|
สงครามตำนานแห่งรัก
ตอน 3 กบฏแผ่นดิน
"หมู่นี้อารมณ์ดีจังนะเพคะ มีเรื่องอะไรดีๆรึเปล่าเอ่ย"
แม่นมเฟรเซียทักขึ้นขณะที่เห็นเจ้าชายฟารูสนั่งฮัมเพลงอยู่
"ก็คงจะมีความสุขละมั้ง" เจ้าชายฟารูสตอบยิ้มๆ
ช่วงนี้เขารู้ว่าลาเลียสมาอยู่ที่ปราสาทน้ำ พอตกดึกเขาทั้งสองคนก็จะออกค้นหาตามห้องต่างๆ
เพื่อค้นหามุกวิเศษ เขารู้สึกใจหายทุกทีเวลาเปิดหีบสมบัติทั้งๆที่เขารื้อค้นมาก่อนแล้ว
ในใจเจ้าชายฟารูสไม่อยากให้ลาเลียสพบมุกวิเศษเม็ดนั้นเลย เขาอยากให้เวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนยาวนานกว่านี้......ถ้าเป็นไปได้เขาอยากหามุกเม็ดนั้นให้เจอแล้วเอามาซ่อนเสียเองมากกว่า
"ข้าอยากให้ท้องฟ้ามืดลงเดี๋ยวนี้เลย"
เจ้าชายฟารูสพูดขึ้นลอยๆ ตามด้วยสายตางุนงงของแม่นมเฟรเซีย แต่เจ้าชายฟารูสไม่รู้ตัวเลยว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตเขาต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิต
"กำลังจะเสด็จไหนหรือพะยะค่ะเจ้าชายฟารูส"
เสียงที่ดังฝ่าความมืดทำให้เจ้าชายสะดุ้งสุดตัว
"เอ่อ...ข้านอนไม่หลับกำลังจะออกไปเดินเล่นสักหน่อยน่ะ
ท่านนายพล" เจ้าชายฟารูสรู้สึกโล่งใจที่ถูกจับได้เสียก่อนที่จะไปพบกับลาเลียส
ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงจะแก้ตัวไม่ออก
"หึ เดินเล่น แต่แต่งพระองค์ยังกับจะไปลักขโมยใคร"
"ท่านอัลเมอร์ ข้าเป็นเจ้าชายนะ ท่านพูดแบบนั้นได้ยังไง"
"โอ้ งั้นหม่อมฉันก็ขออภัยเจ้าชายแล้วกัน"
ถึงขอโทษ แต่น้ำเสียงของนายพลอัลเมอร์ไม่ได้ดูจริงใจเลย เขายิ้มเหยียดๆขึ้น
"หม่อมฉันคงเข้าใจผิดไป พระองค์ไม่ได้ไปลักขโมยหรอก
แต่ออกมาพบกับฆาตกรต่างหาก"
"!!!!!" ยังไม่ทันที่เจ้าชายฟารูสจะพูดอะไร
ก็มีทหารหลายสิบนายกรูเข้ามาล้อมเขาเอาไว้
"ข้าขอประกาศกักบริเวณเจ้าชายฟารูสในฐานะกบฏ
เจ้าชายร่วมสมคบคิดกับคนเผ่านารูก้าสังหารพระราชาแมนนอน!!"
สิ้นเสียงประกาศ เจ้าชายฟารูสตะลึงพรึงเพริดอยู่พักหนึ่ง
" จะบ้าเรอะ! ถ้าเจ้ากักขังข้า เจ้าต่างหากที่เป็นกบฏ
" เจ้าชายสะบัดแขนหลุดจากการจับกุมของทหาร ชี้หน้านายพลอัลเมอร์
" ข้าจะสั่งทหารจับเจ้ามากกว่า"
"หลายวันมานี้เราค้นทุกซอกทุกมุมในเมือง
ปิดด่านเข้าออก แต่ก็ไม่พบเจ้าฆาตกรนั่น" นายพลอัลเมอร์หยุดพูด
สายตามองดูฟารูส เขาเดินไปรอบๆ
"ในเมื่อฆาตกรไม่อยู่ในเมืองก็ต้องอยู่ในวัง"
นายพลอัลเมอร์ก็ยังเดินวนกวนประสาทไปเรื่อยๆ
"ที่ที่คนเผ่านารูก้าสามารถอยู่ได้ในวังก็มีอยู่ที่เดียว
คือปราสาทน้ำของพระมารดาท่าน!" หยาดเหงื่อซึมผ่านนิ้วมือของฟารูส
เขารู้สึกพูดไม่ออก เขาให้ที่ซ่อนกับลาเลียสจริง ถ้าพวกทหารค้นปราสาทน้ำและเจอลาเลียสเข้า
สถานการณ์เขาต้องย่ำแย่แน่
"ตอนที่พระราชาเสียชีวิต ก็ไม่มีใครอยู่เป็นพยานให้ท่าน
พวกทหารบอกว่าท่านไล่เขาออกมา ฝ่ายแม่นมเฟรเซียอายุก็มากแล้วหูตาฝ้าฟาง
แถมยังหมดสติไปเสียอีก" อัลเมอร์พูดยิ้มๆ เดินลูบเคราที่หรอมแหรมเหมือนเคราแพะของเขาอยู่เรื่อยๆ
"เมื่อไม่มีพยาน ใครจะรู้ว่าพระองค์ทำอะไร อาจจะอยากฆ่าพระราชาเพื่อ....."
"หุบปาก !!" ฟารูสทนไม่ได้กับคำพูดใส่ความนั้น
เขาไม่อยากฟังอัลเมอร์พูดจนจบ ทหารยามสามสี่คนวิ่งมาจากมุมมืด "ท่านอัลเมอร์ครับ
เราเข้าไปค้นปราสาทน้ำแล้วไม่พบอะไรครับ" พวกทหารรายงาน ฟารูสรู้สึกโล่งอก
"ไม่เจอไม่ได้หมายความว่าจะไม่จับกุมเจ้าชาย"
พูดจบอัลเมอร์ก็ชักกระบี่คู่มือออกมาฟันใส่เจ้าชายฟารูส ในฐานะนายพลผู้มีประสบการณ์แถมยังเคยเป็นอาจารย์สอนการต่อสู้ให้เจ้าชายฟารูส
จึงเป็นศึกหนักสำหรับเจ้าชายพอสมควร ตอนนี้การต่อสู้เป็นแบบตัวต่อตัว
เสียงกระบี่กระทบกันดังลั่นไปหมด
" ไม่มีหลักฐาน ท่านไม่มีสิทธิ์กล่าวหาข้าแบบนี้"
เสียงเจ้าชายฟารูสตะโกนแข่งกับเสียงกระบี่
" หม่อมฉันก็ไม่ได้บอกว่า......"
เสียงของนายพลอัลเมอร์เบาจนฟารูสเผลอชะงักดาบลงเพื่อตั้งใจฟัง ซวบ!
กระบี่ของนายพลอัลเมอร์แทงเข้าที่ชายโครงข้างซ้ายของเจ้าชาย เป็นแผลสาหัสทีเดียว
ฟารูสทรุดลงกับพื้น ปลายกระบี่ชี้มาที่หน้าของเจ้าชาย อัลเมอร์ก้มลงมาพูดใกล้ๆ
"หม่อมฉันกำลังจะบอกว่า.....นี่คือข้ออ้างที่จะจับกุมท่านไงพะย่ะค่ะ
ถ้าท่านไม่ยอมดีๆหม่อมฉันก็มีสิทธิ์ที่จะฆ่าท่านได้....เพราะท่านอยู่ในฐานะกบฏ......"
เสียงพูดดังพอได้ยินกันสองคน เขาตัดสินใจที่จะยึดอำนาจเจ้าชายฟารูสหลังจากคำพูดของนาไนท์
เจ้าชายฟารูสมีสายเลือดของเผ่านารู้ก้าเขาก็ไม่พอใจอยู่แล้วที่จะมาเป็นกษัตริย์
"ข้าไม่ยอมให้ท่านทำตามใจชอบหรอก"
เจ้าชายฟารูสรวบรวมพลังตวัดดาบทำร้ายอัลเมอร์ เขากลิ้งตัวหนี ยิ่งขยับตัวมากฟารูสก็รู้สึกว่าเลือดทะลักออกจากกายเขา
เขาเอามือกดแผลไว้ พร้อมวิ่งออกไปทางที่ไม่มีทหาร
"เจ้าชายฟารูสเป็นกบฏ จับตัวเจ้าชายไว้
ถ้าจับเป็นไม่ได้ให้จับตาย" คำสั่งของอัลเมอร์ประกาศออกมา พวกทหารวิ่งตามเจ้าชายไปแต่ก็ยังละล้าละลังในคำสั่งนั้นอยู่
จับเป็นไม่ได้ให้จับตาย จะทำได้ยังไงก็ฟารูสเป็นเจ้าชายนี่นา! ฟารูสเริ่มหน้ามืด
สายตาเริ่มพร่าเลือน เขาสู้กับพวกทหารนี่ไปกี่คนแล้วนะ สามสิบหรือสี่สิบคน
ตอนนี้ฟารูสรู้แล้วว่าอัลเมอร์คงคิดที่จะฆ่าเขาแน่นอนแล้ว ถึงแม้เขาตายไปเขาก็จะตายไปในฐานะกบฏแถมยังเป็นฆาตกรที่ฆ่าบิดาตนเอง
เขาไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีวงแขนแข็งแรงมาโอบเขาที่กำลังจะล้มลงไว้ด้วยสายตาที่เป็นห่วง
"ลาเลียส" สายตาฟารูสที่พร่าเลือนเพ่งมองคนที่มาช่วย
เขาสงสัยว่าลาเลียสคงจะเห็นเหตุการณ์ตลอดตั้งแต่ต้นแต่ยังไม่กล้าที่จะลงมาช่วยเขา
"นั่นมันเจ้าฆาตกรนี่" ทหารที่จำหน้าลาเลียสได้ตะโกนขึ้นมา
เสียงดังอื้ออึงไปทั่ว นายพลอัลเมอร์ยิ้มอย่างพอใจ การที่ลาเลียสเข้ามาช่วยฟารูสครั้งนี้ยิ่งทำให้คำพูดของอัลเมอร์มีน้ำหนักขึ้น
ฟารูสรู้ตัวว่าตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ แต่ในส่วนลึกเขาก็รู้สึกดีใจที่ลาเลียสเข้ามาช่วยโดยไม่กลัวความตาย
ลาเลียสสู้กับทหารพร้อมทั้งประคองเขาวิ่ง แต่การบาดเจ็บของฟารูสเหมือนเป็นตัวถ่วง
"จับทั้งสองคนนั่นไว้" เสียงนายพลอัลเมอร์ออกคำสั่งแก่ทหาร
"เจ้าหนีไปคนเดียวก่อน...."
ฟารูสผลักลาเลียสออกไป "เราสองคนอย่ามาตายด้วยกันที่นี่ เจ้าบาดเจ็บน้อยกว่าข้า"
พูดจบฟารูสก็วิ่งออกไปคนละทางกับลาเลียส ลาเลียสทำท่าจะวิ่งตาม แต่พวกทหารก็วิ่งกรูกันเข้ามาเสียแล้ว
ลาเลียสจึงจำต้องกระโดดขึ้นกำแพงหนีหายไป เมื่อลาเลียสหนีไปได้แล้ว
ฟารูสรู้สึกโล่งอก แล้วสติของเขาก็ดับวูบลงไป
แต่ใครจะรู้บ้างว่าเหตุการณ์อันชุลมุนทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาและรอยยิ้มประหลาดของนาไนท์
อัลเมอร์เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของเขาเท่านั้น จุดมุ่งหมายของนาไนท์คืออะไร?
เมื่อรู้สึกตัวอีกที ฟารูสรู้สึกเหมือนกับฝันไป
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิม แต่สิ่งที่ยืนยันให้เขารู้ตัวก็คือบาดแผลที่ชายโครงซ้ายของเขา
ตอนนี้บาดแผลสมานกันแล้ว เขาเป็นคนแผลหายไวตั้งแต่เด็ก พอมีบาดแผลไม่กี่วันก็หาย
" จะ.....เจ้าชายฟารูส ฟื้นแล้วหรือเพคะ.....ฮือ
ฮือ" เสียงสะอื้นดังขึ้นข้างๆตัว เขาก็พอเดาได้หรอกว่าใครที่เป็นห่วงเขาขนาดนี้
"ข้าคงสลบไปหลายวันนะ แม่นม"
ฟารูสพยายามพยุงตัวขึ้นมา แม่นมรีบเข้าไปประคอง
"ท่านนาไนท์บอกให้ข้ามาดูแลรักษาแผลให้ท่าน
ตอนนี้แผลเจ้าชายใกล้หายแล้วเพคะ"
"ข้าคงไม่ใช่เจ้าชายแล้วละมั้ง ตอนนี้ข้าเป็นเพียงนักโทษคนหนึ่งของปราสาทหลังนี้
ก็ยังดีที่พวกเขาไม่จับข้าไปขังไว้ในคุกด้วย" เจ้าชายกวาดตามองไปที่ทหารที่ยืนคุมประตูแล้วถอนใจ
เขาไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้ ถ้าเขาพบมุกวิเศษของเผ่านารูก้าละก็เรื่องทุกอย่างก็อาจจะทุเลาลงบ้าง
แต่เจ้ามุกวิเศษนี่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยสิ !
"หม่อมชั้นคิดว่าท่านนาไนท์คงกำลังวางแผนที่จะช่วยพวกเราอยู่เพคะ"
แม่นมพูดให้กำลังใจเจ้าชายฟารูส
"ทำไมนาไนท์ต้องช่วยพวกเรา"
เจ้าชายนึกไปถึงวันงานฉลองที่เขาคุยกับแม่นมเฟรเซีย แม่นมเหมือนมีความลับกับเขามาตลอด
"หรือว่าแม่นมกับนาไนท์รู้ความจริงเรื่องนี้ สาเหตุแท้จริงที่ทำให้เรากับเผ่านารูก้าทะเลาะกัน!!"
เจ้าชายทำท่าเหมือนคาดคั้นกับแม่นม ตอนนี้แม่นมเฟรเซียพูดอะไรไม่ออก
นางตกใจจนหน้าซีดขาว เจ้าชายเริ่มจะสงสัยเสียแล้ว นางไม่อยากให้เจ้าชายรู้ความจริงว่าต้นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดทั้งหมดนั้นมาจากความรักของพ่อที่มีต่อลูก
น้ำตาของนางไหลเป็นทาง
"ท่านกับนาไนท์ต้องรู้ใช่ไหมว่ามุกวิเศษเม็ดนั้นอยู่ที่ไหน"
เจ้าชายถามเสียงเย็น
"ทำไมถึงไม่ให้ข้าฆ่าเจ้าชายฟารูส"
เสียงนายพลอัลเมอร์ตะโกนขึ้นมา
"ท่านก็พูดเหมือนกับสนับสนุนให้ข้าทำอย่างนี้
จะปล่อยให้ลูกเสือรอดไว้ทำไม เดี๋ยวมันก็มาแว้งกัดเข้าหรอก"
"ข้าก็มีเหตุผลของข้า ท่านอย่าใจร้อนนักสิ"
นาไนท์มองหน้านายพลอัลเมอร์
"ฟารูสคือเหยื่อล่อต่างหาก ท่านลองคิดดูไอ้เจ้าฆาตกรคนนั้นมันต้องมาช่วยเจ้าชายฟารูสแน่
ถ้าเราจับเจ้านั่นได้และประกาศต่อหน้าประชาชน ทุกคนก็ต้องยกย่องท่าน
ยกให้ท่านเป็นผู้นำแน่" เหตุผลของนาไนท์น่าเชื่อถือจนอัลเมอร์พยักหน้าเออออด้วย
ไม่รู้เพราะอะไรเขาแทบจะเชื่อถือนาไนท์ไปซะทุกเรื่อง
"ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าชายฟารูสจะร่วมมือกับเจ้าฆาตกรนั่นจริง"
อัลเมอร์พูดอย่างหัวเสีย "ถ้าท่านไม่บอกข้า ข้าก็คิดไม่ถึงหรอก
ลูกอกตัญญูแท้ๆ" นาไนท์เป็นคนบอกเรื่องทั้งหมดแก่เขา และยิ่งเห็นลาเลียสเข้าไปช่วยเจ้าชายฟารูสอีก
เขาก็ยิ่งคิดว่าที่นาไนท์กล่าวทั้งหมดเป็นความจริง
ผ่านไปสองวันฟารูสยิ่งเก็บตัวเงียบกว่าเดิม
เขาไม่ยอมคุยกับใครเลยแม้แต่แม่นมเฟรเซีย สมองของเขากำลังคิดอย่างหนักเพื่อที่จะหาเหตุผลทั้งหมด
แม่นมต้องรู้ความจริงแน่ แต่พอเขาคาดคั้นถามทีไรก็เอาแต่ร้องไห้จนเขาทนไม่ไหวต้องไล่ตะเพิดไปทุกที
เขาเหม่อมองไปนอกหน้าต่างจนไม่รู้ว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้
"ทิวานี้ดวงจันทร์ช่างงามเหลือเกินนะพะยะค่ะ
ถ้าเต็มดวงคงจะยิ่งงดงามกว่านี้แน่" เสียงแหลมสูงที่ฟารูสเกลียดแสนเกลียดดังเข้ามาใกล้
เขาไม่ยอมตอบคำอะไร
"บาดแผลที่ชายโครงของพระองค์คงใกล้จะหายดีแล้ว"
พูดจบนาไนท์ก็ทำท่าจะเข้าไปลูบที่แผล เจ้าชายรีบกระถดตัวถอยหนีทันที
แน่นอนเขาอยู่ในหมู่ของพวกทหารที่เป็นผู้ชายด้วยกันแถมยังอยู่ในฐานะเหมือนกับนักโทษจึงไม่ค่อยระวังเรื่องการแต่งตัวเท่าไหร่
แต่นาไนท์ที่ทำท่าจะมาจับต้องตัวเขาทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เจ้าชายฟารูสดึงเสื้อรัดเข้าให้รัดกุมทันที
สายตาจ้องไปที่นาไนท์
"เจ้าชายอย่าจ้องหม่อมฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ
หม่อมฉันรู้ว่าท่านไม่ได้ร่วมมือกับเจ้าฆาตกรนั่นหรอก แต่ไม่มีหลักฐานก็เลยไม่กล้าอธิบาย"
นาไนท์พูดด้วยเสียงเศร้าๆ
"ทั้งๆที่หม่อมฉันเองก็รู้ความจริงทุกอย่าง"
"ความจริง !!! ท่านรู้ความจริงอะไร" เสียงพูดประโยคแรกออกมาจากเจ้าชายฟารูส
"ท่านรู้ใช่ไหมว่าลูกแก้ววิเศษตัวต้นเหตุนั้นอยู่ที่ไหน"
ฟารูสแทบจะเข้าไปประชิดตัวนาไนท์
"ใช่ หม่อมฉันรู้ นี่เป็นความลับที่รู้กันเพียงแค่สามคน
คือหม่อมฉัน แม่นมเฟรเซีย แล้วก็บิดาของท่าน" นาไนท์กดไหล่เจ้าชายฟารูสให้นั่งลง
"แผลของท่านหายสนิทแล้วใช่ไหม ท่านเคยสงสัยหรือเปล่าว่าทำไมแผลของท่านถึงหายรวดเร็วขนาดนี้"
พูดจบนาไนท์ก็เปิดเสื้อเจ้าชายฟารูสเข้าไปลูบคลำที่แผล ฟารูสนั่งตะลึงไปพักนึง
ใช่สิทำไมแผลเขาถึงหายเร็ว เขาไม่เคยคิดถึงข้อนี้เลย เขามัวแต่คิดคำถามนี้จนลืมนึกถึงมือที่ลูบคลำของนาไนท์
"แม่ของท่านแต่งงานกับพระราชาแมนนอนก็เหมือนเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ของสองเผ่าพันธุ์
ยิ่งตอนท่านเกิดมาก็มีแต่คนยินดีปรีดา แต่ใครจะรู้บ้างว่าเด็กที่มีสองสายเลือดในตัวจะเป็นเด็กอ่อนแอ
ท่านจะอยู่ในน้ำแบบเผ่านารูก้าเต็มตัวก็ไม่ได้ จะอยู่บนบกอย่างมนุษย์เลยก็ไม่ได้
แม่ท่านก็อายุสั้นตายไปเสียก่อน เมื่อสิบปีที่แล้วตอนที่หม่อมฉันเข้ามาดำรงตำแหน่งราชครูใหม่ๆ......"
พูดถึงตอนนี้ฟารูสเริ่มขยับตัวออกห่างจากมือของนาไนท์ เพราะเขาเริ่มรู้สึกว่ามือของนาไนท์ไม่ได้ลูบอยู่แค่ที่แผลของเขาซะแล้ว
"ข้าจำได้ ปีนั้นเป็นปีที่ข้าป่วยหนักจนไม่ได้ไปงานเชื่อมสัมพันธ์ของสองเผ่าที่จัดกันทุกปี"
ฟารูสเริ่มนึกย้อนไปถึงอดีต ใช่สิ และเป็นปีที่เกิดปัญหาขึ้นเสียด้วย
"ใช่แล้ว ยินดีด้วยที่ท่านยังจำได้
ก่อนที่พระราชาแมนนอนจะเสด็จไปงานเลี้ยง หม่อมฉันกราบทูลให้ทราบว่าลูกแก้ววิเศษของเผ่านารูก้าสามารถรักษาโรคได้ทุกโรค
แถมยังสามารถชุบชีวิตคนที่เกือบตายให้ฟื้นขึ้นมาได้" พูดถึงตอนนี้ฟารูสเริ่มเดาเหตุการณ์ทั้งหมดได้
ตัวเขาเย็นไปหมด มือเกร็งแน่น นี่เองคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาแข็งแรงจนถึงทุกวันนี้
เหตุผลที่ทำไมพ่อถึงบังคับให้เขาฝึกกระบี่หามรุ่งหามค่ำทุกวัน เหตุผลที่เขาแทบจะค้นหาทั่วพระราชวังก็ไม่เจอมุกวิเศษเม็ดนั้นสักที
เหตุผลที่พ่อยอมฆ่าตัวตายไม่ยอมบอกว่าลูกแก้ววิเศษนั่นอยู่ที่ไหน!!!
ปัญหาทุกปัญหาแทบจะแก้ได้ในทันที
"เพราะฉะนั้นถึงท่านจะหาจนตายก็ไม่มีทางเจอมุกวิเศษเม็ดนั้นหรอก"
|
|
|