|
สงครามตำนานแห่งรัก
ตอนที่ 10 จุดจบของนักโทษ
ลาเลียสพยุงฟารูสออกจากวิหาร เมื่อเดินออกมานอกปราสาทเขารู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวที่ผิดปรกติไป
ในยามนี้ควรจะเป็นรุ่งสางแล้ว แต่ตอนนี้รอบตัวเขากลับมืดสนิทแทบไม่มีแสงส่องมาเลย
ด้วยสัญชาติญาณลาเลียสจึงวางฟารูสผิงผนังวิหารไว้ ฟารูสก็รู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวที่เงียบกริบ
.วังเวง
เขานั่งสงบนิ่งจ้องไปรอบๆตัวเหมือนกัน โครม! ลาเลียสเหมือนชนผนังที่มองไม่เห็น
มือเขายื่นไปคลำข้างหน้า
..มันมีผนัง
เป็นผนังที่โปร่งใสเหมือนกั้นวิหารนี่ออกจากโลกภายนอก
ลาเลียสลองเอาดาบเขาฟันเข้าไปก็เกิดแรงสะท้อนกลับมาจนข้อมือรู้สึกชา
เขาตกใจมาก เขาถูกขังอยู่ในวงล้อมที่มองไม่เห็น นี่มันเกิดอะไรขึ้นนี่.!!!
"ลาเลียส" เสียงใสๆดังขึ้นเหนือศีรษะเขา
ซาเรสกำลังบินตรงมา หน้าตาของเขาค่อนข้างเครียด "ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม"
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ซาเรส"
ลาเลียสถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
"เรากำลังถูกขังอยู่ใช่ไหม"
ซาเรสส่ายหัว เขาบินลงมายืนอยู่ข้างๆลาเลียส หอบหายใจเล็กน้อย เหงื่อออกเต็มใบหน้า
"ข้าร่ายเวทมนต์เอาไว้นะ ตอนนี้รอบวิหารในรัศมีสามร้อยเมตรจะไม่สามารถเข้าหรือออกได้
เวลาจะหยุดลงด้วย มนต์นี้จะอยู่ได้ประมาณสองชั่วโมง ช่วงนี้ข้าจะต้องจับนาไนท์ให้ได้ก่อนที่มุกวารีจะคืนสภาพเดิม"
พูดจบซาเรสก็เซทำท่าจะล้ม ลาเลียสเข้าไปประคอง " ซาเรส เจ้าพักสักหน่อยดีกว่า
ท่าทางเจ้าจะเหนื่อยมาก ข้าจะตามหานาไนท์ให้เอง ตอนนี้ข้าคนเดียวที่ยังมีกำลังเต็มที่
.."
"มะ..ไม่ได้หรอก เขาใช้เวทมนต์ได้นะ
ถึงจะถูกตีตราอยู่ก็เถอะ ท่านเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาจะสู้คนมีเวทมนต์ได้ยังไง"
ซาเรสพูดด้วยความเป็นห่วง
"ข้าเป็นนักรบนะ ชีวิตข้าไม่ตายก็รอดมีแค่สองอย่าง
ตอนนี้เรากำลังได้เปรียบไม่ใช่หรือ การเสี่ยงอย่างฉลาดก็เป็นวิธีการอย่างหนึ่งเหมือนกัน"
ซาเรสอึ้งไปพักหนึ่ง เขาควรจะใช้คนให้เป็นประโยชน์ เขามีสองคนแต่ทางโน้นมีแค่หนึ่ง
ถึงแม้ลาเลียสไม่มีเวทย์มนต์แต่ก็เป็นนักดาบชั้นยอด แถมยังมีกำลังมหาศาลอีก
ซาเรสจึงก้มลงถอดสร้อยของตัวเองออกส่งให้ลาเลียส
"สร้อยเส้นนี้สามารถป้องกันเวทมนต์ได้
ท่านสวมมันไว้ก็แล้วกัน" พูดจบก็ยื่นส่งให้ลาเลียสลาเลียสรับสร้อยเส้นนั้นมา
ก็สังเกตว่ามีจี้วงกลมที่ข้างในแกะสลักเป็นรูปผู้หญิงติดอยู่ ซึ่งดูท่าจะเป็นของสำคัญของเจ้าตัว
ลาเลียสทำท่าจะปฏิเสธ แต่เห็นท่าทางจริงจังของคนให้ เขาจึงรับมา
"ข้าเองก็เป็นผู้ใช้เวทย์เหมือนกัน
ข้าพอป้องกันตัวเองได้อยู่แล้ว ข้าพักสักประเดี๋ยวก็จะออกไปสมทบกับเจ้า"
"
เอ่อ..ข้าว่าเจ้าอยู่ที่นี่รอข้าแหละ
ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูแลฟารูสด้วย" พูดจบลาเลียสก็เงยหน้าขึ้นไปมองฟารูส
"ข้าไม่ต้องการให้ใครมาดูแล"
เสียงฟารูสดังขึ้นมาอย่างไร้อารมณ์ ถึงแม้จะอยู่ค่อนข้างห่าง แต่ฟารูสก็ได้ยินบทสนทนาทุกคำ
ตอนนี้ฟารูสดูเย็นชาอย่างประหลาด
"ข้าไม่ใช่เด็ก ถึงแม้ข้าใกล้จะตายแต่ข้าก็เป็นนักรบ
ข้าขอดาบให้ข้าเล่มนึงพอ
ข้าปกป้องตัวเองได้" ลาเลียสสบตาฟารูส เขาเข้าใจความรู้สึกของนักรบดี
..ไม่ต้องการเป็นคนอ่อนแอในสายตาของใคร
ฟารูสก็คงไม่อยากดูเป็นคนไร้ความสามารถในตอนนี้
..ไร้ประโยชน์แถมต้องมีคนคอยปกป้อง
ซาเรสที่ยืนใกล้ยื่นดาบของเขาส่งให้ลาเลียส
"ท่านเอาดาบของข้าไปให้เจ้าชายฟารูสที
ยังไงมันก็เป็นเพียงอาวุธที่ข้าไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว"
"เจ้ารู้จักกับเจ้าเด็กนั่นนานแค่ไหนแล้ว
"
ฟารูสถามอย่างหงุดหงิดเมื่อลาเลียสเดินเข้ามา
"ซาเรสนะเหรอ
" ลาเลียสชักงง
ทำไมฟารูสถึงอยากรู้นักนะ
"ก็ช่วงที่ข้ากับเจ้าหลบหนีทหารออกมาไงล่ะ
.ข้าก็พบกับซาเรส"
"แค่ไม่กี่วันเจ้ากับเด็กนั่นก็สนิทกันขนาดนี้เชียวรึไง
ดูเป็นห่วงเป็นใยกันซะจริง
" ฟารูสพูดพร้อมกับพ่นลมออกมาทางจมูกอย่างไม่พอใจ
"เจ้าเป็นอะไรของเจ้าน่ะ
.พูดไม่เข้าเรื่อง
เพื่อนกันก็เป็นห่วงกันอยู่แล้วนี่" ลาเลียสชักจะงงว่าฟารูสฮึดฮัดทำไม
ฟารูสเองก็รู้สึกตะลึงไปกับความซื่อของลาเลียสเหมือนกัน ลาเลียสไม่เข้าใจว่าเขาหึง
!!!
"ข้าก็เป็นห่วงเจ้าเหมือนกันนะ"
ลาเลียสรีบพูดขึ้นมาเพราะเห็นสีหน้าของฟารูสเปลี่ยนไปสงสัยคงจะน้อยใจมั้งลาเลียสยื่นดาบส่งให้ฟารูส
เขารับมาพร้อมกับดึงตัวคนยื่นเข้ามากอดแต่ไม่ได้พูดอะไร ลาเลียสกอดตอบ
แต่แล้วก็ผลักออกเพราะนึกได้ว่าซาเรสอยู่ใกล้ๆ แต่พอหันกลับไปดูก็ไม่เห็นซะแล้วฟารูสนั่งพิงต้นไม้อยู่ท่ามกลางความมืด
เขาค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว
พลังของเขาก็ดูเหมือนจะคืนกลับมาบ้างแล้ว
'แกรก' เสียงดังเบาๆคล้ายเสียงย่ำเท้าของคนดังขึ้นข้างกายเขา ฟารูสจับดาบขึ้นมาทันที
เขามองเห็นนาไนท์กำลังเดินผ่านช้าๆผ่านไป
เหยื่อที่ทุกคนตามหามาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
!
โดยไม่รอช้าฟารูสกระโจนเข้าใส่นาไนท์ "เฮ้ย" ด้วยความตกใจ
นาไนท์ไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามา เขากลิ้งตัวหลบอย่างทุลักทุเล แต่พอเห็นเป็นฟารูสเขาก็ยิ้มเหยียดๆ
ในสมองเขาคิดแผนการชั่วร้ายทันที เขาจะจับฟารูสเป็นตัวประกันเพื่อที่จะข่มขู่ให้ซาเรสถอนเวทมนต์คุ้มกันนี้ออก
ตอนนี้ทั้งคู่ประจันหน้ากันอยู่ ฟารูสก็ยังไม่ค่อยแข็งแรงดี นาไนท์ย่างสามขุมเข้ามา
ฟารูสรีบเดินถอยออกไปจนติดต้นไม้ เขายกดาบขึ้นมาขวางไว้
"เปล่าประโยชน์น่า นักดาบอย่างเจ้าสู้นักเวทย์มนต์อย่างข้าไม่ได้หรอก"
ว่าแล้วนาไนท์ก็หัวเราะเสียงแหลม เขาสะบัดมือปล่อยพลังออกไป ฟารูสกระโดดหลบเข้าไปในพุ่มไม้อย่างหวุดหวิด
เขาใช้ดาบพยุงตัวไว้พร้อมกับหอบหายใจ
"แก
เจ้าคนทรยศ
อย่าหลงตัวเองนักเลยน่า"
เจ้าชายพยายามที่จะฟันนาไนท์อีก แต่ก็พลาด นาไนท์หัวเราะเยาะ ฟารูสสะดุดเซล้มลง
นาไนท์รีบใช้เวทมนต์สะกดไม่ให้เจ้าชายฟารูสขยับได้ พอดีกับที่ลาเลียสและซาเรสเข้ามาถึงพอดีนาไนท์เอาเล็บจิกคอของฟารูสไว้จนเลือดออกซิบๆ
"ถอนเวทย์มนต์ออกเดี๋ยวนี้ซาเรส ไม่งั้นข้าฆ่าฟารูสแน่"
ซาเรสถึงกับอึ้งไป เขาไม่คิดว่านาไนท์จะมาไม้นี้ ถ้าสู้กันด้วยเวทย์ล่ะก็เขาไม่แพ้แน่
ซาเรสกัดฟันกรอดๆ ลาเลียสกับฟารูสสบตากัน
"ไม่จำเป็นหรอก ซาเรส" ลาเลียสพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"ฟารูสบอกแล้วว่าเป็นชายชาตินักรบ
.ยอมตายดีกว่ายอมถูกข่มเหง"
"เจ้าคิดอย่างนั้นจริงรึ" นาไนท์กดเล็บลงไปลึงลงจนเลือดไหลออกมาแดงฉาน
"เจ้าตั้งใจจะมองคนรักเจ้าตายอย่างทรมานรึไง
."
ลาเลียสยังคงใบหน้าเรียบเฉยจนนาไนท์รู้สึกโมโห เขาสะบัดมือปล่อยฟารูสลง
"เจ้าสองคนไม่ใช่คนรักกันหรือไง!!
.อย่าคิดว่าเล่นไม้นี้แล้วข้าจะปล่อยฟารูสไปนะ"
ทันใดนั้นนาไนท์ก็รู้สึกเจ็บแปล็บเข้าที่ลำตัว เหล็กเย็นๆทิ่มผ่านตัวเขาออกมาเลือดแดงฉานไหลทะลักไม่หยุด
"กะ
แก
แกถูกเวทย์มนต์สะกดของข้านี่นา
ทำไม
.ทำไม
."
ดาบที่ซาเรสให้ปักติดอยู่ที่หลังของนาไนท์
เขาหันกลับไปมองฟารูส นาไนท์เซออกมาสองสามก้าว ตาแดงไปด้วยเลือด
เขาสะบัดมือปล่อยพลังเวทย์ใส่ฟารูส ฟารูสกระเด็นกลิ้งไปชนกับต้นไม้แล้วแน่นิ่งไป
"ฟารูส" หน้าของลาเลียสซีดวิ่งเข้าไปหาร่างที่เหมือนไร้สตินั้น
ฝ่ายนาไนท์เมื่อถูกดาบแทบเขาก็แทบคลั่ง อาการบาดเจ็บสาหัสเขาเหมือนคุมสติไม่อยู่
ซาเรสรีบเข้าไปปะทะ ลาเลียสเอามือประคองหน้าอันขาวซีดของฟารูสไว้
"เจ้าอย่าตายนะ
ข้ารักเจ้านะฟารูส ถ้าเจ้ารอดไปได้ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดชีวิตเลย"
น้ำตาอุ่นๆของนักรบไหลออกมาไม่ขาดสายในที่สุดนาไนท์ก็หมดแรงล้มลงกับพื้น
ซาเรสชักดาบของเขาเองออกมา แล้วเขาก็สังเกตว่าที่ด้ามดาบมีจี้ห้อยคอที่เขาให้ลาเลียสผูกติดอยู่
นี่เองเป็นเหตุผลที่ทำไมฟารูสถึงไม่ถูกเวทย์มนต์ของนาไนท์ ที่ลาเลียสทำเป็นไม่สนใจฟารูสก็เพื่อที่จะให้นาไนท์ปล่อยฟารูสลงด้วยความประมาทนั่นเอง
..ซาเรสถอนสะกดออก ทันใดแสงอาทิตย์ก็ส่องเข้ามาจนแทบจะลืมตาไม่ได้ทีเดียว
ที่น่าตกใจก็คือเมื่อร่างของนาไนท์ถูกแสงแดงก็สลายกลายเป็นฝุ่นดำๆ
กองเดียว
ซาเรสก้มลงหยิบลูกแก้วมุกวารีที่อยู่ในกองขึ้นมาพร้อมกับเดินไปทางลาเลียส
..
|
|
|