01      02      03      04      05      06      07      08       09       10       11       12       13       14       15       16      17
Peebee

สงครามตำนานแห่งรัก

ตอนที่ 11 คำว่า "รัก"

"อือ....ร้อนจัง ขอน้ำหน่อย" เสียงครางแผ่วๆดังออกมาจากร่างที่อยู่บนเตียงทำให้คนที่นอนเฝ้าอยู่ข้างล่างรีบลุกไปหยิบเหยือกน้ำให้เมื่อฟารูสรับน้ำมาดื่มก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมาก เขาหันไปมองรอบตัวก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องเล็กๆที่จัดเป็นระเบียบห้องหนึ่ง ลาเลียสถือเหยือกน้ำ ยืนอยู่ใกล้ๆขอบตาค่อนข้างช้ำแต่มีอาการแสดงความดีใจเห็นได้ชัด
"นี่ข้าสลบไปกี่วันนี่" ฟารูสเอ่ยขึ้นอย่างงง เขารู้สึกว่าแข็งแรงขึ้นมาก
"สิบห้าวัน....เจ้าไม่ได้สติไปตั้งสิบห้าวันเชียวนะ" ลาเลียสเอ่ยออกมาน้ำตาเริ่มคลอ เขานั่งเฝ้าฟารูสเกือบตลอดเวลา หลังจากเหตุการณ์ตอนนั้นฟารูสบาดเจ็บสาหัสมาก ซาเรสใช้พลังเวทย์ของตัวเองช่วยชีวิตฟารูสเอาไว้ได้ฟารูสดันตัวขึ้นมาเอาศีรษะพิงกำแพง สายตาจับจ้องไปที่ลาเลียส เขายื่นนิ้วออกไปเช็ดน้ำตาจากใบหน้านั้น ดึงร่างบางเข้ามากอด
"เจ้าอย่าร้องไห้สิ ลาเลียส ข้ารู้สึกผิดที่ทำให้เจ้าร้องไห้นะ" ฟารูสพูดยิ้มๆ เขาก้มลงไปจูบร่างบางในอ้อมแขน คราวนี้ร่างกายของเขายอมเคลื่อนไหวตามใจเขาแล้ว เขาจูบร่างบางจนแทบจะไม่มีเวลาหายใจ อารมณ์ที่เก็บไว้มานานถูกระบายออกมาสิ้น ลิ้นของเขาตวัดควานหาความหวานภายใน เขาพลิกตัวดันร่างลาเลียสไปบนเตียง ทิ้งน้ำหนักลงทับร่างบาง ด้วยส่วนสูงที่เกือบจะเท่ากันทำให้ร่างกายทุกส่วนสัมผัสกัน อารมณ์เขาแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่จูบกับลาเลียสที่วิหารร้าง เขาเคยพร่ำขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้มีวันนี้ ฟารูสรู้สึกรำคาญเสื้อผ้าที่กั้นระหว่างผิวเนื้อ มือเขาเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อของลาเลียสแต่ยังไม่ยอมถอนปากออก ลาเลียสเริ่มตอบสนองเขาอย่างช้าๆ กล้าๆกลัวๆ มือทั้งสองข้างกระหวัดกดศีรษะของฟารูสลงให้แนบสนิทยิ่งขึ้น
"อื๊อ....ฟารูส...อย่า..." ลาเลียสครางออกมาเมื่อรู้สึกถึงมือของฟารูสที่เลื่อนต่ำลงมากอบกุมเขาเอาไว้ แล้วเริ่มสอดนิ้วเข้าไปภายใน นิ้วของฟารูสเหมือนกำลังสำรวจช่องทาง ฟารูสรู้สึกถึงความคับแคบ ลาเลียสสะดุ้งด้วยความเจ็บเมื่อนิ้วนั้นเพิ่มจำนวนขึ้น เขาพยายามที่จะผลักมือออก แต่ก็ถูกมือใหญ่กว่าจับรวบไว้บนหัว ลาเลียสเริ่มรู้สึกกลัว
"ผ่อนคลายสิลาเลียส....." ฟารูสกระซิบข้างๆหู พยายามปลอบคนรักของเขา นิ้วของเขายังคาไว้แต่ไม่เคลื่อนไหว ปากของฟารูสก็เริ่มที่จะพรมจูบไปทั่วไปหน้า ซอกคอแล้วไล่ต่ำลง ลิ้นของเขาไล้วนอยู่ที่ติ่งเนื้อสีชมพูอยู่นาน ร่างที่อยู่ข้างใต้ก็ตอบสนองด้วยการแอ่นหน้าอกขึ้นมารับ เมื่อฟารูสรู้สึกถึงความผ่อนคลายของลาเลียส เขาปล่อยข้อมือที่จับไว้ออก ลาเลียสกอดตอบฟารูส เขาเริ่มชินกับนิ้วที่อยู่ภายในและเริ่มตอบสนอง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกคับและแน่น นิ้วของฟารูสถูกแทนที่ด้วยอวัยวะอื่นที่กำลังตื่นตัวเต็มที่และกำลังเริ่มลุกลามเข้ามา
ลาเลียสเริ่มเกร็งและตกใจ ปากที่กำลังส่งเสียงร้องของเขาถูกประกบด้วยจูบอันอ่อนโยน แต่ลาเลียสก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดมากกว่าความต้องการ เขาพยายามดันร่างนั้นออกสุดแรงแต่ก็แทบจะไม่ขยับเลย น้ำตาอุ่นๆไหลออกมา ฟารูสพยายามดันตัวเข้าไปอีกจนรู้สึกถึงเลือดที่ไหลออกมา ลาเลียสคงเจ็บมาก
"ข้าจะไปช้าๆนะ....ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้า ลาเลียส" ฟารูสพยายามบังคับตัวเองไม่ให้สติขาดลง จะถอยหลังกลับตอนนี้ก็คงไม่ได้ ร่างกายเขายังเต็มไปด้วยความต้องการแต่ลาเลียสดูเหมือนตรงกันข้าม เขาพยายามที่จะระงับอารมณ์แล้วถอนตัวออก แต่ร่างบางที่สั่นระริกด้วยความกลัวและความเจ็บกลับกระตุ้นอารมณ์เขาอย่างร้ายกาจ เหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้า จิตใจเขากำลังขัดแย้งกันอยู่
"ข้า...ข้าขอโทษนะลาเลียส" ว่าแล้วฟารูสก็ดันตัวเข้าไปจนสุดด้วยความรวดเร็ว ลาเลียสกรีดร้องออกมา เขากัดที่หัวไหล่ฟารูสอย่างแรงจนรู้สึกถึงเลือด ฟารูสจูบร่างนั้นอีกครั้ง จากความเจ็บเริ่มมาเป็นความชา ฟารูสเคลื่อนไหวช้าๆอยู่ภายใน เลือดทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ปากเขาก็พร่ำบอกถึงคำขอโทษ จากช้าเริ่มเร็วขึ้น ตอนนี้ลาเลียสไม่ค่อยเจ็บแล้ว อารมณ์เขาเริ่มเตลิดไปพร้อมกับฟารูส จนในที่สุดก็ปลดปล่อยออกเกือบพร้อมๆกัน ฟารูสฟุบหน้าลงกับอกของลาเลียส ลาเลียสรู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆภายในตัวเขา ผ่านไปสักพักลาเลียสเริ่มรู้สึกตัว เขามองหัวไหล่ของฟารูสที่เห็นเป็นรอยฟันและเลือดที่ไหลย้อยลงมา ลาเลียสเลียเลือดที่ไหลจากต้นแขนไปจนถึงหัวไหล่ของฟารูสช้าๆ ฟารูสรีบดันตัวออกพลิกกลับไปนอนข้างๆ ลาเลียสมองด้วยความสงสัย
"เจ้าเป็นแวมไพร์หรือไง....." ฟารูสพูดยิ้มๆ เขามองจ้องหน้าลาเลียสตรงๆ
"ในตัวข้าก็มีเลือดของเจ้าไหลเวียนอยู่แล้ว....ระวังข้าจะสูบเลือดเจ้าหมดตัวเลยก็แล้วกัน" ลาเลียสหัวเราะ
"เจ้าไม่เจ็บแล้วใช่ไหม ลาเลียส" ฟารูสถามด้วยความเป็นห่วง
"อือ.....ตอนนี้ข้ารู้สึกชาๆแล้ว"
"งั้นก็ดีแล้ว" พูดจบฟารูสก็ดึงมือลาเลียสเข้าไปจับส่วนที่กำลังตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งของเขา ลาเลียสหน้าแดงรีบกระตุกมือกลับ แต่ฟารูสก็หัวเราะพลิกตัวกลับขึ้นมาทับเขาเหมือนเดิม
"สงสัยที่เจ้าจะสูบข้าหมดตัวคงจะไม่ใช่เลือดซะแล้วล่ะ..." ในตอนเช้าฟารูสเป็นฝ่ายเปิดประตูห้องออกมาด้วยความสดใส ทั้งโอมาและอานูต่างก็ดีใจที่อาการของเขาหายเป็นปรกติแล้ว แต่ตอนนี้คนที่นอนแบบลุกไม่ไหวบนเตียงกลับเป็นลาเลียสแทน โอมาพยายามที่จะขอตรวจอาการ แต่ลาเลียสไม่ยอม บอกแต่ว่าอ่อนเพลียจากที่เฝ้าฟารูสติดต่อกันมาหลายวันเท่านั้น พอพูดจบก็ซุกตัวลงกับผ้าห่มไม่ยอมสบตาใครๆ มีแต่ฟารูสที่แอบยิ้มอยู่ข้างหลังเท่านั้น
"เจ้าชายซาเรสเดินทางกลับอาณาจักรไปแล้วเมื่อสามวันก่อน" โอมาบอกกับฟารูสเมื่อเขาถามถึง
"ข้ายังไม่ได้แสดงความขอบคุณเขาเลยที่ช่วยชีวิตข้าไว้....." ฟารูสพูดขึ้นอย่างเสียดาย ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าซาเรสคงไม่ใช่คู่แข่งด้านความรักกับเขาแน่
"เห็นซาเรสว่าจะกลับมาอีกครั้งนี่พะย่ะค่ะ" อานูรีบบอกเจ้าชายฟารูส โอมาเอามือเคาะหัวหลานชายอย่างแรง "เจ้าเรียกซาเรสเฉยๆได้ไง ต้องเรียกเจ้าชายซาเรสสิ เจ้านี่ชักจะลามปามใหญ่แล้วนะ" อานูเอามือคลำหัวตัวเองพร้อมกับพูดเสียงอ่อยๆ "ก็ข้าลืมไปนี่"
วันนี้ประชาชนของอาณาจักรมานาล็อกต้องพบกับความตื่นเต้นที่สุดในชีวิต เมื่อกองทัพของเผ่าเวหาในขบวนเต็มยศได้เดินทางมาเยือนเป็นครั้งแรก มนุษย์มีปีกที่แต่งตัวสวยงาม ราชรถที่ประดับประดาอย่างสวยงาม นับเป็นของตื่นตาตื่นใจของประชาชนยิ่งนัก ถ้าไม่นับครั้งที่เจ้าชายซาเรสเคยมาแบบธรรมดาเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่โอมายังเป็นราชครูอยู่ และที่ทำให้ประชาชนตื่นเต้นที่สุดก็คือเจ้าชายซาเรส พระราชาที่ทุกคนคิดว่าสวรรคตแล้วเดินทางมาพร้อมกันด้วย เจ้าชายซาเรสเชิญฟารูสขึ้นนั่งบัลลังก์พร้อมทั้งประกาศต่อหน้าประชาชนของอาณาจักรมานาล็อกว่า เจ้าชายฟารูสคือผู้มีพระคุณกับเผ่าเวหาที่ทำให้เขาสามารถสำเร็จโทษคนทรยศนาไนท์ได้ นาไนท์คือตัวการที่ทำให้อาณาจักรมานาล็อกและเผ่านารูก้าขัดแย้งกันมาหลายปี......คืนนั้นในวังได้จัดงานรื่นเริงขึ้นอีกครั้งหลังจากฉลองงานวันเกิดของเจ้าชายฟารูสไป

"เป็นครั้งแรกเลยนะที่ข้าได้นั่งราชรถที่บินได้" ฟารูสพูดกับซาเรสยิ้มๆ
"ถ้าเจ้าอยากลองอีกก็นั่งกลับไปพร้อมกับข้าก็ได้นะ....ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ แต่ท่าทางเจ้าคงไม่อยากไปหรอกมั้ง" พูดจบทั้งสองคนก็หัวเราะแม่นมเฟรเซียกับโอมายืนยิ้มอยู่ห่างๆ
ทั้งสองคนอายุมากแล้วย่อมหวังที่จะให้ทุกคนเป็นมิตรกัน และนี่ก็เป็นความหวังของพวกเขา
"เฮ้อ....ท่านนายพลอัลเมอร์ไม่น่าหลงคารมของเจ้านาไนท์นั่นเลยจริงๆ ไม่งั้นคงได้มานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเราตรงนี้" แม่ทัพคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา นายพลอัลเมอร์ถูกเนรเทศออกนอกเมืองแทนการประหาร เพราะฟารูสเห็นว่าอัลเมอร์เองก็เป็นผู้เสียหายคนหนึ่งเหมือนกัน และท่านนายพลเองก็ยอมออกเดินทางด้วยความเต็มใจ
"ข้าหวังว่าทุกคนคงจะร่วมไว้อาลัยให้กับคนที่เคยเสียชีวิตให้กับสงครามความขัดแย้งที่ผ่านมาหลายปีนี้ด้วย" ฟารูสพูดพร้อมกับจ้องไปที่ลาเลียสที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขา.....ทั่วทั้งโต๊ะเงียบสงบไปพักหนึ่ง
"ข้ามีของขวัญจะมอบให้กับพระราชาฟารูส" เจ้าชายซาเรสประกาศกลางโต๊ะอาหารอย่างเป็นทางการ พูดจบก็หยิบกล่องกำมะหยี่สีทองออกมา เขาเปิดกล่องนั้นออก ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าสีเงินยวงก็ปรากฏออกมา ข้างในกล่องนั้นบรรจุลูกแก้วสีขาวใสอยู่ลูกหนึ่ง
"ลูกแก้วมุกวารี" ลาเลียสแทบจะตะโกนออกมา ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นมันเป็นเหมือนแค่ก้อนเลือดสีแดงๆเท่านั้นเอง
"ใช่แล้ว นี่เป็นลูกแก้วมุกวารี ข้าได้นำมันกลับไปทำพิธีพื้นพลังขึ้นมาใหม่ ตอนนี้ข้าจะมอบมันแก่พระราชาฟารูส ท่านจะทำยังไงก็แล้วแต่ท่าน" ซาเรสพูดพร้อมกับยืนมุกวารีให้กับฟารูส ฟารูสรับกล่องนั้นมา
"ลูกแก้วมุกวารีเป็นของเผ่านารูก้า เผ่าพันธุ์ของแม่ของข้า ดังนั้นข้าขอคืนมันให้กับลาเลียส ตัวแทนของเผ่านารูก้า" ฟารูสชูลูกแก้วนั้นขึ้นเพื่อให้ทุกคนในที่นั้นได้เห็น เขาเดินไปหาลาเลียสพร้อมกับยื่นกล่องนั้นให้ ลาเลียสรับมาอย่างเลื่อนลอยเสียงตบมือของทุกคนดังขึ้น ทุกคนต่างยินดีในความสัมพันธ์ที่กลับมาเป็นเหมือนเดิม'เมื่อลาเลียสได้ลูกแก้วแล้วก็ต้องกลับบ้านเมืองสินะ แล้วเขาจะกลับมาหาข้าอีกครั้งรึเปล่า' ฟารูสคิดอยู่ในใจ รอยยิ้มเริ่มเลือนหายไปจากหน้า เพราะเขายังไม่เคยได้ยินลาเลียสกล่าวคำว่า "รัก" ให้เขาฟังสักครั้งหนึ่งเลย
แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1