Ugly duckling
bishonen
- 7 -
ผมพามิยาบิไปมหาวิทยาลัย T ตามที่แม่ขอร้อง
(สั่ง) เจ้ามิยาบิจากญี่ปุ่นไปนาน คงจะจำถนนหนทางไม่ได้ ดังนั้นมันจึงได้แต่เดินตามผมต้อยๆ
มาตลอดทาง ผมเลี้ยวไหน มันเลี้ยวด้วย เวลาซื้อตั๋วรถไฟ ผมก็ต้องซื้อให้มัน
รู้สึกเหนือกว่ายังไงไม่รู้ ยิ่งตอนที่ออกจากสถานี เห็นหน้าจ๋อยๆ
เหมือนเด็กของมันเวลาต้องฝ่าคนเยอะๆ แล้วสะใจชะมัด มันคงกลัวพลัดกับผม
แววตาเวลาเดินตามผมเหมือนกับจะเรียกชื่อผมตลอดเวลา ฮ่าๆๆๆ นี่ถ้ามันเป็นแบบนี้ทุกวันก็คงดี
ในที่สุดเราก็มาถึงคณะที่อีกไม่นานจะได้เข้ามาเรียน ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองรึเปล่า
แม้จะมีนักศึกษาเดินอยู่ในมหาวิทยาลัยไม่กี่คน แต่รู้สึกเหมือนสายตาทุกคู่จ้องมองมาที่พวกเรา
หรือเพราะความหล่อของผม... ไม่สิของมัน... อืม... เอาเป็นว่าผมกับมันรวมกันดีกว่า
"นั่น... ยูนี่นา" เสียงหนึ่งทักขึ้นแต่ไกล เป็นเสียงที่คุ้นหูยังไงไม่รู้
"รุ่นพี่ซากาอิ" ผมร้องทักตอบอย่างดีใจ ร่างสูงสมส่วนอย่างนักกีฬาวิ่งมาทางผม
"ยังเด่นอยู่เหมือนเดิมเลยนะเรา อยู่ที่ไหนก็เป็นเป้าสายตาคนอื่นได้ตลอด"
รุ่นพี่ทักจนผมเขินๆ "ตอนนี้มหาลัยปิดเทอมอยู่ เรามาทำอะไรน่ะ"
รุ่นพี่หายใจหอบเล็กน้อย แม้อากาศจะเย็นสบายแต่กลับมีเหงื่อผุดพราวไปทั่วร่างสูงใหญ่ของรุ่นพี่
"ผมพาเพื่อนมาดูมหาวิทยาลัยครับ" รุ่นพี่เหลือบมองมิยาบิแวบหนึ่ง
"งั้นเหรอ"
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า แต่ดูบรรยากาศเครียดขึ้นมายังไงพิกล
"เอ่อ... ขอแนะนำนะครับ นี่เพื่อนบ้านสมัยเด็กของผม จอห์นสตัน
มิยาบิ ส่วนทางนี้เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนฉันเอง ซากาอิ มิคามิ"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ทั้งคู่ทักทาย ทั้งคู่ก้มหัวให้กันเล็กน้อย
จากนั้นมิยาบิก็ขอจับมือ ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่รู้สึกบรรยากาศมันเป็นทางการยังไงพิกล
มารู้ตัวอีกทีก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้ามิยาบิตัวร้ายยื่นมือซ้ายให้รุ่นพี่จับ
ผมสะอึก
"คนต่างชาติเหรอ พูดภาษาญี่ปุ่นเก่งนี่"
"คุณแม่เป็นคนญี่ปุ่นครับ แล้วก็... คบกับคนญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็ก"
พูดพลางเหล่มามองผม ทำไมวิธีการพูดแบบนี้... ถึงได้ฟังดูอึดอัดอย่างนี้นะ
"อ้อ... อย่างงั้นหรอกเหรอ"
"เอ่อ... ฉันว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่านะ จะเป็นการรบกวนเวลาของรุ่นพี่รึเปล่าครับ"
ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ไม่หรอก... จริงๆ แล้วฉันกำลังพักอยู่น่ะ วันนี้มาซ้อมบาสแต่เช้า
ว่าแต่นายสนใจจะไปดูชมรมเรารึเปล่า" ผมตาเป็นประกาย พยักหน้าตกลงทันทีโดยไม่สนใจมิยาบิ
ดีเหมือนกัน... ถูกทิ้งซะบ้าง รุ่นพี่ซากาอิเป็นรุ่นพี่ที่ชมรมบาสที่โรงเรียนเก่า
เป็นคนที่ดังมากๆ เพราะนอกจากจะดูดีแล้วยังเล่นบาสเก่งขนาดติดทีมชาติ
เขานี่แหละที่คอยสอนผมเรื่องบาสเก็ตบอลและคอยให้กำลังใจผมทุกครั้งเวลาที่ท้อ
ช่างเป็นรุ่นพี่ที่ใจดีจริงๆ
"เห็นพวกผู้หญิงบอกมาว่านายสอบที่นี่ติด ยินดีด้วยนะ"
"ขอบคุณครับ รุ่นพี่เองก็ไม่ได้แวะไปโรงเรียนตั้งนานนะครับ"
"เรียนหนักน่ะ แถมยังต้องซ้อมแข่งให้กับมหาลัยอีก"
โอโห...เท่ระเบิดไปเลย ถ้าเป็นคนๆ นี้ล่ะก็ เจ้ามิยาบิจะต้องแพ้หลุดลุ่ยแน่ๆ
เพราะพี่ซากาอิเล่นบาสเก่งจนหาตัวจับยาก แข่งที่ไหนก็ชนะหมด ขนาดรอบนั้นมีผมซึ่งเป็นตัวฉุดคะแนนลงเล่นอยู่ด้วยก็ตาม
นอกจากนี้ยังเรียนเก่งมากๆ คอยติวให้น้องๆ ในชมรมเสมอ ไม่เอาตัวรอดเหมือนใครบางคน
ที่สำคัญแค่สูงพอๆ กับเจ้ามิยาบิก็ทำให้ผมรู้สึกชนะมันขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้
"ว่าแต่นายเถอะ... พิธีจบการศึกษาน้ำตาสาวๆ คงท่วมโรงเรียนแน่"
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ" ผมปฏิเสธอย่างเขินๆ ทั้งที่ในใจก็นึกภาพพวกรุ่นน้องร้องไห้ระงมเรียกชื่อผมอยู่
"ดัดจริต" เสียงมิยาบิโพล่งออกมาจนทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่ามีมันร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย
"อะไร" ผมถามอย่างฉุนๆ
"ถ้าเดาไม่ผิด ในใจนายคงคิดภาพเด็กๆ ของนายวิ่งไล่ตามกันวุ่นล่ะไม่ว่า"
ฉึก.... หมอนี่ ไม่รู้ซักเรื่องจะได้มั้ย
"ใครเขาจะหลงตัวเองเหมือนนายกันล่ะ" ผมเถียงใส่เสียงดัง
"เธอสองคนนี่สนิทกันดีนะ" รุ่นพี่ซากาอิหัวเราะ
"กับเจ้านี่เนี่ยนะ" ผมรีบชี้หน้าเจ้าลูกครึ่งทันควัน
ทว่า...
"ยิ่งกว่าที่คุณคิดซะอีก" เจ้ามิยาบิพูดเสียงกวนๆ พลางดึงไหล่ผมเข้าไปกอด
ไอ้หมอนี่.... ต้องเพี้ยนไปแน่ๆ ตั้งแต่กลับมาทำแต่อะไรผิดปกติทั้งนั้น
แต่ที่แย่คราวนี้ก็คือ... ดันทำต่อหน้ารุ่นพี่ซากาอิ
ผมรู้สึกว่าท้องฟ้าทะมึนพิกล ถ้าผมเดาไม่ผิด มิยาบิไม่ถูกชะตารุ่นพี่ซากาอิ
และรุ่นพี่ก็ดูเหมือนจะไม่พอใจมิยาบิอยู่ลึกๆ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือยิ้มให้อยู่
"ปล่อย" ผมผลักมิยาบิออก
"ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ แล้วเจอกันตอนเปิดเทอม" ผมรีบลารุ่นพี่ทั้งที่ใจจริงอยากจะคุยต่อ
เพราะแกคนเดียว... มิยาบิ ผมนึกโกรธ ทั้งๆ ที่หมอนี่เป็นคนต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง
พูดง่ายๆ แสร้งทำตัวเป็นเทพบุตรได้เก่งแท้ๆ แต่กลับเสียมารยาทกับรุ่นพี่แบบนั้น
"ยู... รอด้วยสิ" มิยาบิวิ่งตามมา
เชอะ สงสัยคงกลัวกลับบ้านไม่ถูก ผมยังคงเดินหน้าบูดต่อไป รู้สึกแปลกๆ
ยังไงพิกลที่เจ้านั่นวิ่งไล่ตามพลางเรียกชื่อผมแบบนี้ สงสัยวันนี้ฝนตกแหงๆ
มือใหญ่ๆ ของมิยาบิคว้าคอเสื้อด้านหลังของผม ผมพยายามสะบัดแต่ไม่หลุดเลยตัดสินใจถอดแจ็กเก็ตออก
แล้วเดินต่อไป
"นี่... นายกล้าเดินหนีฉันงั้นเหรอ" เสียงขุ่นเคืองของมิยาบิตะโกนไล่หลังมา
"แล้วทีนายล่ะ กล้าดียังไงมาแกล้งฉันสารพัด กับฉันคนเดียวไม่เท่าไหร่
แต่ทำไมต้องเสียมารยาทกับรุ่นพี่ของฉันด้วย" ผมตะโกนกลับไป
สุดจะทนแล้วนะ...
"ไหนฉันทำอะไร อธิบายมาซิ" ร่างสูงเดินเข้ามาจนผมรู้สึกหงอขึ้นมานิดๆ
"ก็ตอนแรก... นายยื่นมือซ้ายให้รุ่นพี่จับ" ผมหลับหูหลับตาเถียงทั้งที่รู้สึกกลัว
"ก็ฉันไม่ชอบหน้ามันนี่"
หนอย... ผมกัดปากตัวเองอย่างคับแค้น เหตุผลที่ฟังขึ้นกว่านี้มีมั้ย
"ดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าหมอนั่นจะมาไม้ไหนกับนาย"
"หมายความว่ายังไง"
"จะบอกอะไรให้นะ ระวังรุ่นพี่ของนายไว้เถอะ เขาไม่ไช่คนดีนักหรอก"
"หนอย..." ผมชักเหลืออด หมอนี่น่ะไม่รู้อะไรเลยแท้ๆ เพิ่งเจอกันครั้งแรกด้วยซ้ำ
กล้าดียังไงมาว่ารุ่นพี่ซากาอิแบบนี้ "จะบอกอะไรให้นะ รุ่นพี่ซากาอิน่ะ
ดีกว่านายเป็นร้อยเท่าเลย"
ผมวิ่งหนีไปจากตรงนั้นด้วยอารมณ์โกรธสุดๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้โกรธขนาดนั้น
ทั้งที่ก็น่าจะรู้ว่าเจ้านั่นมันนิสัยไม่ดีอยู่แล้ว ดี... งั้นก็กลับบ้านเองก็แล้วกัน
หัวดีไม่ใช่เหรอ น่าจะกลับถูกนะ
ผมนึกแช่งในใจว่าขอให้หลง ในขณะที่ตัวเองก็วิ่งออกมาอย่างไม่มีจุดหมาย
- 8 -
ผมเตร็ดเตร่ในเมืองจนกระทั่งมืด จึงกลับบ้าน
ระหว่างทางอดนึกเป็นห่วงเจ้านั่นขึ้นมาไม่ได้ ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอะไรนี่นา
ก็แค่ปากเสีย... ทำไมผมต้องโกรธขนาดนั้นด้วยนะ มันก็น่าจะโกรธอยู่หรอก
ความเกลียดหมอนั่นของผมมันสะสมมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วนี่ จะว่าไป
สำหรับผม ไม่ว่าจะทำอะไรหมอนั่นก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด
"ยูจัง" เสียงเจื้อยแจ้วของยุกิโกะดังมาแต่ไกลทั้งที่ผมยังไม่ได้เข้าบ้าน
"ไปเที่ยวกับมิตจังมาสนุกมั้ย... น่าจะบอกกันให้เร็วกว่านี้หน่อยฉันจะได้ไม่ไปบ้านเพื่อน"
ผมทำหน้าเซ็งโลกสุดฤทธิ์ เพราะโกรธมิยาบิจึงได้พาลไม่อยากคุยกับยุกิโกะไปด้วย
ยุกิโกะวิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลัง
"อ้าว... แล้วมิตจังไม่ได้กลับมาด้วยเหรอ"
"หมอนั่นไม่ได้กลับมาแล้วหรอกเหรอ" น่าแปลก... คนหัวดีอย่างเจ้ามิยาบิน่าจะกลับบ้านถูกนี่นา
"ยังนี่... นี่ยังคุยกับแม่อยู่เลยว่าป่านนี้พี่พามิตจังไปฉลองที่ไหนอยู่ก็ไม่รู้"
ผมหน้าซีด จริงสิ... จะว่าไปเจ้าหมอนั่นตอนอยู่ญี่ปุ่นเคยขึ้นรถไฟซะที่ไหนกัน
โรงเรียนประถมก็อยู่ใกล้บ้านแค่เดินก็ถึง แถมบ้านมันก็มีรถไม่เห็นเคยพาลูกขึ้นรถไฟเวลาไปเที่ยวไหนเลย
แต่... ที่อเมริกาก็น่าจะมีไม่ใช่เหรอ...
เดี๋ยวก่อนๆ หรือว่า... มันจะอ่านคันจิชื่อสถานีไม่ออก เลยลงไม่ถูก...
ตายล่ะ ป่านนี้ไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ถึงแม้ชื่อสถานีจะมีตัวอักษรโรมันบอก
แต่ก็ไม่ค่อยเด่น
ไม่ได้การ...
"ยุกิโกะ... บอกแม่ว่าเดี๋ยวพี่กลับมาใหม่นะ" ผมวิ่งออกไปอีกรอบ
"เดี๋ยว... ยูจัง... จะไปไหน ฉันไปด้วยคนสิ"
ที่ที่ผมจะไปคือมหาวิทยาลัย ใช่แล้ว... เราควรเริ่มจากที่เดิมก่อน
ยุกิโกะวิ่งตามหลังผมมาติดๆ
"ที่นี่เหรอ มหาลัย T ป่านนี้แล้วจะเข้าได้อีกเหรอ" ยุกิโกะทำหน้าทึ่งๆ
"อืม... มหาลัยไม่ปิดรั้วหรอก เพราะไม่งั้นพวกนักศึกษาปริญญาโทปริญญาเอกที่ต้องใช้ห้องวิจัยตลอดจะเข้าไม่ได้"
ผมพูดอย่างอวดรู้
"งั้น แยกย้ายกันหาดีมั้ย แล้วมาเจอกันตรงนี้นะยูจัง"
เราแยกกันหา ผมไปตามทางเดิมที่เมื่อเช้าเดินมา ตลอดทางนอกจากจะเงียบกริบแล้ว
ยังมืดสนิทอีกด้วย ผมหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอซักที หาไปก็สับสนไป นี่เราจะหาเจ้านั่นไปเพื่ออะไร...
ถ้ามันไม่อยู่ซะคน โลกนี้คงเงียบสงบราวกับสวรรค์ แต่ว่า... ถ้าผมเป็นต้นเหตุให้เจ้านั่นหายตัวไปล่ะก็
คนที่โดนเล่นงานก็คือผม พูดง่ายๆ ก็คือ โดนทั้งขึ้นทั้งร่อง มันอยู่ผมก็โดนแกล้ง
มันไม่อยู่ผมจะโดนผู้ใหญ่ด่า
ผมเดินจนเหนื่อย นั่งพักที่ตรงใกล้ๆ พุ่มไม้ที่มีเสาไฟส่องถึง จึงได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วๆ
อยู่ เหมือนเสียงสะอื้น... หรือว่าเจ้ามิยาบิ... มันร้องไห้อยู่งั้นเหรอ...
ไม่น่าเป็นไปได้ แอบดูหน่อยดีกว่า ผมมองข้ามพุ่มไม้ที่กำบังตัวผมอยู่
ถึงได้รู้ว่าคนที่ร้องไห้อยู่น่ะ ยัยยุกิโกะน้องสาวผมเอง
หนอยแน่ะ เจอตัวมิยาบิแล้วมาจู๋จี๋กันก่อนกลับบ้านงั้นเหรอ เอ...
หรือว่ากำลังวางแผนอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย
"ยูจังใจร้าย..." ยัยนั่นกำลังซบไหล่เจ้ามิยาบิคร่ำครวญอะไรบางอย่างอยู่
"ทำไมถึงไม่สงสารมิตจังบ้างนะ มิตจังน่ะ อุตส่าห์มีแต่ยูจังคนเดียวมาตลอด
6 ปีแท้ๆ"
เฮ้ย... คุยกันเรื่องอะไรเนี่ย มีผมเข้าไปอยู่ด้วย 6 ปีอะไรกันไม่เห็นรู้เรื่อง
ที่สำคัญคนที่น่าสงสารน่ะ ต้องเป็นผมต่างหาก
"ช่วยไม่ได้นี่นะ พี่ก็ดันเป็นประเภทชอบแกล้งคนที่ตัวเองชอบซะด้วย
ถ้าเขาจะเข้าใจผิดก็ช่วยไม่ได้" กึ๋ย... ผมขนลุกซู่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่...
ขออย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย หรือว่า... หมายความว่า... หมายความว่า...
ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริงเด็ดๆ จะเป็นไปได้ยังไง ก็ตอนเด็กๆ ผมน่ะหน้าตาไม่เป็นที่รักของใครๆ
เลยนี่นา แถมตอนจากกันกับหมอนั่นน่ะ... ผมอยู่ในช่วงที่น่าเกลียดที่สุดของชีวิตด้วยซ้ำ
ตัวเตี้ยที่สุดในห้อง อ้วนฉุ สิวเกรอะเต็มหน้า เจ้ามิยาบิมันต้องเล่นละครอยู่แหง...
ยุกิโกะจัง... อย่าไปเชื่อมันนะ ผมอยากตะโกนออกไปจริงๆ แต่ทว่า
"ไม่เป็นไรนะ มิตจัง ยุ๊กโกะจะเป็นกำลังใจให้มิตจังเสมอ จะทำทุกวิถีทางให้ยูจังเป็นของมิตจังให้ได้"
ยัยนั่นทำเสียงยืนยันหนักแน่น แถมยังทำท่าพลังกลับคืนมาอีกด้วย
"งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ"
"จริงด้วย กลับไปวางแผนตกยูจังกันเถอะ... กรี๊ด.. แค่คิดก็สนุกแล้ว"
ผมรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมายังไงไม่รู้
โอ... สวรรค์ จะแกล้งผมไปถึงไหนกันครับนี่ ผมตัวแข็งเป็นท่อนหินประดับพุ่มไม้ไปแล้ว
ไม่นึกเลย... ว่าน้องสาวจะยกความเป็นชายของพี่ตัวเองให้กับเพื่อนผู้ชายได้ง่ายดายขนาดนี้
แถมยังหาว่าผมเป็นปลาอีก... ฮือ... ไม่อยากกลับบ้านเลย