Ugly duckling
bishonen
- 3 -
"ซุ่มซ่ามเหมือนเดิมนะ" เจ้าของเสียงตรงประตูเป็นเด็กวัยรุ่นผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับผม
ตัวสูงจนต้องก้มหัวหลบขอบประตูขณะที่เดินเข้ามา ผิวสีแทน ผมสีทองอร่าม
ตาสีฟ้าเป็นประกายเจิดจรัส ริมฝีปากบางเฉียบ ไหล่กว้าง หุ่นดีชะมัด
"ม.... มิยาบิ?" ผมจ้องตาไม่กระพริบ น.... นี่หมายความว่า
ตลอด 6 ปีเต็มๆ ที่ผมเฝ้าเพียรพยายามมา ไม่มีความหมายเลยงั้นเหรอ
ความอิจฉาเดิมๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
"ยุกิโกะบอกว่านายหล่อขึ้น... ฉันไม่เห็นว่านายจะดูดีขึ้นตรงไหนเลย
เมื่อก่อนยังน่ารักกว่านี้เป็นกอง" น้ำเสียงยียวนกวนประสาทแบบนี้
ไม่ผิดแน่ มิยาบิเพื่อนสมัยเด็กของผม ผมทำหน้าบึ้ง
"ไม่เจอกันตั้งหลายปี นิสัยไม่ได้ดีขึ้นเลยนะนาย" ผมปัดผงเศษแก้วออกจากมือ
ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกจากห้อง ทว่าเขากลับดึงแขนผมเข้าไปหา แล้วก็....
"อื้อ...." ผมพยายามส่งเสียงด้วยความอึดอัด
"ว้าย... มิยาบิจัง... ยูคุง... ทำอะไรกันน่ะ" เสียงไม่แม่ผมก็แม่ตานั่นแหละครับ
(ฟังไม่ถนัด) ดังขึ้น ผมได้โอกาสรีบผลักเขาออกไป พลางเช็คปากตัวเองให้วุ่น
"ก็แค่จูบทักทายน่ะครับ" หมอนั่นตอบทันควัน
"แหม... เล่นอะไรก็ไม่รู้ ยูคุงเขาไม่ชิน ดูสิเขินหน้าแดงแป๊ดเลย"
แม่มิยาบิทำเสียงปราม เขินหน้าแดงแป๊ดอะไรกัน.... โกรธจนหน้าเขียวอยู่ต่างหาก
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มิยาบิคุงคงยังไม่ชินกับวัฒนธรรมที่นี่ แหม...
ก็ไปอยู่อเมริกามาตั้ง 6 ปีนี่เนอะ" แม่พูดอย่างอารมณ์ดี หนอย...
ยังเข้าข้างกันอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย จากนั้นก็ชวนทุกคนออกไปนั่งที่สวนหน้าบ้าน
"ยูคุง เอาเค้กในตู้เย็นกับน้ำชามาเสิร์ฟด้วยนะจ๊ะ" เสียงแม่ตะโกนสั่ง
ทิ้งผมไว้คนเดียวในครัว... เป็นอย่างนี้ทุกที แล้วเจ้าบ้ามิยาบิก็ลอยนวลอีกตามเคย
ผมรีบล้างปากอย่างเร่งด่วน เจ้านี่กลับมาถึงก็แกล้งกันเลยหรือไง
จูบทักทายอะไรกัน.... ถึงแม้นี่จะเป็นเฟิร์สคิสของผม แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่ประสีประสาเรื่องพวกนี้
จูบเมื่อกี้มัน... ดีพคิสต่างหาก
"มิยาบิ---" เสียงยุกิโกะตะโกนลั่นหลังจากกลับถึงบ้าน
ร่างเล็กๆ ทิ้งกระเป๋าหนังสือทันทีที่เห็นเพื่อนเก่าที่จากกันไปนานนั่งอยู่ที่สวนหน้าบ้านตัวเอง
"ยุกิโกะจัง?" เจ้ามิยาบิทักทายยิ้มๆ ยุกิโกะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
โผเข้ากอดร่างสูงใหญ่แน่นยังกะลิงเกาะท้องแม่ แล้วตีโพยตีพาย
"มิตจัง... คิดถึงจังเลย มิตจังใช่มั้ย... ฮือๆๆ นึกว่าจะไม่เจอซะแล้ว
ไม่ตอบจดหมายยุ๊กโกะตั้งเดือน" ผมละอายแทนจริงๆ แม่น้องสาวคนนี้
ไม่ได้เกรงอกเกรงใจผู้ใหญ่ซะเลย ทำกอดกันซึ้งยังกะคู่รักที่มาเจอกันอีกครั้งในหนังอย่างงั้นแหละ
ทีกับพี่ชายตัวเองไม่เห็นเคยมากอดอย่างงี้บ้างเลย แล้วยุ๊กโกะอะไรนั่น...
โตจนป่านนี้แล้วยังไม่เลิกเรียกตัวเองแบบนั้นอีก ผมล่ะหมั่นไส้จริงๆ
ถึงจะเรียกแต่กับเจ้ามิยาบิก็ตามเถอะ
"โทษทีนะ ก็กะจะมาเซอร์ไพรส์ยุ๊กโกะนี่นา" พูดพลางเช็ดน้ำตาให้แม่สาวแกร่งที่เกิดจะมาสำออยเอาวันนี้
จริงสิครับ... ลืมบอกไปว่านอกจาก 2 คนนี้จะสนิทกันมากเรื่องแกล้งผมแล้ว
หลังจากที่นายมิยาบิย้ายออกไป ก็เห็นส่งจดหมายหากันไม่เคยขาด บางทียัยนั่นอาจจะเกิดผิดบ้านไปหน่อย
ไม่งั้นคงได้เป็นพี่น้องกับเจ้าสุดหล่อนั่นสมใจ หรือว่าบางที...
2 คนนี้อาจคบกันอยู่ก็ได้ ไม่ได้เด็ดขาด... อันตรายเกินไปแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติผมจะขัดขวาง
2 วายร้ายนั่นให้ได้ ผมไม่ได้หวงน้องสาวอะไรหรอกครับ แต่ถ้า 2 คนนั้นเป็นแฟนกันจริงๆ
ขึ้นมา มีหวังรุมแกล้งผมเช้าเย็นไม่เลือกเวลาและสถานที่แน่ๆ โอย...
ขอทีเถอะ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว
"ยุ๊กโกะไม่รู้ว่ามิตจังจะมาวันนี้ ไม่งั้นคงรีบกลับแต่หัววัน"
ยัยยุกิโกะเริ่มออกอาการออดอ้อน "มิตจังกลับมาคราวนี้จะไม่ไปไหนแล้วใช่มั้ย"
"จ้า... ไม่ไปไหนแล้ว จะอยู่ทำเรื่องสนุกๆ กับยุ๊กโกะตลอดไป"
แหวะ... จะอ้วก... แต่ว่า ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า รู้สึกว่ามีรังสีบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวมาจาก
2 คนนั่นราวกับว่ากำลังจ้องผมเหมือนสัตว์ป่าที่จะขย้ำเหยื่อเป็นตาเดียว
นอกจากนี้ยังได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคออีกด้วย
"พอดีมิยาบิจังสอบเข้ามหาลัย T ได้น่ะค่ะ"
แม่ของมิยาบิพูดขึ้นทำเอาผมสะดุ้ง
"จริงเหรอคะ... ตายแล้วเก่งจังเลย จริงๆ แล้วยูคุงก็สอบได้เหมือนกันค่ะ
แหม... แต่เดี๊ยนก็ยังแปลกใจไม่หาย เพิ่งรู้ก็ครั้งนี้แหละค่ะว่าปาฏิหาริย์มีจริง"
ปาฏิหาริย์อะไรเล่าแม่... ผมน่ะ อ่านหนังสือเป็นปีๆ ความสามารถล้วนๆ
นะครับ อ้อ... ลืมบอกไปว่าที่ผมเป็นเด็กสอบตรงของมหาวิทยาลัยอีกต่างหาก
หึๆๆ
"แหม... เก่งจังเลยนะคะ อย่างนี้ก็ไปเรียนด้วยกันได้สิคะเนี่ย"
"ไม่มั้งคะ มิยาบิจังต้องสอบติดคณะดังๆ อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ"
โธ่...แม่... คณะเศรษฐศาสตร์ที่ผมสอบเข้าน่ะ ดังที่สุดในนั้นแล้วนะ
"ไม่หรอกค่ะ ก็แค่คณะเศรษฐศาสตร์เอง เด็กคนนี้อะไรก็ไม่รู้
ตอนแรกบอกว่าจะเรียนวิศวะ แล้วทำไมถึงได้กลายเป็นเศรษฐศาสตร์ได้ก็ไม่รู้"
ผมอยากจะหัวใจวายตายซะตรงนี้ เชื่อแล้วว่ายิ่งเกลียดยิ่งเจอ
"อุ๊ยต๊ายตาย... อย่างนี้ก็ได้เรียนด้วยกันสินะคะ อุ๊ย... ดีจังเลย
สมองทึบอย่างตานี่จะได้พึ่งพาอาศัยมิยาบิคุงได้" โอ๊ย... พอซะที
ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว
ผมขอตัวขึ้นไปเก็บของข้างบน
"อะไรกัน ยูคุง... เสียมารยาทนะลูก ดูสิไม่ได้เจอกันตั้ง 6
ปีน่าจะอยู่คุยให้หายคิดถึงก่อน" แม่รีบท้วง
"แหม... ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พวกเราคงไม่ได้ย้ายไปไหนอีกแล้ว ยังไงก็ได้อยู่คุยกันอีกนาน"
"ถ้างั้น... ยูคุง พามิยาบิคุงไปนั่งเล่นที่ห้องด้วยสิจ๊ะ อ๊ะ...
เดี๋ยวอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ" แม่นะแม่... ยังหันไปชวนทานข้าวเย็นอีก
"งั้นหนูจะช่วยเองค่ะ" น้องสาวตัวแสบของผมรีบอาสา ทีอย่างนี้ล่ะทำไมไม่เห็นตามมิยาบิต้อยๆ
ล่ะ หึ สงสัยจะแสดงฝีมืออวดหนุ่มล่ะสิ
ว่าแต่แล้วทำไมผมจะต้องขึ้นไปอยู่ 2 ต่อ 2 กับเจ้าคนอันตรายพรรค์นี้ด้วยล่ะเนี่ย
- 4 -
ผมเปิดประตูห้องผลัวะเข้ามาอย่างไม่สบอารมณ์
มิยาบิตามติดๆ มาข้างหลัง เข้าห้องผมแล้วปิดประตู ผมหันขวับ
"ไม่ต้องปิดเลย"
เขายักไหล่ "ทำไมล่ะ ไม่หนวกหูเสียงคุยข้างล่างหรือไง"
"งั้นก็ห้ามล็อก" ผมทำตาเขียว ทว่าเขากลับหัวเราะชอบใจ
"กลัวฉันขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันก็ไม่ได้ล็อกห้องซะหน่อย แค่ปิดเฉยๆ"
ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ไม่ว่าแค่ปิด หรือปิดแล้วล็อก ฉันก็ไม่ไว้ใจแกอยู่ดี...
"ห้องนายนี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ" เขาเดินมองรอบๆ ห้อง ในขณะที่ผมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด
ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยหยิบของในกระเป๋าออกมาวางเรียงจนหมด
"โห... เครื่องสำอางเต็มเลย... ของนายหมดเลยเหรอเนี่ย"
ผมรีบไปขวางโต๊ะเครื่องแป้ง "ไม่เกี่ยวกับนาย"
เขานิ่งไปเล็กน้อย "นายเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ด้วย เจ้าหมูตอนแว่นหนาเตอะของฉันหายไปไหนซะแล้วละเนี่ย"
พูดพลางเอานิ้วมาไล้หน้าผม อึ๋ย... อย่ามาแกล้งกันอย่างนี้นะเฟ้ย
ผมกัดฟัน
"แต่นายไม่เปลี่ยนไปเลยซักนิด นิสัยปากเสียแบบนี้น่ะ"
คราวนี้เขายิ้มแปลกๆ
"คิดถึงฉันบ้างรึเปล่า" ผมสะดุ้ง หึย... ยังจะมาถามอีก
มันแน่นอนอยู่แล้วเฟ้ยว่า
"ไม่เคยเลยแม้แต่น้อย" อยากจะพูดต่อด้วยซ้ำว่า ตั้งแต่มันไปผมมีความสุขมากๆ
"จริงเหรอ" เขาทำหน้าเศร้าๆ ผมเหลือบไปเห็นนึกสะใจขึ้นมายังไงบอกไม่ถูก
"แต่ 6 ปีที่ผ่านมานี่ ฉันคิดถึงนายมาตลอดเลยนะ" อึ๋ย...
ผมขนลุก อยู่ที่นู่นไม่มีคนให้แกล้งล่ะสิ
"จะว่าไปก็มีบ้างล่ะนะ" ผมทำเสียงกวนๆ กำลังจะพูดต่อว่า
ส่วนใหญ่จะเป็นในฝันร้าย ทว่าจู่ๆ เขาก็กระโจนเข้ามา ผลักผมล้มบนเตียง
แล้วกดไหล่ผมแน่น ยังกะหมาตัวใหญ่ดีใจที่เห็นเจ้าของงั้นแหละ เฮ้ย....
อะไรกันเนี่ย
"ปล่อยนะ ไอ้บ้า... จะทำอะไร" ผมโวยวาย หลับหูหลับตาดิ้น
"ดีใจจังเลย ที่นายคิดถึงฉัน แค่อยากกอดนายให้หายคิดถึงเท่านั้นเอง"
ว่าแล้วก็ระดมจูบเต็มหน้าผมไปหมด
"ปล่อย... นี่จะแกล้งอะไรกันอีกล่ะเนี่ย ปล่อยนะ... อื้อ..."
ไม่ไหวแล้ว เจ้านั่นมันจูบปิดปากผม รู้สึกอึดอัดเหมือนจมอยู่ในน้ำ
นอกจากมันกลับมาจองเวรกับผมแล้ว วิธีการแกล้งของมันก็ร้ายกาจกว่าเดิมด้วย
ไม่ไหวแล้ว....ผมปล่อยมือที่จิกเสื้อมันอยู่ เจ้าบ้ามิยาบิถอนริมฝีปาก
ทำให้ผมค่อยได้หายใจหายคอหน่อย ผมหอบหายใจอยู่พักใหญ่
"แฮ่ก... แฮ่ก... ปล่อยนะ เจ้าบ้า เล่นอะไรของแกน่ะ"
"ฉันเปล่าเล่น ฉันจริงจังนะ เจ้าอ้วน" มันทำหน้าจริงจังสุดขีด
แต่ผมกลับฉุนกึก เจ้าอ้วนงั้นเหรอ.... "เจ้าอ้วนงั้นเหรอ เจ้าอ้วนงั้นเหรอ
ใช่สิ ฉันมันอ้วน ฉันมันน่าเกลียด" ผมทุบไหล่ตะโกนซะดังลั่น
"อ้อ... ลืมไป นายผอมลงไปตั้งเยอะ แบบนี้น่ะไม่น่ารักเลยรู้มั้ย"
หนอย.... ผิดหวังล่ะสิ ที่ฉันบังอาจหล่อขึ้นขนาดนี้ เฮอะ คิดว่าตัวเองหล่อได้คนเดียวหรือยังไงกัน
"แต่ไม่ว่าจะอ้วน หรือจะผอม นายก็ต้องเป็นของฉันคนเดียวอยู่ดี"
รอยยิ้มอันสุดสยองผุดพรายขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของมัน ผมขนลุกซู่...
อะไรกันเนี่ย มันพูดบ้าอะไร แล้วยังสายตาชวนสยองนั่นอีก ผมช็อคจนทำอะไรไม่ถูก
ริมฝีปากคู่นั้น ค่อยๆ เข้ามาใกล้ทุกที ๆ ผมหลับตาปี๋หันหน้าหลบ
ทว่าทันใดนั้นเอง ประตูก็เปิดผลัวะเข้ามา
"มิตจัง ยูจัง แม่เรียกไปทานข้าว" โอ... ระฆังช่วยชีวิต
ยุกิโกะ... ไม่น่าเชื่อว่าเธอก็ทำดีกะเขาเป็นเหมือนกัน ผมทำตาซึ้งใส่น้องสาวที่น่าร้าก
ของผม
"อุ๊ยตาย โทษทีนะมิตจัง ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาขัดจังหวะ ยังไงก็ต่อกันได้เลยนะ
เดี๋ยวจะไปบอกแม่ให้ว่ากำลังยุ่ง" พูดพลางทำท่าปิดตาอย่างขวยเขิน
โธ่... ไม่ทันขาดคำชม ไหงน้องสาวกลับทรยศกันแบบนี้ล่ะเนี่ย โอ-ย...
ยัยยุกิโกะ- นี่มันผู้ชายที่เธอรักนักรักหนาไม่ใช่หรือไง....เจ้ามิยาบิลุกขึ้นไปโอบไหล่ยุกิโกะ
สีหน้าปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไม่ต้องหรอกจ๊ะ พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน ไปกินข้าวกันเถอะ"
พูดจบก็เดินควงกันออกไป โดยไม่สนใจผมซึ่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง
"ยูจัง... ไม่รีบมาเดี๋ยวข้าวหมดนะ" เสียงน้องสาวตัวแสบตะโกนขึ้นมา
ผมงงไปหมดแล้ว... นี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย แล้วเจ้ามิยาบิมันตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
ไหนจะยัยยุกิโกะอีก 2 คนนี้จะต้องรวมหัวกันแกล้งอะไรผมอีกแน่ๆ