Ugly duckling
bishonen
-15 -
เช้าวันต่อมาผมกลับมาอยู่ที่ห้องนอนตัวเองได้อย่างไรก็ไม่รู้
แต่พอเดาได้ว่าบางทีเจ้ามิยาบิอาจจะโทรให้ยุกิโกะลงมาเปิดประตูให้
แล้วพาผมกลับมา เพราะพ่อกับแม่ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องที่ผมไปนอนบ้านมัน
มิยุกิจังยังคงมาเรียนตามปกติ ทว่าดูท่าทางไม่สดชื่นเท่าไหร่นัก
"มิยุกิจัง คบกับผมนะ" ผมเดินเข้าไปบอก เรียกสติของมิยุกิจังซึ่งท่าทางเลื่อนลอยจากเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อวานกลับคืนมาได้บ้าง
"แต่ว่า... ถ้าทำอย่างนั้น..." มิยุกิจังทำท่าจะเถียง
"ที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เป็นเพราะผมไม่คบกับมิยุกิจังอย่างจริงจัง
ทุกคนเลยไม่มีใครเกรงใจมิยุกิจัง แต่ถ้ามิยุกิจังมาเป็นแฟนผม ทุกคนอาจจะยอมเข้าใจใช่มั้ย...
อีกอย่างผมอยากปกป้องมิยุกิจังจริงๆ"
"แต่ยูคุง... ชอบผู้หญิงอย่างฉันเหรอ" เธอน้ำตาคลอ "ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีซักอย่าง
อ้วนก็อ้วน สายตาสั้นใส่แว่นหนา แต่งตัวเชยๆ หน้าไม่แต่ง เอาแต่เก็บตัววาดรูปอยู่คนเดียว...
ผู้หญิงแบบนี้จะเหมาะกับคนอย่างยูคุงงั้นเหรอ"
ผมฟังแล้วอยากร้องไห้ตาม เธออาจจะเป็นอย่างที่พูดมาก็จริง แต่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้เห็นว่าทั้งหมดนี่เป็นสิ่งที่น่ารักน่าทะนุถนอมไปได้
"แน่นอนสิ มิยุกิจังไม่ว่าจะอ้วนหรือจะผอม ยังไงก็คือมิยุกิจังที่ผมชอบตั้งแต่แรกเห็น"
ผมพูดพลางเข้าไปโอบไหล่ของเธอ เอ... ว่าแต่คำพูดทำนองนี้... มันคุ้นหูยังไงพิกล
"ฉันก็ชอบยูคุงนะ ยูคุงเป็นคนเดียวที่ยอมคบกับฉัน ทั้งๆ ที่คิดมาตลอดว่าต่อให้เข้ามหาวิทยาลัย
เจอเพื่อนใหม่ๆ แต่ก็คงไม่มีใครสนใจฉันเหมือนเคยแท้ๆ" เธอกอดผมตอบ
รู้สึกดีใจจังเลย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะมีใจให้ผมเหมือนกัน
เย็นวันนั้น เป็นครั้งแรกที่ผมนัดพบบรรดาแฟนคลับของผม
ผมยึดห้องบรรยายที่ดูเล็กลงไปถนัดตาหลังจากที่สาวๆ ค่อยๆ ทะยอยเข้ามาจนเต็ม
อืม... นี่ถ้าเป็นชั่วโมงเรียน อาจารย์ที่สอนคงดีใจไม่น้อย
"เอาล่ะครับ ซากุระทุกคน..." ผมพยายามพูดอย่างสุภาพที่สุด
"เนื่องจากเกิดเรื่องเลวร้ายบางอย่างกับคนสำคัญของผม... ทั้ง
2 คน" แล้วทำไมถึงต้องมีเจ้ามิยาบิเข้ามาเอี่ยวด้วยนะ
"ผมจึงเห็นว่าวันนี้เราต้องมานั่งจับเข่าคุยกันซักที"
สาวๆ ทุกคนนั่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อย มองผมอย่างตั้งใจฟัง
"ตามที่ทุกคนได้ทราบกันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับมิยุกิจัง บัดนี้ก็ยังหาต้นเหตุของเรื่องไม่ได้
และผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าซากุระของผมทุกคนต่างก็มีจิตสำนึกที่ดีกันทั้งนั้น
ตอนนี้ผมจะยังไม่เชื่อว่าจะมีใครซักคนในที่นี้เป็นคนผิด และผมก็หวังว่าจะไม่มีด้วย
อย่างไรก็ตามผมจะผิดหวังมากที่สุดก็คือ ถ้าซักวันนึงรู้ว่าใครซักคนในที่นี้เป็นคนทำ
แต่ไม่ยอมรับผิด ผมไม่ได้ต้องการการชดใช้ใดๆ เพียงแต่อยากได้รับคำขอโทษ
สำหรับมิยุกิจัง และมิยาบิคุง เพื่อนของผม ผมต้องการจะพูดเพียงเท่านี้แหละครับ"
พูดจบเสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราวพร้อมกับเสียงกรี๊ดกร๊าดที่คุ้นเคย
"กรี๊ด.... ยามากุจิคุงเท่จังเลย"
"ยามากุจิคุงน่ารักที่สุด..."
"ยามากุจิคุงพูดเก่งจังเลย"
"ไม่ได้ยินสุนทรพจน์ของยามากุจิคุงมาตั้งนานแล้ว... คิดถึงจัง"
ผมเริ่มเหงื่อตก... แบบนี้จะได้ผลรึเปล่านะ
"ยามากุจิคุง... ขอพูดอะไรหน่อยสิจ๊ะ" เสียงหนึ่งจากกลุ่มชุมนุม
(?) ดังขึ้นฝ่าเสียงกรีดร้องเกรียวกราว
"เชิญครับ" ผมเรียกเธอขึ้นมา "อ้อ... รุ่นพี่คาวาอินี่เอง"
"อุ๊ยตาย... หนวกหูขนาดนี้ยังอุตส่าห์ได้ยิน สมกับเป็นยามากุจิคุงจริงๆ"
รุ่นพี่แซวขณะที่เดินออกมาข้างหน้า
"ยามากุจิคุงใจดีจัง ไม่เหมือนจอห์นสตันคุงเลย" ผมหูผึ่ง
แน่นอน... ผมน่ะ ให้ความสำคัญกับแฟนคลับผมเสมอ ไม่ว่าเขาหรือเธอจะเป็นส่วนเล็กน้อยที่สุดในสังคมก็ตาม
ไม่เหมือนคนเย็นชากับคนอื่นที่ไม่มีผลประโยชน์ให้กับตัวเองอย่างเจ้ามิยาบิมันหรอก...
แต่จะว่าไปมันก็อุตส่าห์ช่วยมิยุกิจังแฮะ
"ฉันคาวาอิ ฮารุนะ ในฐานะของประธานแฟนคลับรุ่นที่ 2 ของยามากุจิคุง
อยากจะอธิบายซักนิดค่ะว่า พวกเราไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
อีกอย่างพวกเราไม่เคยมีเจตนาจะทำร้ายจอห์นสตัน มิยาบิคุงคนรักของยามากุจิคุงด้วย"
ผมสะอึก เฮ้ย... ไม่ใช่นะ ทำไมไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือๆ...
"ส่วนกรณีของนางสาวนากามุระ มิยุกินั้น พวกเราทุกคนยอมรับว่านึกหมั่นไส้และอิจฉาผู้หญิงคนนี้ที่บังอาจสนิทสนมกับยามากุจิคุงของพวกเรา
แต่พวกเรามั่นใจว่าเธอจะเป็นได้แค่เพื่อนของยามากุจิคุงเท่านั้น"
ผมสะอึกอีกรอบ ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ผมคงพูดเรื่องที่ผมคบกับมิยุกิจังไม่ได้สินะ
"อีกอย่าง เพื่อเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ พวกเราจะช่วยกันสืบเบาะแสของคนร้ายให้เจอ
เพราะว่าเรื่องแบบนี้ถือเป็นคดีอาญา เป็นผลเสียต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยด้วย
ดังนั้นขอให้เชื่อใจพวกเรา พวกเราจะช่วยยามากุจิคุงหาคนร้ายอีกแรง"
โอ... ซึ้งเหลือเกิน ผมน้ำตาจะไหล "ขอบคุณจริงๆ ครับ"
"รุ่นพี่คาวาอิ เท่ไปเลย..."
"ฉันจะช่วยอีกแรงค่ะ"
"สมแล้วที่ได้รับเลือกเป็นประธานแฟนคลับ"
"กรี๊ด... คาวาอิซัง"
"เอาล่ะค่ะ... ในเมื่อยามากุจิคุงจบธุระแล้ว ฉันคงต้องขออนุญาตใช้เวลาที่เหลือตรงนี้ประกาศขายแฟนฟิกชั่นของยามากุจิคุงเรื่องใหม่ค่ะ
ใครอยากได้ให้ลงชื่อที่โต๊ะด้านหลังนะคะ"
ผมแทบลมจับ... นอกจากสมุดรวมภาพแล้ว ยังมีแฟนฟิกชั่นอีกเหรอเนี่ย
ผู้หญิงนะผู้หญิง...หลังจากนั้นผมก็ติดแจกลายเซ็นอีกเป็นชั่วโมง...
โธ่... เวรกรรมของคนหล่อ
- 16 -
ที่ชมรมบาสเก็ตบอลช่วงนี้กำลังฝึกหนัก
"อีกไม่นานจะมีการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยด้วยกัน ถึงแม้จะไม่ใช่งานใหญ่โตอะไรนัก
แต่ก็หวังว่างานนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งในประสบการณ์ของพวกเราทุกคน ดังนั้นในสัปดาห์นี้จะมีการเก็บคะแนนเพื่อคัดเลือกคนที่จะได้ร่วมแข่ง
ขอให้ทุกคนตั้งใจซ้อมกันด้วย" ประธานชมรมประกาศ นี่เองเป็นสาเหตุให้ผมต้องยืดเวลาซ้อมไปถึงตอนค่ำ
ส่วนมิยุกิจังและกลุ่มสาวๆ ที่มาเชียร์ก็ถูกกันไม่ให้เข้ามารบกวนสมาธิ
"ยามากุจิคุง" เสียงรุ่นพี่ซากาอิดังไล่หลังมาขณะที่ผมกำลังออกจากห้องแต่งตัว
"ครับ" ผมหันไปมอง เจ้ามิยาบิที่เดินอยู่ข้างๆ แสดงปฏิกิริยาไม่พอใจเล็กน้อย
แต่ผมขี้เกียจจะสนใจแล้วล่ะ
"ขอคุยด้วยเดี๋ยวสิ" รุ่นพี่พูดพลางหันไปชำเลืองมิยาบิ
ดูเหมือนเจ้านั่นจะเข้าใจ
"งั้นฉันไปรอที่หน้าคณะแล้วกัน ให้เวลา 5 นาที" มันสั่งราวกับผมจะยอมทำตามงั้นแหละ
"เรื่องที่จะแข่งน่ะ... ฉันอยากให้นายพยายามกว่านี้อีกนิด"
"ผมก็พยายามเต็มที่ทุกครั้งอยู่แล้วนี่ครับ" รุ่นพี่ทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย
ก่อนจะพูดออกมา
"เอ่อ... พอดีฉันเสนอชื่อนายเป็นตัวจริงด้วยน่ะ" ผมทำตาโต
ด้วยความประหลาดใจ
"แต่ผม... ฝีมือแย่ที่สุดเลยไม่ใช่เหรอครับ เกรงว่า..."
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มันเป็นแผนการทางการตลาดเล็กน้อย"
เอ๊ะ... ยังไง... จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยจะชอบแบบนี้ซักเท่าไหร่ คนอื่นที่เขาเล่นดีกว่าผม
และซ้อมมากกว่าผมมีออกเยอะ ที่สำคัญชมรมของเราก็มีสมาชิกมากมาย ไม่เหมือนเมื่อตอนมัธยมที่แม้จะเล่นห่วยแค่ไหนก็ต้องลงให้คนครบ
"คือว่า คราวนี้มหาวิทยาลัยเราเป็นเจ้าภาพ ถ้านายลงเล่นเป็นตัวจริงล่ะก็
เราน่าจะขายบัตรได้เยอะ" โห... คิดได้ยังไงเนี่ย
"แล้วรุ่นพี่แน่ใจได้ยังไงล่ะครับ"
"ก็ดูจากคนที่มาเชียร์นาย แล้วไหนจะสาวๆ แฟนคลับของนายอีก"
ผมนิ่งไปนิดหนึ่ง
"พูดกันตรงๆ ก็คือ... ผมไม่ค่อยจะชอบวิธีแบบนี้ซักเท่าไหร่"
มันแน่ล่ะ ความชื่นชมในตัวผมตลอด 6 ปีที่ผ่านมานี่ ผมไม่อยากให้ใครเอาไปใช้ในทางธุรกิจ
ถ้าผมเป็นดาราก็ว่าไปอย่าง
"ช่วยหน่อยเถอะนะ... ฉันจะติวเข้มให้นายเอง คราวนี้ถ้าขายบัตรได้เยอะล่ะก็
รายได้ส่วนหนึ่งจะเป็นงบสนับสนุนของทางชมรมด้วย"
"งั้นเหรอครับ..." ผมยิ้มแห้งๆ อ้อ... จริงสิ "ถ้าอย่างนั้นผมคิดว่ามิยาบิก็น่าจะได้ลงเป็นตัวจริงด้วยนะครับ
เขาตัวสูงกว่าผม การเคลื่อนไหวดีกว่าผม อีกอย่าง หมอนั่นหัวดีจะตาย
ถ้าซ้อมอีกหน่อยคงจะได้เรื่องเทคนิคต่างๆ เผลอๆ จะเก่งกว่าผมซึ่งเล่นมาตลอด
6 ปี ด้วยซ้ำ ที่สำคัญ... จริงๆ แล้วหมอนั่นก็มีคนมาชอบเยอะจะตาย"
"นั่นสินะ" รุ่นพี่ทำหน้าลำบากใจ จริงสิ... ผมไม่น่าโง่เล้ย...
ก็สองคนนี้เขาไม่ถูกกันอยู่นี่นา แต่ถ้าการตัดสินขึ้นอยู่กับความรู้สึกส่วนตัวล่ะก็
มันก็ไม่แฟร์ใช่ม้า
"จะลองพิจารณาดูนะ" รุ่นพี่ตอบ
"ขอบคุณครับ" ผมโค้งอย่างดีใจ ว่าแต่... ทำไมจะต้องก้มหัวเพื่อมันด้วยล่ะเนี่ย...
ผมดูนาฬิกา
"แย่ล่ะ ผมต้องไปแล้ว ป่านนี้เจ้ามิยาบิรอแงกแล้วล่ะครับ"
พูดจบผมก็แยกตัวออกมา
ระยะนี้ฝนตกแทบทุกวันเลย ไม่มีปีไหนที่ผมเกลียดฝนเท่าปีนี้มาก่อน
ทำไมน่ะเหรอครับ... เพราะมันเป็นอุปสรรคในการเดทของผมกับมิยุกิจังน่ะสิ
"ไม่เป็นไรหรอก ยูคุง... จะว่าไปช่วงนี้พวกเราก็ต้องทำรายงานส่งกันไม่ใช่เหรอ"
มิยุกิจังที่แสนน่ารักพูดปลอบใจอยู่เรื่อยๆ
"แต่ว่า... ช่วงนี้พวกเราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันซักเท่าไหร่เลยนะ"
ผมตัดพ้อ จะว่าไปต้นเหตุก็คือการต้องซ้อมบาสจนถึงเย็นนั่นแหละครับ
เธอนิ่งคิดครู่หนึ่ง
"เอ...ที่บ้านยูคุงเนี่ย มีคอมพิวเตอร์สินะ"
"แน่นอนอยู่แล้ว ทำไมเหรอ" เพียงแต่คอมพิวเตอร์ที่ว่าเนี่ย
อยู่ในห้องยัยยุกิโกะน่ะสิ
"งั้นดีเลย วันเสาร์อาทิตย์นี้ฉันไปทำรายงานที่บ้านยูคุงดีกว่า"
โอ... สวรรค์ ขอบคุณคร้าบ... นานๆ ท่านจะประธานเรื่องดีๆ มาให้ผม
เป็นอันว่าผมมีนัดกับมิยุกิจังที่บ้านวันเสาร์นี้ ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นไปกว่านี้อีกแล้ว
ผมรีบเคลียร์ทุกอย่างที่น่าจะเป็นอุปสรรคความรักของพวกเราออกไปให้หมด
นั่นก็คือรูปถ่ายตอนเด็กๆ ที่แสนน่าเกลียดของผม นอกจากนี้...
"วันเสาร์อาทิตย์นี้ หนูจะไปค้างบ้านคานะจังนะคะ" ว้าว...
อุปสรรคตัวใหญ่ก็ไม่อยู่ ช่างเป็นสุดสัปดาห์ที่น่าจะวิเศษจริงๆ ทว่า...
ความจริงนั้นช่างโหดร้ายนัก
ผมวิ่งลงมาเปิดประตูอย่างลิงโลดหลังจากเสียงออดดังขึ้น ทว่า... มิยุกิจังเดินเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว
เป็นไปได้ยังไง... ก็ที่บ้าน... ไม่มีใครอยู่ตั้งแต่เช้าแล้วนี่นา
"รบกวนหน่อยนะจ๊ะ ยูคุง" มิยุกิอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ตามสไตล์ของเธอ
ถือกระเป๋าผ้าซึ่งใส่อะไรต่อมิอะไรมากมายมาจนตุง ซึ่งเธอมันจะเรียกบ่อยๆ
ว่า "กระเป๋าป้า"
"ยูจังจะมีเพื่อนมาก็ไม่บอก น่าสงสัยจริงๆ นะ" ไม่จริง...
เสียงน่ารำคาญรูหูแบบนี้
"ไหนเธอบอกว่าไปบ้านเพื่อนไง" ผมตะลึงเมื่อเห็นน้องสาวตัวเองอยู่ในชุดกางเกงผ้ายืด
ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะออกไปไหน
"ยกเลิกไปแล้ว ตอนแรกนัดกันไปแต่งคอสเพลย์ในเมือง แต่ว่าท่าทางฝนจะตก
ฤกษ์ไม่ดี เลยไว้คราวหน้า" โธ่เอ๊ย... แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้นะ
ผมเริ่มฮึดฮัดขึ้นมา
"ว่าแต่... นี่ใช่มิยุกิจังที่เขาลือกันรึเปล่าเนี่ย สวัสดีค่ะ
ฉันชื่อยุกิโกะ เป็นน้องสาวตาบ๊องนี่เองค่ะ" ยัยตัวแสบหันไปยิ้มหวานแนะนำตัว
ปฏิกิริยาแบบนี้มัน... น่ากลัวชะมัด
"นากามุระ มิยุกิค่ะ"
"แฟนฉันเอง" ผมรีบเสริม ยุกิโกะทำหน้าตะลึงพรึงเพริดสุดฤทธิ์
ทำตาโต อ้าปกาหวอ... ถึงจะเป็นคนสวยแต่ปฏิกิริยาแบบนี้มัน... ตลกชะมัด
พอตั้งสติได้ก็มองมิยุกิจังตั้งแต่หัวจรดเท้า
เฮ้ย... เสียมารยาทจริง เจ้าน้องคนนี้ ผมรู้สึกอึดอัดยังไงก็ไม่รู้
"มิตจังรู้รึยัง" ยัยนั่นถามห้วนๆ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้ามิยาบิด้วยเล่า
"รู้แล้ว" ผมก็ตอบห้วนๆ กลับไป
"ไม่จริง... ทำไมมิตจังไม่เล่าให้ฉันฟังเลยล่ะ" ผมไม่ตอบ
ตอนนี้รู้สึกสงสารมิยุกิจังมากกว่า ท่าทางทำอะไรไม่ถูก
"เอ่อ... ผมว่าเราขึ้นข้างบนกันเถอะนะ" มิยุกิจังพยักหน้าหงึก
ก่อนที่จะเดินตามผมขึ้นบันไดมา ทว่า
"ช้าก่อน นากามุระซัง..." เสียงอันแสบแก้วหูของยุกิโกะทำเอามิยุกิจังของผมสะดุ้งเฮือก
"เธอเป็นแฟนสาวของคุณพี่ยูจังสินะ" อะ...อะ... อะไรกัน
ไอ้การเรียกที่ไม่คุ้นหูนั่น มิยุกิจังมองหน้าผมก่อนพยักหน้าหงึก
"เธอชอบคุณพี่ของฉันงั้นเหรอ" ผมขนลุกไปทั้งตัว อย่ามาเรียกกันแบบนี้ได้มั้ย
มันสยองยังไงพิกล หงึก... เธอพยักหน้าตอบอีก
"แล้วชอบคุณพี่ของฉันตรงไหน"
"ใจดี... แล้วก็เป็นคนดี..." มิยุกิจังตอบเสียงอ่อยๆ
"แล้วคิดจริงจังแค่ไหน จะแต่งงานรึเปล่า" คราวนี้มิยุกิจังอึกอักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า
"คือ... นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ฉันยังไม่คิดถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ"
"ดี" ยุกิโกะตรงเข้ามาลากมิยุกิวิ่งเข้าห้องนอนตัวเองไป
"งั้นมาทางนี้" ยัยนั่นกระแทกผมดังปึ่กจนผมแทบตกบันได
ผู้หญิงอะไร แรงกระบือชะมัด
"เดี๋ยวก่อน ยุกิโกะ... จะทำอะไรมิยุกิจังน่ะ" ผมวิ่งตามหลังไปแต่ไม่ทัน
ยัยนั่นปิดห้องลงกลอนซะก่อน ผมเคาะประตูเรียกอยู่พักใหญ่ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักออกมา
โอย... อะไรกันเนี่ย ผมนั่งพิงประตู
"มาดูนี่สิ... เนี่ยตอนยูจังอยู่ชั้นประถม" ผมหูผึ่ง ตายล่ะ...
นี่เอารูปตอนเด็กๆ ของผมออกมาประจานเหรอเนี่ย
"นี่ตอนป.3 ดูสิ... ฟันหลอด้วย" พูดจบก็มีเสียงหัวเราะคิกคักออกมาอีก
โธ่... น้องเราเผาเรือนซะแล้ว
ผมเดินคอตกลงมานั่งข้างล่าง ซักพักทั้งคู่ก็เดินลงมา
"ยูจัง... ดูนี่สิ" ยุกิโกะตะโกนเรียกลั่นบ้าน มีมิยุกิจังเดินแอบมาข้างหลัง
"ไมต้องอายหรอกน่า... มาให้ยูจังดูหน่อย" ยุกิโกะดึงแขนมิยุกิจังออกมา
มิยุกิจังในตอนนี้ถูกยัยยุกิโกะแปลงโฉมไปเรียบร้อยแล้ว จากเสื้อยืดกางเกงยีนส์เมื่อครู่
กลายเป็นเสื้อเชิ้ตคอกว้าง กับกระโปรงลายดอกสีชมพูสลับม่วง แล้วยังปล่อยผม
แต่งหน้าอ่อนๆ อีกด้วย ผมถึงกับตะลึงไปครู่ใหญ่ ส่วนมิยุกิจังก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึง
"น่ารักใช่ม้า... เนี่ย ถ้าลดเอวได้อีกนิดนะ จะจับแต่งให้สวยกว่านี้อีก"
ยุกิโกะยิ้มอย่างภาคภูมิใจ จะว่าน่ารักขึ้นก็ใช่อยู่หรอก แม้ผมจะใช้เวลายืนตะลึงไปกับรูปลักษณ์ใหม่ของมิยุกิจังถึง
3 นาทีเต็มๆ แต่ทำไมนะ ถึงไม่รู้สึกดีใจเลย หนำซ้ำกลับรู้สึกแปลกๆ
หัวใจไม่เต้นตึกๆ เหมือนเคย ที่สำคัญ... ยัยน้องสาวผมมันตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ
ไม่น่าไว้ใจเลยแม้แต่น้อย
"เอ้า... กลับไปเปลี่ยนชุดเถอะ ต่อให้สวยแค่ไหนยูจังก็ไม่สนจริงมะ"
ยุกิโกะเริ่มปากเสีย
"เพราะยูจังน่ะ คงไม่ชอบผู้หญิงช่างแต่งตัวหรอก" พูดจบก็หันมาขยิบตาให้
ผมรู้สึกเหมือนโดนแทงใจดำ ค่อยยังชั่ว... นึกว่าจะพูดอะไรแย่ๆ ออกมาซะอีก