|
สงครามตำนานแห่งรัก
ตอนที่ 11 คำว่า "รัก"
"อือ....ร้อนจัง ขอน้ำหน่อย"
เสียงครางแผ่วๆดังออกมาจากร่างที่อยู่บนเตียงทำให้คนที่นอนเฝ้าอยู่ข้างล่างรีบลุกไปหยิบเหยือกน้ำให้เมื่อฟารูสรับน้ำมาดื่มก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมาก
เขาหันไปมองรอบตัวก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องเล็กๆที่จัดเป็นระเบียบห้องหนึ่ง
ลาเลียสถือเหยือกน้ำ ยืนอยู่ใกล้ๆขอบตาค่อนข้างช้ำแต่มีอาการแสดงความดีใจเห็นได้ชัด
"นี่ข้าสลบไปกี่วันนี่" ฟารูสเอ่ยขึ้นอย่างงง
เขารู้สึกว่าแข็งแรงขึ้นมาก
"สิบห้าวัน....เจ้าไม่ได้สติไปตั้งสิบห้าวันเชียวนะ"
ลาเลียสเอ่ยออกมาน้ำตาเริ่มคลอ เขานั่งเฝ้าฟารูสเกือบตลอดเวลา หลังจากเหตุการณ์ตอนนั้นฟารูสบาดเจ็บสาหัสมาก
ซาเรสใช้พลังเวทย์ของตัวเองช่วยชีวิตฟารูสเอาไว้ได้ฟารูสดันตัวขึ้นมาเอาศีรษะพิงกำแพง
สายตาจับจ้องไปที่ลาเลียส เขายื่นนิ้วออกไปเช็ดน้ำตาจากใบหน้านั้น
ดึงร่างบางเข้ามากอด
"เจ้าอย่าร้องไห้สิ ลาเลียส ข้ารู้สึกผิดที่ทำให้เจ้าร้องไห้นะ"
ฟารูสพูดยิ้มๆ เขาก้มลงไปจูบร่างบางในอ้อมแขน คราวนี้ร่างกายของเขายอมเคลื่อนไหวตามใจเขาแล้ว
เขาจูบร่างบางจนแทบจะไม่มีเวลาหายใจ อารมณ์ที่เก็บไว้มานานถูกระบายออกมาสิ้น
ลิ้นของเขาตวัดควานหาความหวานภายใน เขาพลิกตัวดันร่างลาเลียสไปบนเตียง
ทิ้งน้ำหนักลงทับร่างบาง ด้วยส่วนสูงที่เกือบจะเท่ากันทำให้ร่างกายทุกส่วนสัมผัสกัน
อารมณ์เขาแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่จูบกับลาเลียสที่วิหารร้าง
เขาเคยพร่ำขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้มีวันนี้ ฟารูสรู้สึกรำคาญเสื้อผ้าที่กั้นระหว่างผิวเนื้อ
มือเขาเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อของลาเลียสแต่ยังไม่ยอมถอนปากออก ลาเลียสเริ่มตอบสนองเขาอย่างช้าๆ
กล้าๆกลัวๆ มือทั้งสองข้างกระหวัดกดศีรษะของฟารูสลงให้แนบสนิทยิ่งขึ้น
"อื๊อ....ฟารูส...อย่า..." ลาเลียสครางออกมาเมื่อรู้สึกถึงมือของฟารูสที่เลื่อนต่ำลงมากอบกุมเขาเอาไว้
แล้วเริ่มสอดนิ้วเข้าไปภายใน นิ้วของฟารูสเหมือนกำลังสำรวจช่องทาง
ฟารูสรู้สึกถึงความคับแคบ ลาเลียสสะดุ้งด้วยความเจ็บเมื่อนิ้วนั้นเพิ่มจำนวนขึ้น
เขาพยายามที่จะผลักมือออก แต่ก็ถูกมือใหญ่กว่าจับรวบไว้บนหัว ลาเลียสเริ่มรู้สึกกลัว
"ผ่อนคลายสิลาเลียส....." ฟารูสกระซิบข้างๆหู
พยายามปลอบคนรักของเขา นิ้วของเขายังคาไว้แต่ไม่เคลื่อนไหว ปากของฟารูสก็เริ่มที่จะพรมจูบไปทั่วไปหน้า
ซอกคอแล้วไล่ต่ำลง ลิ้นของเขาไล้วนอยู่ที่ติ่งเนื้อสีชมพูอยู่นาน
ร่างที่อยู่ข้างใต้ก็ตอบสนองด้วยการแอ่นหน้าอกขึ้นมารับ เมื่อฟารูสรู้สึกถึงความผ่อนคลายของลาเลียส
เขาปล่อยข้อมือที่จับไว้ออก ลาเลียสกอดตอบฟารูส เขาเริ่มชินกับนิ้วที่อยู่ภายในและเริ่มตอบสนอง
แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกคับและแน่น นิ้วของฟารูสถูกแทนที่ด้วยอวัยวะอื่นที่กำลังตื่นตัวเต็มที่และกำลังเริ่มลุกลามเข้ามา
ลาเลียสเริ่มเกร็งและตกใจ ปากที่กำลังส่งเสียงร้องของเขาถูกประกบด้วยจูบอันอ่อนโยน
แต่ลาเลียสก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดมากกว่าความต้องการ เขาพยายามดันร่างนั้นออกสุดแรงแต่ก็แทบจะไม่ขยับเลย
น้ำตาอุ่นๆไหลออกมา ฟารูสพยายามดันตัวเข้าไปอีกจนรู้สึกถึงเลือดที่ไหลออกมา
ลาเลียสคงเจ็บมาก
"ข้าจะไปช้าๆนะ....ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้า
ลาเลียส" ฟารูสพยายามบังคับตัวเองไม่ให้สติขาดลง จะถอยหลังกลับตอนนี้ก็คงไม่ได้
ร่างกายเขายังเต็มไปด้วยความต้องการแต่ลาเลียสดูเหมือนตรงกันข้าม
เขาพยายามที่จะระงับอารมณ์แล้วถอนตัวออก แต่ร่างบางที่สั่นระริกด้วยความกลัวและความเจ็บกลับกระตุ้นอารมณ์เขาอย่างร้ายกาจ
เหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้า จิตใจเขากำลังขัดแย้งกันอยู่
"ข้า...ข้าขอโทษนะลาเลียส" ว่าแล้วฟารูสก็ดันตัวเข้าไปจนสุดด้วยความรวดเร็ว
ลาเลียสกรีดร้องออกมา เขากัดที่หัวไหล่ฟารูสอย่างแรงจนรู้สึกถึงเลือด
ฟารูสจูบร่างนั้นอีกครั้ง จากความเจ็บเริ่มมาเป็นความชา ฟารูสเคลื่อนไหวช้าๆอยู่ภายใน
เลือดทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ปากเขาก็พร่ำบอกถึงคำขอโทษ จากช้าเริ่มเร็วขึ้น
ตอนนี้ลาเลียสไม่ค่อยเจ็บแล้ว อารมณ์เขาเริ่มเตลิดไปพร้อมกับฟารูส
จนในที่สุดก็ปลดปล่อยออกเกือบพร้อมๆกัน ฟารูสฟุบหน้าลงกับอกของลาเลียส
ลาเลียสรู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆภายในตัวเขา ผ่านไปสักพักลาเลียสเริ่มรู้สึกตัว
เขามองหัวไหล่ของฟารูสที่เห็นเป็นรอยฟันและเลือดที่ไหลย้อยลงมา ลาเลียสเลียเลือดที่ไหลจากต้นแขนไปจนถึงหัวไหล่ของฟารูสช้าๆ
ฟารูสรีบดันตัวออกพลิกกลับไปนอนข้างๆ ลาเลียสมองด้วยความสงสัย
"เจ้าเป็นแวมไพร์หรือไง....."
ฟารูสพูดยิ้มๆ เขามองจ้องหน้าลาเลียสตรงๆ
"ในตัวข้าก็มีเลือดของเจ้าไหลเวียนอยู่แล้ว....ระวังข้าจะสูบเลือดเจ้าหมดตัวเลยก็แล้วกัน"
ลาเลียสหัวเราะ
"เจ้าไม่เจ็บแล้วใช่ไหม ลาเลียส"
ฟารูสถามด้วยความเป็นห่วง
"อือ.....ตอนนี้ข้ารู้สึกชาๆแล้ว"
"งั้นก็ดีแล้ว" พูดจบฟารูสก็ดึงมือลาเลียสเข้าไปจับส่วนที่กำลังตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งของเขา
ลาเลียสหน้าแดงรีบกระตุกมือกลับ แต่ฟารูสก็หัวเราะพลิกตัวกลับขึ้นมาทับเขาเหมือนเดิม
"สงสัยที่เจ้าจะสูบข้าหมดตัวคงจะไม่ใช่เลือดซะแล้วล่ะ..."
ในตอนเช้าฟารูสเป็นฝ่ายเปิดประตูห้องออกมาด้วยความสดใส ทั้งโอมาและอานูต่างก็ดีใจที่อาการของเขาหายเป็นปรกติแล้ว
แต่ตอนนี้คนที่นอนแบบลุกไม่ไหวบนเตียงกลับเป็นลาเลียสแทน
โอมาพยายามที่จะขอตรวจอาการ แต่ลาเลียสไม่ยอม บอกแต่ว่าอ่อนเพลียจากที่เฝ้าฟารูสติดต่อกันมาหลายวันเท่านั้น
พอพูดจบก็ซุกตัวลงกับผ้าห่มไม่ยอมสบตาใครๆ มีแต่ฟารูสที่แอบยิ้มอยู่ข้างหลังเท่านั้น
"เจ้าชายซาเรสเดินทางกลับอาณาจักรไปแล้วเมื่อสามวันก่อน"
โอมาบอกกับฟารูสเมื่อเขาถามถึง
"ข้ายังไม่ได้แสดงความขอบคุณเขาเลยที่ช่วยชีวิตข้าไว้....."
ฟารูสพูดขึ้นอย่างเสียดาย ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าซาเรสคงไม่ใช่คู่แข่งด้านความรักกับเขาแน่
"เห็นซาเรสว่าจะกลับมาอีกครั้งนี่พะย่ะค่ะ"
อานูรีบบอกเจ้าชายฟารูส โอมาเอามือเคาะหัวหลานชายอย่างแรง "เจ้าเรียกซาเรสเฉยๆได้ไง
ต้องเรียกเจ้าชายซาเรสสิ เจ้านี่ชักจะลามปามใหญ่แล้วนะ" อานูเอามือคลำหัวตัวเองพร้อมกับพูดเสียงอ่อยๆ
"ก็ข้าลืมไปนี่"
วันนี้ประชาชนของอาณาจักรมานาล็อกต้องพบกับความตื่นเต้นที่สุดในชีวิต
เมื่อกองทัพของเผ่าเวหาในขบวนเต็มยศได้เดินทางมาเยือนเป็นครั้งแรก
มนุษย์มีปีกที่แต่งตัวสวยงาม ราชรถที่ประดับประดาอย่างสวยงาม นับเป็นของตื่นตาตื่นใจของประชาชนยิ่งนัก
ถ้าไม่นับครั้งที่เจ้าชายซาเรสเคยมาแบบธรรมดาเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่โอมายังเป็นราชครูอยู่
และที่ทำให้ประชาชนตื่นเต้นที่สุดก็คือเจ้าชายซาเรส พระราชาที่ทุกคนคิดว่าสวรรคตแล้วเดินทางมาพร้อมกันด้วย
เจ้าชายซาเรสเชิญฟารูสขึ้นนั่งบัลลังก์พร้อมทั้งประกาศต่อหน้าประชาชนของอาณาจักรมานาล็อกว่า
เจ้าชายฟารูสคือผู้มีพระคุณกับเผ่าเวหาที่ทำให้เขาสามารถสำเร็จโทษคนทรยศนาไนท์ได้
นาไนท์คือตัวการที่ทำให้อาณาจักรมานาล็อกและเผ่านารูก้าขัดแย้งกันมาหลายปี......คืนนั้นในวังได้จัดงานรื่นเริงขึ้นอีกครั้งหลังจากฉลองงานวันเกิดของเจ้าชายฟารูสไป
"เป็นครั้งแรกเลยนะที่ข้าได้นั่งราชรถที่บินได้"
ฟารูสพูดกับซาเรสยิ้มๆ
"ถ้าเจ้าอยากลองอีกก็นั่งกลับไปพร้อมกับข้าก็ได้นะ....ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ
แต่ท่าทางเจ้าคงไม่อยากไปหรอกมั้ง" พูดจบทั้งสองคนก็หัวเราะแม่นมเฟรเซียกับโอมายืนยิ้มอยู่ห่างๆ
ทั้งสองคนอายุมากแล้วย่อมหวังที่จะให้ทุกคนเป็นมิตรกัน
และนี่ก็เป็นความหวังของพวกเขา
"เฮ้อ....ท่านนายพลอัลเมอร์ไม่น่าหลงคารมของเจ้านาไนท์นั่นเลยจริงๆ
ไม่งั้นคงได้มานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเราตรงนี้" แม่ทัพคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
นายพลอัลเมอร์ถูกเนรเทศออกนอกเมืองแทนการประหาร เพราะฟารูสเห็นว่าอัลเมอร์เองก็เป็นผู้เสียหายคนหนึ่งเหมือนกัน
และท่านนายพลเองก็ยอมออกเดินทางด้วยความเต็มใจ
"ข้าหวังว่าทุกคนคงจะร่วมไว้อาลัยให้กับคนที่เคยเสียชีวิตให้กับสงครามความขัดแย้งที่ผ่านมาหลายปีนี้ด้วย"
ฟารูสพูดพร้อมกับจ้องไปที่ลาเลียสที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขา.....ทั่วทั้งโต๊ะเงียบสงบไปพักหนึ่ง
"ข้ามีของขวัญจะมอบให้กับพระราชาฟารูส"
เจ้าชายซาเรสประกาศกลางโต๊ะอาหารอย่างเป็นทางการ พูดจบก็หยิบกล่องกำมะหยี่สีทองออกมา
เขาเปิดกล่องนั้นออก ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าสีเงินยวงก็ปรากฏออกมา ข้างในกล่องนั้นบรรจุลูกแก้วสีขาวใสอยู่ลูกหนึ่ง
"ลูกแก้วมุกวารี" ลาเลียสแทบจะตะโกนออกมา
ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นมันเป็นเหมือนแค่ก้อนเลือดสีแดงๆเท่านั้นเอง
"ใช่แล้ว นี่เป็นลูกแก้วมุกวารี ข้าได้นำมันกลับไปทำพิธีพื้นพลังขึ้นมาใหม่
ตอนนี้ข้าจะมอบมันแก่พระราชาฟารูส ท่านจะทำยังไงก็แล้วแต่ท่าน"
ซาเรสพูดพร้อมกับยืนมุกวารีให้กับฟารูส ฟารูสรับกล่องนั้นมา
"ลูกแก้วมุกวารีเป็นของเผ่านารูก้า
เผ่าพันธุ์ของแม่ของข้า ดังนั้นข้าขอคืนมันให้กับลาเลียส ตัวแทนของเผ่านารูก้า"
ฟารูสชูลูกแก้วนั้นขึ้นเพื่อให้ทุกคนในที่นั้นได้เห็น เขาเดินไปหาลาเลียสพร้อมกับยื่นกล่องนั้นให้
ลาเลียสรับมาอย่างเลื่อนลอยเสียงตบมือของทุกคนดังขึ้น ทุกคนต่างยินดีในความสัมพันธ์ที่กลับมาเป็นเหมือนเดิม'เมื่อลาเลียสได้ลูกแก้วแล้วก็ต้องกลับบ้านเมืองสินะ
แล้วเขาจะกลับมาหาข้าอีกครั้งรึเปล่า' ฟารูสคิดอยู่ในใจ รอยยิ้มเริ่มเลือนหายไปจากหน้า
เพราะเขายังไม่เคยได้ยินลาเลียสกล่าวคำว่า "รัก" ให้เขาฟังสักครั้งหนึ่งเลย
|
|
|