สงครามตำนานแห่งรัก
ตอนที่ 1 พบกันด้วยความแค้น
ธงหลากสีที่โบกพริ้วไปตามแรงลม บ้านที่ประดับประดาอย่างสวยงาม
ความครึกครื้นพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของชาวเมืองมานาลอค เป็นที่รู้กันว่ากำลังเตรียมตัวต้อนรับงานฉลองวันเกิดของเจ้าชายฟารูส
พระโอรสองค์เดียวของพระราชาแมนนอน
"ท่านลาเลียส ท่านลาเลียส ทางนี้ครับ"
เสียงกระซิบดังออกมาจากมุมมืดของซอกตึกแห่งหนึ่ง
สถานที่แห่งนี้ช่างเงียบเหงาแตกต่างจากเมืองซึ่งห่างไปอีกไม่กี่กิโลเมตรนัก
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกเดินเข้าไปหา
"อานูรึ ?" เสียงที่ถามเขาแม้เป็นคำสั้นๆแต่อานูก็รู้สึกถึงพลังในน้ำเสียงนั้น
"ครับผมชื่ออานู เป็นคนที่มารอรับท่านลาเลียสครับ"
อานูพูดแต่ไม่กล้ามองหน้าลาเลียสตรงๆ เขารู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้มีอำนาจอะไรประหลาดบางอย่างที่ทำให้คนอื่นรู้สึกเกรงใจ
อานูพาลาเลียสลัดเลาะตามตรอกซอกซอยต่างๆ จนไปถึงบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง
"ที่นี่แหละครับ ท่านโอมากำลังรออยู่"
พูดจบอานูก็ผลักประตูเดินนำลาเลียสเข้าไป
"ข้าเกลียดงานฉลอง!!!"
คำพูดแรกที่ลาเลียสเอ่ยปากออกมาเมื่อนั่งเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว
"งานรื่นเริง เชอะ! พวกมันทำร้ายคนอื่นเสียจนปางตายยังมีหน้ามาจัดงานฉลองอีก
ข้าเกลียด เกลียดเสียงหัวเราะ แบบนั้น"
"เอาน่า ท่านลาเลียส ก็เพราะมีงานฉลองนี่แหละที่ทำให้พวกเรามีโอกาสลอบเข้าไปในวัง"
ชายแก่ที่นั่งตรงข้ามออกปากขึ้น "ร่างกายท่านไม่มีปัญหาแน่นะ"
"สบายมาก ท่านโอมา อย่าลืมสิข้ามียาของหมอโซเรลอยู่
แล้วข้าก็แข็งแรงด้วย" พูดจบลาเลียสก็หยิบกระบี่ขึ้นมากระแทกไปบนโต๊ะ
"ถ้าใครมาขวางแผนการของข้า ข้าจะฆ่ามัน" สายตาของลาเสียสเปล่งประกายสีประหลาดออกมาจนอานูที่ยืนอยู่ใกล้ๆรู้สึกขนลุกซู่
"แม้แต่เจ้าชายฟารูสรึ" โอมาสบตาลาเลียส
"อย่างเจ้านั่นจะมาสู้อะไรข้าได้
ถึงมันจะมีสายเลือดเผ่าพันธุ์เดียวกับข้าอยู่ครึ่งนึงก็เถอะ มันอ่อนแอจะตาย"
ลาเลียสพูดพร้อมส่งเสียงดูถูก
"ท่านอย่าประมาทแล้วกัน เรามาศึกษาแผนการให้เรียบร้อยก่อน
แล้วคืนนี้ค่อยปฏิบัติการ" พูดจบโอมาก็กางกระดาษแผ่นใหญ่ออก
ถึงตอนนี้อานูรู้ตัวดีว่าควรจะเดินออกไปจากห้องนี้แล้ว ในความคิดของอานู
ลาเลียสเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลามาก
ร่างสูง ผิวเข้ม ทั้งตา หู จมูกปากราวกับช่างสลักเสลาออกมาอย่างดี
ทุกอย่างรับกันอยู่บนใบหน้ารูปไข่นั้น แต่สิ่งเดียวที่อานูไม่ชอบในตัวลาเลียสก็คือ
...ความเคียดแค้น...ที่แผ่ออกมาจากตัวของเขา.......
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในคืนที่มีงานฉลองเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของความครื้นเครง
ชาวเมืองเริ่มจุดไฟหลากสีสัน เสียงดนตรีผสมกับเสียงหัวเราะ ทุกคนต่างออกมานอกบ้าน
เต้นรำทำเพลง ขายของ แม้แต่เด็กเล็กๆ ก็ยังไม่ยอมนอน ออกมาวิ่งเล่นนอกบ้าน
ในวังก็มีเสียงดนตรีบรรเลง คืนนี้พระราชวังเปิดกว้างให้ชาวเมืองเข้ามาร่วมสนุก
กินเลี้ยง เต้นรำ ได้เป็นพิเศษ ชาวเมืองต่างก็อยากจะเข้ามาชมความสวยงามของพระราชวัง
"นี่ นี่ คืนนี้เธอเห็นเจ้าชายฟารูสรึยัง หล้อหล่อ" เสียงแจ๋นๆของสาวใช้ในครัวดังขึ้นมา
"แหม ช่างเป็นบุญตาจริงๆ คนอะไรก็ไม่รู้
หล่อไม่บันยะบันยัง แค่สบตาท่านฉันก็เข่าอ่อนไปหมดแล้ว" สาวใช้อีกคนนึงพูดเสริม
"ใครจะเป็นผู้หญิงผู้โชคดีที่ได้เต้นรำกับเจ้าชายน้า......"
สาวใช้อีกคนพูดพร้อมกับทำท่าเพ้อฝัน
"คงจะไม่ใช่พวกเธอหรอก เอ้า รีบๆทำงานเข้า
คุยกันอยู่นั่นแหละ" เสียงกร้าวดังมาจากข้างหลัง พวกสาวใช้หน้าม่อยไปพร้อมๆกัน
"ท่านแม่นมเฟรเซีย"
"อย่ามัวแต่มานั่งฝันยืนฝัน ถ้าตกแต่งอาหารเสร็จแล้วก็รีบๆยกออกไปซิ
" อาหารทั้งคาวหวานหลายร้อยอย่างก็ถูกลำเลียงออกจากห้องครัวไปสู่ห้องโถงใหญ่
ยกออกไปได้ไม่นานสาวใช้ก็นำจานเปล่าหลายสิบใบกลับมาที่ห้องครัว
"โอ๊ย กินกันยังกะตายอดตายอยากมานาน
ทำเป็นชั่วโมงๆ กินกันห้านาทีก็หมด ชั้นเองยังไม่ได้ชิมเลย เหนื่อยจะตาย"
สาวใช้จอมโวยคนหนึ่งบ่นขึ้น
"เอาล่ะ เอาล่ะ บ่นอยู่นั่นแหละ ฉันจะใช้งานพวกเธออีกอย่างเดียว
แล้วก็ค่อยออกไปสนุกสนานข้างนอกแล้วกัน" ท่านแม่นมเฟรเซียพูดพร้อมถอนหายใจ
ถึงแม้แม่นมจะอายุเยอะแล้ว แต่ก็ยังเข้าใจจิตใจของแม่พวกสาวใช้สาวๆ
เหล่านี้ดี
ราวกับต้นไม้ที่ได้น้ำ สายตาพวกสาวใช้มีประกายวิบวับขึ้นทันที
"จริงหรือคะ แหมท่านเฟรเซียใจดีจัง
จะใช้ทำอะไรล่ะคะ"
"ช่วยเอาพวกอาหาร เครื่องดื่มตรงนั้นไปให้ทหารยามข้างนอกหน่อย
แล้วก็เตือนๆพวกเขาด้วยว่าอย่ามัวแต่สนุกกันจนละเลยหน้าที่ละ ยิ่งวันนี้คนนอกเข้าออกเยอะแยะ"
พูดจบแม่นมก็หันไปหยิบอาหารใส่ตะกร้า โดยไม่ทันเห็นว่าแม่สาวใช้จอมโวยคนนั้นแอบโรยผงอะไรบางอย่างลงไปในเครื่องดื่ม
"ค่า....ค่า.....ท่านเฟรเซียนี่ขี้กังวลจัง
ระวังจะแก่เร็วนะคะ" พูดจบก็รีบยกตะกร้าอาหารแล้วก็วิ่งตื๋อออกจากห้องครัวทันที
ก่อนที่จะฟังเสียงบ่นจากแม่นมอีกชุดใหญ่
"เฮ้อ ทียังงี้ละไวเชียว" สายตาของแม่นมอาวุโสทอดยาวไปไกล
แม่นมแฟรเซียทำงานอยู่ที่ปราสาทนี้มาหลายสิบปีแล้ว ได้เลี้ยงเจ้าชาย
เจ้าหญิงมาก็หลายพระองค์ นางเป็นที่เคารพของทุกคนที่อยู่ในวัง แต่ประมาณสิบกว่าปีมานี้ที่นางรู้สึกว่าตัวเองแก่ลงไปอีกมากมาย
นางเดินทอดน่องไปในสวนจนไปสะดุดอยู่ที่เงาตะคุ่มๆร่างหนึ่ง "นั่นใครนะ!!"
"ข้าเอง แม่นม" เงานั้นส่งเสียงพร้อมกับเดินออกมาจากหลังต้นไม้
"เจ้าชายฟารูส !!!" แม่นมรู้สึกแปลกใจที่เห็นเขาที่นี่
"ไม่ได้อยู่ในงานฉลองหรือคะ ออกมานั่งตรงนี้ทำไม"
"เบื่อ!! มีแต่คนมารุมล้อม ทำไมต้องจัดก็ไม่รู้
งานฉลองบ้าๆเนี่ย ทั้งๆที่เสด็จพ่อก็ประชวรอยู่แท้ๆ" เจ้าชายพูดพร้อมทั้งกระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม
"งานฉลองรัชทายาทอายุครบสิบเจ็ดปี
เป็นงานฉลองที่สำคัญ ตอนนี้เจ้าชายก็ถือว่าเป็นหนุ่มแล้วนะเพคะ ไม่ได้เป็นเด็กอย่างเมื่อก่อนแล้ว"
แม่นมพูดขึ้นอย่างเอ็นดู พร้อมทั้งโอบไหล่เจ้าชายไว้
"แล้วก็ไม่ได้อ่อนแอแบบเมื่อก่อนด้วย"
"อืม ตอนนี้เราไม่ได้อ่อนแอ เราโตพอที่จะต่อสู้ทำสงครามได้แล้วสินะ"
เสียงพูดเบาๆเหมือนน้อยใจดังออกมาจากปากของเจ้าชายฟารูส
"ทำไมเราถึงต้องทำสงครามกับเผ่านารูก้าด้วย
ทั้งที่แต่ก่อนพวกเรากลมเกลียวกันมาก แล้วตัวข้าเองก็มีเชื้อสายเผ่านารูก้า"
พูดจบเจ้าชายก็มองไปยังปราสาทข้างหน้า ปราสาทสีขาวหลังเล็กๆที่ล้อมรอบด้วยสระน้ำ
ไม่ได้ตกแต่งประดับประดาใดๆ ดูโดดเดี่ยวท่ามกลางความมืด ราวกับไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังที่ติดไฟระยิบระยับขณะนี้
"พวกท่านทุกคนดูเหมือนมีความลับอะไรปิดบังข้าอยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้......."
"แหม อยู่ในงานฉลองแท้ๆอย่าพูดถึงเรื่องไม่เข้าเรื่องสิเพคะ"
เสียงแม่นมตัดบทขึ้นมาท่ามกลางความมืด
"แล้วนี่ก็ออกมาตั้งนานแล้ว ดิฉันยังมีงานต้องทำอีกเยอะแยะ
เจ้าชายก็รีบๆเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงเถอะเพคะ คนสำคัญของงานหายไปซะได้
เดี๋ยวทุกคนก็เป็นห่วงหรอก" ไม่พูดเปล่า แม่นมฉุดเจ้าชายฟารูสลุกขึ้นพร้อมทั้งดันหลังให้เดินไปข้างหน้าด้วย
.....
"อาหารอร่อยมากแม่นม" เจ้าชายพูดพร้อมทั้งหันหลังเดินกลับไปยังห้องจัดเลี้ยง
"เฮ้อ ...ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นซะก่อน
พวกเราก็คงยังเป็นมิตรกับเผ่านารูก้าได้หรอก" เสียงแม่นมพูดเหมือนกระซิบกับตัวเอง
ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนแก่ชราลงกว่าเดิมอีกหลายสิบปี หรือเพราะความลับที่นางเก็บไว้สิบกว่าปีนี้ทำให้นางกังวลใจมาตลอด
........
"ไม่รู้ว่าตอนนี้ลาเลียสเจ้าเด็กซนคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง"
เสียงเฮฮาในงานเลี้ยงค่อยๆซาลง คนกว่าครึ่งเริ่มทยอยออกจากงาน เจ้าชายฟารูสเองก็รู้สึกอยากจะวิ่งออกจากงานกลับห้องเสียเต็มทีแล้ว
"งานน่าเบื่อมากหรือไงพะยะค่ะ เห็นหลุกหลิกอยู่ตั้งนานแล้ว"
เสียงแหลมสูงดังขึ้นมาข้างหลัง สายตาคมกริบจ้องมาที่เจ้าชาย
" ไม่น่าเบื่อหรอก แต่เราเหนื่อยต่างหาก
อยากจะกลับห้องไปนอน" เจ้าชายตอบแบบขอไปที เขาไม่อยากจะอยู่คุยกับท่านราชครูนาไนท์นานนัก
เพราะรู้สึกแปลกๆทุกทียามที่เห็นสายตาของนาไนท์
นาไนท์เป็นราชครูที่ปรึกษาของพระราชาแมนนอน
เป็นผู้ชายที่ดูลึกลับตลอดตั้งแต่หัวจรดเท้า เขามาจากไหนไม่มีใครรู้
รู้แต่ว่าเขาชอบสวมชุดเสื้อคลุมสีเขียวกรอมเท้า เท่าที่จำได้ฟารูสรู้สึกว่านาไนท์ไม่ได้แก่ขึ้นเลยจากเมื่อสิบปีที่แล้ว
และตอนนี้เขาดูเหมือนแก่กว่าเจ้าชายฟารูสเพียงไม่กี่ปี!!!
"งั้นก็เชิญเสด็จกลับห้องนอนเถอะ"
ท่านราชครูพูดยิ้มๆ มุมมืดนอกกำแพงพระราชวัง ร่างในชุดรัดกุมร่างหนึ่งกำลังลัดเลาะผ่านไปอย่างเงียบเชียบ
ร่างนั้นกระโดดขึ้นไปหมอบอยู่บนกำแพงอย่างคล่องแคล่ว สายตาสอดส่องมองดูทหารยาม
เมื่อไม่เห็นมีใครก็กระโดดลงมา แล้ววิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่มีลังเล
เหมือนกับว่าคุ้นเคยกับสถานที่นี้อย่างดี คืนนี้ทหารยามบางตา อาจเป็นเพราะแผนการที่เขาวางไว้กับโอมาได้ผล
ให้สาวใช้วางยาทหารยามเสียก่อน ร่างนั้นเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง
เขาผลักประตูเดินเข้าไป ในห้องนั้นมืดสนิทมีเพียงแสงจันทร์สลัวๆลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาพอให้เห็นได้รางๆ
เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดร่างนั้นเริ่มเดินตรงไปที่เตียงกำกระบี่ไว้แน่น
"กรี๊ดดดดด ช่วยด้วย!!!" เสียงร้องดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง
ในห้องมืดมากจนเขาไม่ทันสังเกตว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย อาจจะเป็นเพราะการเคลื่อนไหวของเขาและประกายกระบี่ทำให้คนคนนั้นรู้สึกตัว
ลาเลียสเงื้อกระบี่ขึ้นหมายจะฟันต้นเสียงก่อนที่จะได้ยินไปถึงหูทหารยามข้างนอก
แต่พอเห็นหน้าเจ้าของเสียงนั้นชัดตา ร่างเขาก็ชะงักไปวูบหนึ่ง ช่วงเวลานั้นเองร่างสูงใหญ่ของชายอีกคนก็กระโดดเข้ามาขวางหน้าเขาไว้
พร้อมกับปะทะกระบี่กับเขาจนรู้สึกถึงแรงสั่งสะเทือนของนิ้วมือ
"แม่นมเฟรเซีย รีบวิ่งไปเปิดไฟเร็ว"
เสียงจากชายร่างใหญ่นั้นสั่ง ทันทีที่ไฟสว่างขึ้น ลาเลียสจ้องไปที่ชายร่างสูงใหญ่
ตรงหน้า ชายคนนั้นสูงกว่าเขาซึ่งนับว่าเป็นคนค่อนข้างสูงอยู่แล้วร่างกายกำยำ
แต่งกายด้วยชุดหรูหรา แต่ไอ้หมอนี่จะเก่งสักแค่ไหนเชียว ตัวเขาเองนับว่าเป็นนักรบที่มีฝีมือของเผ่านารูก้า
เขามั่นใจว่าจะฆ่าไอ้หมอนี่และหลบหนีออกไปได้สบายๆ ถึงแม้มันจะตัวใหญ่กว่าเขาก็เถอะ
มันก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่คนเผ่านารูก้าที่มีจุดเด่นด้านพละกำลังอย่างเขา
เพียงแต่ว่ามันน่าแค้นใจนักที่มีคนเข้ามาขวาง
"ท่านลาเลียส" เสียงจากแม่นมเฟรเซียทำลายความเงียบขึ้นมา
ร่างสูงใหญ่นั้นหันมามองผู้บุกรุก
"ลาเลียส ลูกท่านนายพลแกมไมท์นะรึ"
ตอนนี้เองที่ลาเลียสรู้สึกว่าแผนการทุกอย่างของเขาพังทลายลง ดวงตาของเขาแทบจะมีไฟพุ่งออกมาได้
"จะเป็นใครก็ช่าง ถ้ามาขวางข้าเป็นไม่รอดแน่"
"เดี๋ยวก่อน นี่ข้าเอง ฟารูสไง"
ร่างสูงใหญ่นั้นลดกระบี่ลง ส่งเสียงอย่างยินดีแทบจะวิ่งเข้าไปหา
ฉับ!!!!
ลาเลียสจู่โจมใส่เจ้าชายฟารูสโดยไม่ให้ตั้งตัว
"ข้าจำไม่ได้ว่าเคยเคยรู้จักคนชื่อนี้"
ฟารูสแทบไม่มีเวลาตอบโต้ เขาได้แต่ปัดป้องกระบี่ของลาเลียสอย่างเดียว
ทุกจุดที่ลาเลียสจ้องจะแทงล้วนไม่มีความปราณีใดๆทั้งสิ้น เหมือนกับมุ่งหวังจะเอาชีวิตอย่างเดียว
"ตอน...เด็ก....เรา....เล่น....ด้วยกัน....ออก...จะ..บ่อย"
เสียงเจ้าชายฟารูสไม่ปะติดปะต่อ เพราะมัวแต่ตั้งรับ เขาไม่ได้คิดอยากจะทำร้ายลาเลียสเลย
"เคร้ง!!!!" ลาเลียสปัดกระบี่ของฟารูสหลุดมือ
ด้วยความรวดเร็ว ฟารูสกลิ้งตัวหลบรัศมีกระบี่ออกไปได้ทัน ฟารูสจ้องตาชายคนข้างหน้าอยู่นาน
เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าลาเลียสคนที่เคยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่ยังเด็กอยากจะคิดฆ่าเขาถึงเพียงนี้
"แค๊ก แค๊ก" เสียงไออย่างแรงดังออกมาจากเตียง
"จะ....เจ้าคือคนเผ่านารูก้าหรือ" เสียงอ่อนระโหยนั้นถามขึ้น
พร้อมทั้งก้มตัวไปไออย่างแรงอีก แม่นมเฟรเซียทำท่าจะวิ่งเข้าไปประคอง
แต่ลาเลียสยกดาบขวางไว้ เขาลากตัวชายที่อยู่บนเตียงลงมากับพื้นอย่างแรงพร้อมทั้งเอาดาบพาดคอไว้
"เจ้าต้องเอาลูกแก้ววิเศษของเผ่านาคามาคืนให้ข้า"
ลาเลียสจ้องหน้าฟารูส
"เจ้าพูดเรื่องอะไรข้าไม่เข้าใจ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ
" ฟารูสพูดอย่างงงๆ
"หึ หึ .... ความเป็นเพื่อนมันขาดไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว
ตั้งแต่ตอนที่พ่อเจ้าวางยาในอาหาร" ลาเลียสเว้นช่วงไป ตอนนี้ดวงตาเขาส่งประกายอาฆาตอย่างแรงจ้องไปที่ชายแก่ที่พื้น
"มันฆ่าพ่อข้า ทำร้ายพระราชา และขโมยลูกแก้ววิเศษประจำเผ่าเราไป
มันเป็นคนทรยศแล้วยังเป็นโจร" มือที่กำดาบของลาเลียสสั่นระริกด้วยความโกรธ
"ไม่จริง" ฟารูสตะโกนออกมาอย่างไม่เชื่อหู
เขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่าพ่อที่ซื่อสัตย์ของเขาจะทำได้ขนาดนั้น สิบปี....ที่เผ่านารูก้ากับอาณาจักรมานาล็อกเป็นศัตรูกัน
เพราะบิดาเขาทรยศ!? เขาหันไปจ้องหน้าแม่นมเฟรเซีย และบิดาของเขาสลับกันไป
ไม่มีใครเอ่ยปากพูด
" ไม่จริงใช่ไหม บอกข้าสิว่ามันไม่จริง!!!"
"ความผิดข้า......ชดใช้ด้วยความตายก็ยังไม่สาสม"
คำสารภาพเบาๆดังออกมาจากปากของพระราชาแมนนอน พูดจบเขาก็ทิ้งน้ำหนักตัวไปข้างหน้า
กระบี่ที่พาดคออยู่บาดลึกเข้าไป ลาเลียสไม่ทันกระตุกมือออก เลือดแดงฉานก็ไหลนองทั่วพื้นห้อง
ร่างของพระราชาแมนนอนก็ทรุดลงไปกองกับพื้น
"กรี๊ดดดดดดด!!!!!" เสียงตะโกนครั้งสุดท้ายของแม่นมเฟรเซียก่อนจะล้มลงไป
ลาเลียสและเจ้าชายฟารูสต่างจ้องไปที่ร่างไร้ชีวิตของพระราชาแมนนอน
ทั้งสองคนนิ่งเหมือนอยู่ในภวังค์ เหมือนไม่มีใครรู้สึกถึงเสียงฝีเท้าของทหารนับสิบที่วิ่งตรงมา
พวกทหารเมื่อเห็นภาพตรงหน้าต่างก็กรูเข้าไปล้อมลาเลียสไว้
"หยุดนะ ! ออกไปให้หมด ห้ามเข้ามาเหยียบในห้องนี้แม้แต่ก้าวเดียว"
เจ้าชายฟารูสตะโกนออกมาทำลายความเงียบ เขากราดสายตาที่แดงด้วยเส้นเลือดไปที่พวกทหาร
สภาพของเจ้าชายฟารูสตอนนี้ดูคล้ายกับคนที่จะขาดสติได้ทุกเมื่อ
"ไปให้พ้นจากที่นี่ ก่อนที่ข้าจะฆ่าทุกคน"
เจ้าชายคำรามลั่น พวกทหารรีบเดินออกจากห้องไปด้วยความกลัว แต่แน่นอนพวกเขารู้ถึงฝีมือของเจ้าชายฟารูสดีว่าเก่งขนาดไหน
เมื่อเห็นทหารออกไปหมดแล้ว สมองของฟารูสก็ทบทวนแต่คำว่า
"ความผิดข้า......ชดใช้ด้วยความตายก็ยังไม่สาสม"
แสดงว่าเรื่องทุกอย่างเป็นความจริง พ่อเขาคือคนทรยศ เป็นฆาตกร
แถมยังเป็นโจรอีกด้วย.....เหมือนเสาหลักของจิตใจเขาพังทลายลง
เขาแทบจะทรงตัวไม่อยู่........ แต่สำหรับลาเลียสล่ะ ......เขามองซากไร้ชีวิตที่อยู่แทบเท้า
พระราชาแมนนอนตายแล้ว
ความแค้นเกือบสิบปีของเขาจบแค่นี้หรือ?
เขาทำทุกอย่างเพื่อสิ้นสุดแค่นี้หรือ? ถนนสายความแค้นที่เขาเดินมานานเหมือนขาดลงตรงหน้า
ความมืดมิดเข้าปกคลุมจิตใจของเขา
"อุ๊บ!!" ลาเลียสรู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกาย
เขาสะกดกลั้นความเจ็บปวดที่แผ่ออกมา เหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มหน้า.....เขาอยู่ที่นี่นานไปแล้ว
เขาพยายามทรงตัวไม่ให้ผิดสังเกต แต่ก็ไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของเจ้าชายฟารูส
"อ้อ.....ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นคนเผ่านารูก้าเต็มตัว
เหมือนพวกสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ อยู่บนบกนานๆทรมานสินะ" พูดจบฟารูสก็ย่างสามขุมเข้ามา
ลาเลียสรีบก้าวถอยหลัง ตอนนี้เขาแทบจะไม่มีแรงพอจะยกกระบี่ ถ้าสู้กันเขาตายแน่
นี่คือจุดอ่อนที่น่าเกลียดที่สุดของชนเผ่านารูก้าผู้มีกำลังมหาศาล
ฟารูสปัดกระบี่ออกจากมือของลาเลียสได้อย่างง่ายดาย เขาจับข้อมือของลาเลียสยกขึ้นพร้อมดันไปชิดกำแพง
" เจ้าบอกว่าจำข้าไม่ได้....แต่ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าจำข้าได้จนวันตาย"
พูดจบฟารูสก็ก้มหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว ลาเลียสยังไม่ทันรู้ตัว ปากของเขาก็ถูกปากของเจ้าชายฟารูสประกบลงมา
ถ้าเป็นยามปกติลาเลียสคงต้องสู้จนถึงที่สุดแน่ แต่ยามนี้เขาได้แต่เป็นฝ่ายรับ
เขารู้สึกถึงลิ้นเปียกๆที่ควานเข้ามาในปากของเขา ฟารูสเหมือนคนบ้าคลั่ง
มืออีกข้างของเขาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของลาเลียส เขาพยายามถอดกางเกงของลาเลียสออก
แต่ไม่ถนัดเพราะใช้มือข้างเดียว ในที่สุดเขาก็กดนอนลงไปกับพื้น เสื้อของลาเลียสถูกฉีกออกมา
ลาเลียสรู้สึกถึงปากทีเลื่อนต่ำบนหน้าอก เขาพยายามบิดตัวหนีอย่างสุดกำลัง
เขากำลังทรมานมาก ร่างกายเขาไม่ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับการกระทำครั้งนี้เลย
เขารู้สึกเหมือนกำลังจะตาย นี่คือการแก้แค้นคืนอย่างนั้นหรือ !?
เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ตอนนี้เขารู้ว่าฟารูสกำลังมีอารมณ์ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะเป็นยังไง
ลาเลียสรู้สึกกลัวจนไม่กล้าคิดต่อ.......
สติของฟารูสกลับมาเมื่อสัมผัสถึงเมือกลื่นๆที่หลังของลาเลียส
เลือด !!! บนพื้นมีแต่เลือด เลือดของลาเลียสหรือ ไม่ไม่ใช่ เลือดของพ่อเขาต่างหากที่ไหลนองอยู่บนพื้น
เขากำลังจะข่มขืนผู้ชายต่อหน้าศพของพ่อเขา !? ฟารูสรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นสัตว์ที่เลวร้ายที่สุดในโลก
เขารีบลุกขึ้นมาสงบสติอารมณ์
"เจ้าออกไปซะ ออกไปจากห้องนี้ซะ"
ฟารูสเอ่ยปากขึ้น ลาเลียสพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดยืนขึ้น เขาล้วงเข้าไปในกางเกงหยิบยาเม็ดหนึ่งเข้ามาใส่ปาก
พอรู้สึกมีแรงเขาก็หันเดินไปทางหน้าต่างโดยไม่พูดอะไร
ฟารูสมองตามลาเลียสจนกระทั่งเขาลับหายไปจากหน้าต่าง
วันนี้เป็นวันฉลองวันเกิดของเขา เป็นวันที่เขารู้ความจริงของเรื่องทั้งหมด
และเป็นวันตายของพ่อเขา !!!
.....เขารู้สึกสับสนจนไม่รู้จะทำยังไง