน้าคราวก่อนผมจึงหาเรื่องปฏิเสธไป นอกจากนี้... ก็เตรียมอ่านหนังสือล่วงหน้า
ผมรู้สึกกดดันกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ตั้งแต่เจ้ามิยาบิย้ายกลับมา
แม่ยังคงชอบเปรียบเทียบผมกับมิยาบิเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ใช่แล้ว...
ตอนเด็กๆ มันอาจเหนือกว่าผมทุกเรื่อง แต่ตอนนี้ผมจะต้องชนะมันซักเรื่องให้ได้
ในเมื่อมันกลับมาหล่อกว่าผม และคนรอบข้างยังรักมันมากกว่าผม ผมเห็นจะต้องเอาชนะมันเรื่องการเรียน
เพราะมันเป็นคนหัวดี ผมจึงต้องขยันเพิ่มขึ้นหลายเท่า คอยดูเถอะ...
มิยาบิ แล้วเราจะได้เห็นกัน
ผมแอบเห็นตารางเรียนของมัน คิดไว้ไม่ผิด... มันลงเรียนวิชาเดียวกับผม
พูดง่ายๆ ตารางเรียนของมันเหมือนกับของผมไม่มีผิดเพี้ยน งานนี้คงมียัยยุกิโกะเป็นสายให้อีกตามเคย
เราสองคนเดินเข้ามหาวิทยาลัย วันนี้ดูคึกคักกว่าวันก่อนซึ่งคนบางตาเพราะเป็นตอนปิดเทอม
แต่ดูเหมือนพวกเราจะตกเป็นเป้าสายตาเหมือนเดิม
โอ... สายตาสาวๆ ทุกคู่หันมามองที่ผม... ช่างเป็นบรรยากาศที่คิดถึงเหลือเกิน
นี่ถ้าเป็นตอนอยู่โรงเรียนล่ะก็ ที่ดาดฟ้าจะมีป้ายผ้าผืนใหญ่เขียนว่า
"ยินดีต้อนรับยามากุจิคุงกลับโรงเรียน"
"ยู... บนดาดฟ้ามีชื่อนายด้วยแน่ะ" มิยาบิสะกิดผม
"เอ๋?" ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ไม่จริง.... ชื่อผมจริงๆ ด้วย
ป้ายผ้าผืนใหญ่ผูกติดกับรั้วของดาดฟ้า ล้อมกรอบด้วยลูกโป่งหลากสี
เขียนว่า "มหาวิทยาลัย T ยินดีต้อนรับยามกุจิคุง"
"กรี๊ด... ยามากุจิคุง... ทางนี้จ้า" เสียงตะโกนของสาวๆ
กลุ่มใหญ่จากใต้ตึกเรียน พวกเธอคือ.... รุ่นพี่ที่เป็นแฟนคลับของผมนั่นเอง
มิน่าล่ะ ทำไมคนถึงได้มองมาทางผมแบบจ้องเอาจ้องเอาขนาดนี้
"นายนี่... น่าจะไปเป็นดารานะ" มิยาบิพูดประชด
เชอะ... ก็เกือบอยู่หรอก แต่ติดอยู่ที่ยัยยุกิโกะ อุปสรรคตัวใหญ่ที่คอยกีดกันผมทุกวิถีทาง
รุ่นพี่สาวๆ วิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังพวกเรา แต่ทว่ายังไม่ทันจะถึงพวกเธอก็รีบเบรคทันควัน
"อะไรกัน... รังสีนี่...." ทุกคนพากันเอามือบังราวกับมีดวงอาทิตย์อยู่ตรงหน้า
แย่ล่ะสิ... รังสีความหล่อของเจ้ามิยาบิเป็นเรื่องอีกแล้ว ทันใดนั้นทั้งผมทั้งเจ้ามิยาบิก็ต้องเอามืออุดหู
เสียงกรี๊ดกระหึ่มของพวกสาวๆ ที่มีต่อความหล่อระทวยของเจ้าคนญี่ปุ่นตาน้ำข้าวข้างๆ
ผมนี่เอง
"ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย" มิยาบิรีบคว้าแขนผมวิ่งหนีสาวๆ
ที่ยัง "คลั่ง" กับความหล่อที่เหลือจะทานทนของมันอยู่ตรงนั้น
เราวิ่งมาจนถึงชั้น 2 ของอาคารเรียน ผมได้สติสะบัดมือออกจากมัน
"พอได้แล้ว... จากนี้ไปไม่ต้องมาเดินกับฉัน" ผมทำเสียงหงุดหงิดใส่
"เป็นอะไรไปน่ะ อยู่ดีๆ ก็โมโห แล้วฉันก็เรียนห้องเดียวกับนาย
ต่อให้เดินแยกกันยังไงก็ต้องไปทางเดียวกันอยู่ดี"
"นายก็ไปก่อนสิ ฉันจะเดินไปทางนี้" ผมหันไปด้านตรงข้ามกับทางที่จะไปห้องเรียน
"จะไปไหนน่ะ"
"ห้องน้ำ" ผมตอบห้วนๆ แล้วรีบเดินจากไป ผมเดินมาได้ระยะหนึ่ง
หันไปมองให้แน่ใจว่าเจ้ามิยาบิไม่ได้เดินตามมา แต่แล้วต้อง...
โครม....
ผมล้มหงายหลังก้นจ้ำเบ้า แต่ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเท่าไหร่ พอตั้งสติลุกขึ้นยืนก็พบว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งกองอยู่กับพื้น
"เป็นอะไรรึเปล่าครับ" ผมยื่นมือเพื่อจะช่วยฉุดเธอลุกขึ้นมา
ทว่าเธอกลับก้มหน้านิ่ง
"เจ็บตรงไหนเหรอครับ... ลุกไหวรึเปล่า" ผมรู้สึกใจคอไม่ดี
นึกโทษตัวเองที่เดินไม่มองทาง
"คอนแทคต์... เลนส์" เธอพูดขึ้นมาเบาๆ
ผมมองไปรอบๆ แย่ล่ะ ของเธอกระจายเกลื่อนเลย ผมจึงเปลี่ยนใจเก็บของให้เธอแทน
ว่าแต่ทำไม... สัมภาระเธอถึงได้เยอะขนาดนี้ล่ะเนี่ย ไม้บรรทัด ดินสอ
ยางลบ ปากกา กระดาษ มาร์กเกอร์ ดินสอสี หลอดสีน้ำ พู่กัน... นี่เธอมาเรียนวาดรูปหรือไงนะ
"กระเป๋า" เธอพูดสั้นๆ ผมรีบกุลีกุจอหยิบกระเป๋าที่ว่าให้เธอ
เธอคลำหาของบางอย่างข้างใน ก่อนที่จะหยิบแว่นสายตากรอบหนาออกมาสวม
"ขอโทษค่ะ ฉันผิดเอง ว่าแล้วเชียวไม่น่าใส่มาเลย ฉันนี่ไม่เหมาะกับคอนแทคต์เลนส์จริงๆ
ด้วย" เธอเงยหน้าขึ้นมา ผมตะลึงไปพักใหญ่... น่ารักจังเลย...
ทำไมไม่รู้ผมถึงได้รู้สึกอย่างนั้น
"คุณคะ... คุณคะ"
ผมตื่นจากภวังค์ รีบคืนของให้เธอ
"เอ่อ... ผมขอโทษจริงๆ ครับที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ" แต่อยากมองตาคุณจังเลย...
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็มัวแต่รีบๆ แล้วเมื่อกี้ลมพัด เลยเอามือขยี้ตาพอดี"
เธอเดินไปแล้ว... ทิ้งให้ผมยืนเหม่อมองตามหลังเธอไปจนลับตา เธอเป็นคนหุ่นท้วมนิดๆ
ดูอบอุ่น หน้ากลมแก้มยุ้ย หน้าตาก็ไม่ได้สวยเด่นอะไรเพราะไม่ได้แต่งหน้า
แถมใส่แว่นกรอบหนาเตอะ ดูเหมือนพวกเด็กเรียน แต่งตัวง่ายๆ เสื้อยืด
มีเสื้อเชิ้ตลายตารางสวมทับ กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ผมยาวผูกเป็นเปีย
2 ข้าง ถือของพะรุงพะรัง
แล้วทำไมผมถึงได้ละสายตาจากเธอไม่ได้ล่ะเนี่ย แถมเสียงหัวใจยัง....
หรือว่า... ผมจะ... ตกหลุมรักเข้าซะแล้ว...
- 12 -
และแล้วผมจึงได้รู้ว่าเธอเรียนห้องเดียวกับผม
เธอนั่งหลบมุมอยู่ริมหน้าต่างแถวหลังสุดของห้องเรียน
"ตรงนี้ว่างมั้ยครับ" ผมเข้าไปทัก เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนหันมามอง
"อ้าว... คุณคนเมื่อกี้..." ผมเข้าไปนั่งข้างๆ เธอทันทีก่อนที่จะมีใครมาแย่ง
"ผมชื่อยามากุจิ ยู เรียกยูก็ได้ครับ"
"ฉันชื่อนากามุระ มิยุกิค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก" เธอหน้าแดงนิดๆ
น่ารักจัง แต่บรรยากาศดูเป็นทางการยังไงพิกล
"ผมนึกว่าคุณเรียนศิลปะซะอีก" ผมเริ่มชวนคุยขณะที่อาจารย์ยังไม่เข้า
"เอ่อ... เมื่อกี้ตอนเก็บของเห็นมีแต่อุปกรณ์วาดรูปน่ะครับ"
"ฉัน... กำลังฝึกวาดการ์ตูนอยู่น่ะค่ะ" เธอตอบอายๆ น่ารักอีกแล้ว
หัวใจผมเต้นโครมคราม ผมอาจจะเคยคุยกับสาวๆ แฟนคลับผมก็จริง แต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้ผมมือไม้สั่นได้ขนาดนี้
เราคุยกันได้ซักพัก อาจารย์ก็เดินเข้ามา ผมหันไปมองหน้าห้อง เห็นสาวๆ
กลุ่มหนึ่งสลายตัวไปนั่งที่ ถึงได้รู้ว่าเจ้ามิยาบินั่งเป็นแม่เหล็กดูดสาวๆ
อยู่ตรงนั้น มันหันมามองผมด้วยสายตาแปลกๆ แม้มันจะมีเพื่อนใหม่มากกว่าผม
แต่พอเห็นสายตาที่มันมองผมกับมิยุกิจังแล้ว รู้สึกสะใจยังไงพิกล
มิยุกิจังนั่งวาดภาพในห้องราวกับไม่สนใจเรียน เธอวาดการ์ตูนได้น่ารักมากเลยทีเดียว
นอกจากจะวาดเร็วจนน่าทึ่งแล้ว ยังวาดออกมาเป็นเรื่องอีกต่างหาก ผมชื่นชมเธอขึ้นมาอีกเป็นกอง
เลิกเรียน เจ้ามิยาบิรีบตรงรี่มาที่ผม
"ยู... ไปทานข้าวกัน" ผมเก็บสมุดลงกระเป๋าทำท่าไม่สนใจ
"มิยุกิจัง ไปหาอะไรกินกันมั้ย" เธอเหลือบมองเจ้ามิยาบิเล็กน้อย
"เธอเป็นใครเหรอ" มิยาบิถามขึ้น
"ฉัน... นากามุระ มิยุกิค่ะ" มิยุกิจังรีบแนะนำตัว
"ผมชื่อจอห์นสตัน มิยาบิ เป็นเพื่อนที่ "สนิทมาก"
ของยู" มันเพูดเน้นชวนขนลุกเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมก็ยังโล่งใจที่มันยังยิ้มให้มิยุกิจังอย่างเป็นมิตรอยู่
"ถ้างั้น... เราไปด้วยกันเลย 3 คนดีมั้ยคะ" มิยุกิจังชวน
อะไรกันเนี่ย... เจ้ามิยาบิ จะคอยเป็นมารชีวิตผมไปถึงไหน
น่าแปลกที่มื้อนั้นที่โรงอาหารกลับดำเนินไปได้ด้วยดี
(เว้นแต่การที่เรากลายเป็นจุดสนใจเหมือนเคย) มิยาบิชวนมิยุกิจังคุยอย่างเป็นมิตร
หลายครั้งที่มันเผาผมซะจนเกรียม อย่างไรก็ตามมิยุกิจังฟังเรื่องของผมอย่างสนุกสนาน
โล่งใจจริงๆ
มิยุกิจังเป็นผู้หญิงหวานๆ ดูหัวอ่อน เรียบร้อย ผิดกับผู้หญิงที่บ้านผมราวฟ้ากับดิน
แต่บ่อยครั้งที่ผมก็รู้สึกราวกับว่าเธอมีโลกส่วนตัวของเธอ และที่ทำให้เธอดูไม่เหมือนใครก็คือ
เธอไม่ทำตัวกรี๊ดกร๊าดใส่ผมอย่างบรรดาแฟนคลับทั้งหลาย (แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบให้ใครมากรี๊ดหรอกนะ)
"ยามากุจิคุง" รุ่นพี่ผู้หญิงหนึ่งในบรรดาผู้ก่อม็อบเมื่อเช้าเดินเข้ามาหา
"หวัดดีครับ รุ่นพี่คาวาอิ" ผมเอ่ยทัก
"อุ๊ยตาย... น่ารักจังเลย จำกันได้ด้วย ไม่ได้เจอตั้งปี พวกเราคิดถึงยามากุจิคุงจังเลย"
ผมหัวเราะเขินๆ รู้สึกแปลกๆ เพราะมีเจ้ามิยาบิกับมิยุกิจังนั่งอยู่ด้วย
เป็นคนดังเนี่ย... ลำบากเหมือนกันแฮะ
"ว่าแต่หนุ่มหล่อคนนี้..." รุ่นพี่เหล่ไปทางมิยาบิ ว่าแล้วเชียว...
ผู้หญิงนี่เห็นคนหล่อแล้วเป็นอย่างนี้ทุกคนเหรอเนี่ย ไม่สิ... มิยุกิจังคนนึงล่ะที่ไม่เป็น
"จอห์สตัน มิยาบิครับ..."
"เขาเป็น..." ผมรีบพูดแทรกก่อนที่เจ้าเพื่อนบ้านตัวดีจะพูดอะไรต่อ
"อ๋อ... ที่ว่ากันว่าเป็นแฟนหนุ่มของยามากุจิคุงใช่มั้ยจ๊ะ"
รุ่นพี่ชิงพูดต่อ
"ไม่ใช่นะครับ" ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธทว่า
"ไม่ต้องห่วงจ๊ะ พวกเรารู้กันหมดแล้ว ถึงแม้จะเสียดาย แต่พวกเราก็เข้าใจยามากุจิคุงนะ
พยายามเข้าล่ะ พวกเราจะเป็นกำลังใจให้" โอย... ผมกุมขมับ ทำไมรุ่นพี่ถึง...
"ขอบคุณครับ" เสียงมิยาบิพูดต่อ
ผมอยากจะมุดดินหนีจริงๆ นี่หมายความว่า เหตุการณ์เมื่อตอนนั้นไม่ใช่แค่รุ่นเดียวกับผมเท่านั้นที่รู้สินะ...
"งั้นไปนะจ๊ะ... อ้อ พอดีพวกเราไปอุดหนุนอัลบั้มรวมภาพของยามากุจิคุงมา
วันหลังช่วยเซ็นชื่อเป็นที่ระลึกให้หน่อยนะ" พูดจบก็ตบไหล่ผมก่อนเดินจากไป
ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ... กลับมาก่อน... มาฟังผมอธิบายก่อน... ฮือๆๆ
เอ๊ะ... เมื่อกี้ได้ยินเหมือนผมใช่มั้ยครับ อัลบั้มรวมภาพ...หมายความว่ายังไงเนี่ย
ของพรรค์นั้นผมไม่มีหรอก และต่อให้ผมภูมิใจใน "ความงาม"
ของตัวเองแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย หรือว่า.... ฝีมือน้องสาวสุดแสบอีกแล้วสินะ
มิน่าล่ะพักนี้ถึงได้ไม่มาป่วน ที่แท้ก็เอาพี่ชายไปทำธุรกิจนี่เอง...
"เอ่อ... ยูคุงกับมิยาบิคุงเนี่ย... เป็นแฟนกันเหรอคะ"
มิยุกิถามขึ้นทำเอาผมสะดุ้งพรวดลุกขึ้นจากโต๊ะ
"ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แน่ๆ และก็ไม่มีวันจะใช่ด้วย" ผมพูดเสียงดังจนทุกคนหันมามองจริงๆ
(รวมคนอื่นที่ไม่ได้สนใจเราแต่แรกด้วย) เกือบไปแล้ว... ก็ยังดีที่อย่างน้อยก็ได้อธิบายให้มิยุกิเข้าใจ
ส่วนเจ้ามิยาบิเงียบจนไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่