|
สงครามตำนานแห่งรัก
ตอนที่ 9 ทางเลือก
ลาเลียสกับซาเรสรีบวิ่งตรงไปที่วิหารร้างอย่างไม่หยุดพัก
ลาเลียสร้อนรุ่มไปหมด พอถึงวิหารเขาแทบจะกระโจนเข้าไปพังประตู แต่ซาเรสดึงเขาไว้
" เขาอยู่ที่แจ้งเราอยู่ที่ลับ เรื่องอะไรเราจะต้องกระโจนออกไปให้เขาเห็นตัวเล่า
เราซุ่มดูก่อนว่าพวกเขาทำอะไรดีกว่า" ซาเรสกระโดดขึ้นไปบนวิหาร
พลางสำรวจไปทางช่องต่างๆ ลาเลียสจึงต้องจำใจกระโดดตามไปในที่สุดเขาก็เห็น
ที่แท่นบูชาในห้องแปลกๆของวิหาร ฟารูสถูกมัดอยู่ เปลือยท่อนบนสวมเพียงกางเกงขายาวสีขาวตัวเดียว
แสงจันทร์ส่องกระทบไปที่เจ้าชายฟารูส สีแดงของเลือดตัดกับสีขาวของผิวซีดๆ
เขาเห็นนาไนท์ชูถาดใส่เลือดของฟารูสขึ้น มันมากซะจนเขาคิดว่าฟารูสคงจะไม่รอดแน่แล้ว
เขามาช่วยไม่ทันหรือนี่ ตัวเขาสั่นด้วยความแค้น เขามองเห็นนาไนท์เรียกทหารที่ชื่อฟัลก้อมเข้าไป
ตอนนี้เองเขาเตรียมตัวที่กระกระโดดลงไปฟันนาไนท์อยู่แล้ว ติดแต่แขนของซาเรสที่ดึงข้อมือเขาไว้
เขาพยายามสะบัดออก
แต่แรงบีบที่ข้อมือนั้นแรงราวกับคีมเหล็ก
สายตาของซาเรสพยายามบอกเขาว่าอย่าวู่วาม แต่ความอดทนเขามีขีดจำกัด
แขนข้างที่ว่างสะบัดฟันไปที่กิ่งไม้ข้างๆ นกที่เกาะต้นไม้อยู่ตกใจจนส่งเสียงร้องออกมาแล้วบินไป
ซาเรสเห็นนาไนท์มองมาที่หน้าต่างด้วยสายตาเคืองๆ เสียงนกแล้วไม่สนใจอีก
ซาเรสผ่อนลมหายใจออกมา
"ท่านอยากจะให้เจ้าชายฟารูสตายรึไง....."
ซาเรสพูดเสียงเขียว
"ฟารูส..เขายังไม่ตายรึ........"ลาเลียสค่อยสงบลงได้
หลังจากได้ยินคำพูดนั้นของซาเรส
"เรามาช้าไป......แต่ว่า....."
ซาเรสมองดูนาไนท์ที่ร่ายมนต์และมัดข้อมือของทหารนั้นกับข้อมือของฟารูสพร้อมกับอุทานว่า
"พิธีถ่ายเลือด........." ลาเลียสมองเข้าไปในวิหารนั้นบ้าง
เขาเห็นนาไนท์กำลังทำอะไรบางอย่างกับเลือดของฟารูส เลือดนั้นเหมือนระเหยหายไปอย่างรวดเร็ว
กลายมาเป็นก้อนกลมๆแดงๆอยู่ในถาด
"นั่นคือมุกวารีที่ท่านรอคอยอยู่นานไงล่ะ"
ซาเรสพูดข้างๆหูของลาเลียส
"นาไนท์คือนักโทษที่ข้าตามหาจริงๆ...ตอนนี้เขากำลังสูญเสียพลังในการทำให้มุกวารีกลับมาเป็นเหมือนเดิม...
นี่เป็นโอกาสทั้งของท่านและของข้าที่จะชิงมุกวารีแล้วก็จับตัวนาไนท์.....แต่ว่า......"
ซาเรสจ้องลึกไปในดวงตาของลาเลียส
"ระหว่างฟารูสกับมุกวารีท่านจะเลือกอะไร"
"ทะ..ทำไมเจ้าถามข้าแบบนี้"
ลาเลียสอึกอัก เขาไม่เข้าใจว่าซาเรสจะมาถามถึงความในใจของเขาในขณะนี้ทำไม
"ที่เมืองของข้า....การถ่ายเลือดเป็นวิชาต้องห้าม
คนที่รู้มนต์นี้มีเพียงไม่กี่คน มันชุบชีวิตคนใกล้ตายได้ก็จริงแต่คนที่ให้เลือดก็จะกลายเป็นคนไร้ความสามารถตลอดชีวิต.....จึงเป็นวิชาต้องห้าม....แล้วตอนนี้........."
ซาเรสผันสายตาไปมองในวิหาร สีหน้าของฟารูสเหมือนมีสีเลือดขึ้นมาแล้ว
ส่วนนาไนท์ก็กำลังพักผ่อนอยู่
"ถ้าท่านเข้าไปชิงมุกวารีตอนนี้....ก็คือพิธีถ่ายเลือดนี่ต้องชะงักไป.....เจ้าชายฟารูสก็อาจจะไม่รอด....สำหรับข้านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะจับตัวนาไนท์
ข้าไม่อยากให้เขาฟื้นกำลังก่อน เพราะเขาเก่งมากนะ..." ลาเลียสจ้องมองร่างที่อยู่ในวิหารอย่างสับสน
ตอนนี้มีทางเลือกอย่างชัดเจนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว มุกวารี กับ ฟารูส
ถ้าเขาเลือกมุกวารีก็จะสามารถช่วยทุกคนในเผ่าของเขาได้ แต่ฟารูสก็จะต้องตาย
ผู้คนในเผ่าที่เขารักและเคารพ กับฟารูสชายที่ปฏิบัติกับเขาตอนแรกอย่างทำลายศักดิ์ศรี
แต่ก็ช่วยชีวิตเขาและ...รักเขา เขาเข้าใจถึงความรู้สึกตอนที่ได้ข่าวว่าฟารูสตายครั้งแรก
มันเป็นความเศร้าเสียใจขนาดแทบทำให้หัวใจเขาแตกสลาย เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกตัวเอง
"ความรัก" สิ่งที่เขาแทบไม่เคยคิดว่าจะมี เขาเคยคิดว่าตัวเองมีแต่ความแค้น
แต่เท่าที่ได้พบกับฟารูส สายใยนั้นก่อตัวขึ้นภายใน มันเบาบางซะจนเขาแทบไม่รู้สึกตัว
พอเขาคิดจะตัดมันมันก็แข็งแกร่งซะจนเขาดิ้นไม่หลุด และตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาไม่อยากพบกับความเศร้าเสียใจขนาดนั้นอีกครั้งแล้ว
ลาเลียสเงียบอยู่นานจนกระทั่งเขารู้สึกว่าซาเรสขยับตัวเหมือนจะกระโดดลงไป
ลาเลียสคว้าข้อมือบอบบางนั้นไว้อย่างไม่รู้ตัว ซาเรสหันมามองเขาแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
"นี่คือสิ่งที่ท่านเลือกสินะ..."
ถึงแม้ลาเลียสไม่พูดออกมาสักคำ แต่การที่เขาดึงไม่ให้ซาเรสลงไปในวิหารเป็นคำตอบได้อย่างดี
นาไนท์แทบไม่รู้ตัวเลยว่าช่วงที่เขากำลังพักผ่อนอยู่นั้น ภายนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เวลาผ่านไปจนเขารู้สึกว่ากำลังกลับคืนมา เขาเดินเข้าไปแก้เชือกที่มัดข้อมือเจ้าชายฟารูสออก
ท่องบ่นนิดหน่อยพร้อมกับไล่ทหารคนนั้นออกไป ซาเรสกับลาเลียสเห็นนาไนท์ชูก้อนแดงๆที่เขาเรียกว่า
"มุกวารี" ขึ้นมาตรงหน้าของเจ้าชายฟารูส ลาเลียสได้ยินคำพูดของนาไนท์และกิริยาที่นาไนท์กระทำกับฟารูส
เขาถึงกับตัวสั่นกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ 'ความน่ารักของท่านทำให้ข้าอดใจไว้ไม่อยู่งั้นเรอะ
......ท่านต้องเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มที่งดงามแน่ๆงั้นเรอะ' เขาไม่ทันมองซาเรสที่ข้างๆก็ตาลุกเป็นไฟเหมือนกัน
ทันใดนั้นลาเลียสก็ชะงักที่เห็นปีกสีดำของนาไนท์ เผ่าเวหารึนี่ นาไนท์เป็นคนเผ่าเวหา!!
แล้วซาเรสที่บอกว่าเป็นคนเมืองเดียวกันละ หรือว่าทั้งคู่เป็นคนเผ่าเวหาเหมือนกัน
"ข้าทนไม่ไหวแล้ว จะลงไปเดี๋ยวนี้แหละ"
ซาเรสพูดเสียงเย็น
"ท่านก็ไปช่วยเจ้าชายฟารูสของท่านด้วย"
พูดจบซาเรสก็ท่องบ่นอะไรไม่กี่คำ พร้อมกับลำแสงที่มือสะบัดลงไปที่เพดานวิหารโครม
!! เพดานนั้นพังลงไปเกือบทั้งแถบ ฝุ่นคลุ้งตลบอบอวน ลาเลียสกับซาเรสกระโดดลงไป
นาไนท์ชะงักเสียงหัวเราะ เขารีบเก็บมุกวารีลง ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีใครเข้ามาขวาง
จนกระทั่งฝุ่นซา เขาก็เห็นร่างบางๆที่ยืนจ้องเขาอย่างเคียดแค้น
"เจ้าชายซาเรส !!! " นาไนท์ร้องอย่างตกใจ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอซาเรสที่นี่ เจ้าชายที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาถูกจองจำและตีตรา
แน่นอน ตอนนั้นซาเรสยังเด็กและเวทมนต์ยังอ่อน
เขาจึงสามารถล่วงเกินซาเรสได้ แต่ตอนนี้เวทมนต์เขายังไม่กลับคืนมาแถมซาเรสก็โตขึ้นกว่าเดิมมาก
เขาสู้ซาเรสไม่ได้แน่ นาไนท์ตัดสินใจชักดาบวิ่งเข้าไปหาซาเรส ซาเรสชะงักนิดหนึ่งแต่ยังไม่ทันตอบโต้
นาไนท์ก็กระโจนผ่านช่องที่เพดานพร้อมบินหนีออกไป มันตั้งใจจะหนีแต่แรกแล้ว
ซาเรสขบกรามกรอดเขาอยากจะจัดการให้เสร็จๆไปเลย เขาหันไปที่ลาเลียสพร้อมกับตะโกนบอกว่า
"เจ้าจัดการเรื่องของเจ้าเองก็แล้วกัน
ข้าจะตามมันไป" พูดจบซาเรสก็กระโจนขึ้นฟ้าตามนาไนท์ไป ลาเลียสเห็นปีกสีขาวของซาเรสที่แผ่ออกจากที่หลังราวกับเทพยดา
เขาตะลึงไปอยู่พักหนึ่ง อะไรมันรวดเร็วจนเขาตั้งตัวแทบไม่ทัน กระทั่งเขารู้สึกถึงมือที่มาแตะที่แขน
สัมผัสอันเย็นชืดนั้นทำให้สติเขากลับมา เขาก้มลงมองเจ้าของมือนั้นช้า
ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาสู่จิตใจเขา สายตาทั้งสองคู่ประสานกันอยู่นาน
โดยไม่ทันรู้ตัว ลาเลียสก็ก้มลงกอดฟารูสเต็มวงแขน น้ำตาเขาไหลออกมาแต่ไม่มีเสียงสะอื้น
เขาไม่อยากให้ใครรู้หรอกว่าเขาร้องไห้
"
" ฟารูสพยายามจะพูด แต่เขาไม่มีเรี่ยวแรง
นี่เป็นฝันหรือนี่ เขาตายแล้วไปอยู่ในสวรรค์ใช่ไหม เขาไม่อยากจะเชื่อว่าลาเลียสกำลังกอดเขาอยู่
เขาอยากจะตระคองกอดตอบร่างนั้นเต็มที่ แต่เรี่ยวแรงของเขาแทบไม่มีเหลือ
มันคล้ายกับเหือดแห้งไปจากร่างกายเขา ฟารูสรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่เลื่อนมาอยู่ตรงใบหน้า
สัมผัสแผ่วเบาของริมฝีปากนุ่มที่เลื่อนมาประทับกับเขา
เป็นสัมผัสที่เหมือนกับจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งมวลลงไป
มันเต็มไปด้วยอารมณ์
..แช่มช้า..และแผ่วเบา ไม่มีความรุนแรงอยู่ในจูบนั้น
ฟารูสรู้สึกอยากให้ช่วงเวลานี้หยุดอยู่กับที่ เป็นครั้งแรกที่ลาเลียสจูบเขา
เขาอยากจะจูบตอบแล้วมาเป็นฝ่ายรุกเสียเอง เขาอยากสัมผัสมากกว่านี้
อยากตอบสนองรสจูบให้รุนแรงกว่านี้ อยากสอดลิ้นเขาไปหาความหวานภายใน
เสียแต่ว่าเขาแทบไม่มีแรง แล้วอีกฝ่ายคงไม่ทำถึงขนาดนั้นแน่ในขณะที่สมองของฟารูสกำลังคิดเรื่องเปื่อยอยู่นั้น
ลาเลียสเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขาพร้อมกับพูดว่า
"เรากลับไปบ้านกันเถอะ
."
|
|
|