|
สงครามตำนานแห่งรัก
ตอนที่ 8 นักโทษที่หลบหนี
"ท่านนาไนท์ ข้าปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว
เมื่อไหร่ท่านจะทำตามสัญญาซะที" นายพลอัลเมอร์ตะโกนใส่นาไนท์อย่าหัวเสีย
"ท่านสัญญาว่าจะให้ข้าครอบครอบอาณาจักรนี้ครึ่งนึงนะ"
นาไนท์ชายตาชำเลืองมองอัลเมอร์ เขาหัวเสียมากในคืนที่สำคัญอย่างนี้อัลเมอร์กลับถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต
"ข้าไม่ลืมหรอก ท่านอัลเมอร์ เอาไว้หลังคืนนี้ก่อนข้าจะทำตามสัญญา"
เขาพูดโดยไม่หันมามอง นี่ก็ใกล้เวลาที่พระจันทร์จะเลื่อนมาตรงศีรษะแล้ว
เขาจะต้องไปที่วิหาร ไม่เช่นนั้นแผนการทั้งหมดของเขาจะต้องรอไปอีกเกือบครึ่งเดือน
เขาทนรอมาเป็นสิบปีได้ แต่ตอนนี้แม้สักนาทีเขาก็ไม่อยากเสียเวลา
"งั้นพรุ่งนี้ข้าจะมาหาท่านที่นี่ก่อนที่จะออกไปห้องประชุม
ขอโทษที่รบกวนนะท่านนาไนท์" อัลเมอร์พูดพร้อมกับหันตัวเดินจากไป
นาไนท์มองตาม
"เชอะ จะมาหาข้าก่อนงั้นเรอะ จงใจจะข่มขู่ข้าละสิ
คิดว่าข้าเป็นแค่ราชครูอ่อนแอรึไง ถ้าแผนการข้าสำเร็จข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้หรอก"
นาไนท์แสยะยิ้ม ตอนนี้เขามัวแต่กังวลที่จะต้องไปให้ทันเวลาที่วิหาร
โดยไม่ได้สนใจว่าการกระทำของเขาทั้งหมดตกอยู่ภายใต้สายตาของแม่นมแฟรเซีย
ฟารูสลืมตาขึ้นมา เขายังอยู่ที่เดิม ถูกมัดอยู่บนแท่นบูชาในวิหารแปลกๆ
เขาอยากให้นี่เป็นความฝันเหลือเกิน วันนี้แสงจันทร์แจ่มเป็นพิเศษ
เขาเงยหน้าขึ้นมอง ดวงจันทร์เต็มดวง คืนนี้เป็นคืนจันทร์เพ็ญ.......เขาถูกจับมัดอยู่ที่นี่สามวันแล้ว
จะมีโอกาสได้ขยับตัวบ้างก็ตอนทำธุระส่วนตัว นาไนท์จะทรมานเข้าอีกนานแค่ไหน
เขาฆ่าตัวตายซะก่อนที่มันจะมีโอกาสทำอะไรเขาดีหรือเปล่า ในจิตใจส่วนลึกของเขายังรู้สึกดีใจที่มีชีวิตอยู่
เพราะมีชีวิตอยู่เขาจึงอาจจะมีโอกาสได้กลับไปหาคนที่คิดถึงอยู่ทุกลมหายใจ....ลาเลียส..ครืน...เสียงประตูเปิดพร้อมกับเสียงฝีเท้า
นาไนท์เดินเข้ามาพร้อมกับชายร่างใหญ่ถือถาดสีเงินที่มีมีดสีเขียวเป็นประกายยวงวางอยู่
เขาเดินเข้ามาใกล้ฟารูส
"ถ้าพระจันทร์ตรงที่ศีรษะของท่านเมื่อไหร่
พิธีของข้าก็จะเริ่ม" ฟารูสไม่รู้หรอกว่าพิธีที่นาไนท์พูดถึงคือพิธีอะไร
แต่พอเขาเห็นมีดสีเขียวในถาด ใจเขาก็ตกวูบทันที หรือว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องตายแล้ว
ฟารูสจ้องมีดนั้นอย่างไม่วางตา นาไนท์หยิบมีดนั่นออกจากถาดอย่างทะนุถนอม
พร้อมปากก็พร่ำบ่นคำพูดออกมาซึ่งเขาพอจะจับใจความได้ว่า..เขาจะกลับไปแก้แค้น
คนที่ทำร้ายเขา......ปีกสีดำ....มุกวารี......เวทย์มนต์ที่เพิ่มขึ้น.....ซาเรส....ซาเรสนี่คงจะเป็นชื่อคน
แต่อะไรคือปีกสีดำล่ะ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เขาสะดุ้งตอนที่นาไนท์เดินเข้ามาใกล้
พร้อมกับมีด
"ถึงเวลาแล้วเหรอ" ฟารูสนึกในใจ
นาไนท์ทำปากขมุบขมิบเหมือนจะท่องมนต์อะไรซักอย่าง เขาฟังไม่เข้าใจ
มีดเล่มนั่นสัมผัสเนื้อที่แขนเขาแล้ว เขาไม่รู้สึกเจ็บเลย เพียงแต่รู้สึกเย็นวาบที่ข้อมือ
เขามองไปที่ข้อมือ ก็เห็นว่าเลือดของเขากำลังไหลลงไปอยู่ในถาดที่นาไนท์เตรียมมา
เลือดสดๆ เขาชักรู้สึกหวิวๆแล้ว ตอนที่เลือดไหลออกเขาก็นึกถึงลาเลียส
นึกถึงวันที่เขากรีดเลือดให้ลาเลียสดื่ม ......เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้นาไนท์ก็พูดถึงมุกวารี
กับเวทมนต์ หรือว่านาไนท์จะดื่มเลือดเขา..... หลังจากนั้นไม่นาน
ฟารูสก็ได้ยินเสียงนาไนท์ เรียกชายร่างใหญ่ข้างๆ
"ฟัลก้อม เจ้ามานี่ได้แล้ว"ชายคนนั้นเดินเข้ามาอย่างเซื่องซึม
เขาลงมานอนข้างๆเจ้าชายฟารูส นาไนท์กรีดข้อมือชายคนนั้นพร้อมทั้งยกมาประกบข้อมือของเจ้าชายฟารูส
เขามัดข้อมือทั้งสองไว้ด้วยกัน พร้อมท่องอะไรแปลกๆอีก ตอนนี้มีเสียงนกกลางคืนร้องดังทำลายความเงียบขึ้นมา
นาไนท์มีท่าทีเคืองนิดๆ ที่มีเสียงดังขัดจังหวะเขา ฟารูสเริ่มรู้สึกถึงความร้อนที่ไหลผ่านข้อมือเขา
ร่างกายเขาเริ่มรู้สึกมีกำลังขึ้นเรื่อยๆ เขาพยายามใช้สายตาที่พร่าเลือนมองไปที่นาไนท์
นาไนท์วางถาดเลือดไว้ที่ฐานของรูปปั้นที่ยื่นออกมา แสงของดวงจันทร์ตกกระทบเลือดพอดี
นาไนท์ใช้นิ้วจุ่มไปที่เลือดพร้อมกับคนอย่างช้าๆ ปากของเขาขมุบขมิบตลอดเวลา
เขาทำอย่างนั้นอยู่นาน ฟารูสเองก็ไม่เข้าใจว่านาไนท์ทำเช่นนั้นทำไม
จนในที่สุดเหมือนกับว่าตาของเขาฝาดไป เขาเห็นเลือดของเขาเริ่มรวมตัวกันเข้าเป็นก้อนสีแดงๆ
นาไนท์ยังคนต่อไปเรื่อยๆ เหงื่อเริ่มผุดพรายขึ้นมาเต็มหน้าผากของเขา
ไอ้เจ้าก้อนสีแดงๆนั่นก็เริ่มเล็กลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นเม็ดกลมๆขนาดเท่าไข่มุกเม็ดใหญ่ๆเท่านั้น
หรือนี่คือมุกวารีงั้นเหรอ แสงจันทร์ค่อนข้างจางลงแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี
นาไนท์นั่งหลับอยู่สักพักก็เดินมาที่แท่นบูชาพร้อมกับแก้เชือกที่มัดออก
เลือดหยุดไหลแล้ว
"ไปได้ ฟัลก้อม" นาไนท์สั่งพร้อมกับชี้ไปที่ประตู
บุรุษที่ชื่อฟัลก้อมก็เดินสะโหรสะเหรออกไป นาไนท์ชูก้อนสีแดงๆในมือให้ฟารูสดู
"นี่แหละ คือมุกวารีที่ท่านครอบครองอยู่นาน"
เขาพูดพร้อมกับชูมันมาที่ตรงหน้าเขา
"แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่"
"เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว.....ข้าหวังจะได้มันมาครอบครอง
ข้าหลอกบิดาของท่านให้นำมันมาให้ข้า.....ข้ากะจะฝากมันให้อยู่ในร่างกายของท่านสักพัก...
แต่ด้วยความน่ารักของท่านทำให้ข้าอดใจไว้ไม่อยู่...... ท่านต้องเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มที่งดงามแน่ๆ....สมแล้วที่ข้าอดทนรอมานาน"ฟารูสรู้สึกขนลุกซู่.....ไอ้หมอนี่มันจ้องเขาไว้แต่เด็กแล้วงั้นเรอะ
มิน่าเขารู้สึกแปลกๆตลอดเวลาที่นาไนท์มอง
"ข้าเคยถูกจับขังคุกอยู่นานในเมืองเก่าที่เข้าเคยอยู่เพราะไปล่วงเกินลูกชายเจ้าเมืองเข้า
ข้าถูกตีตรา ถูกลดทอนเวทมนต์ ข้าจึงต้องหลบหนีออกมาจากเมือง วางแผนต่างๆที่จะกลับไปแก้แค้น"ตอนนั้นนั่นเองฟารูสก็ได้เห็นปีกสีดำ......ภายใต้ผ้าคลุมของนาไนท์ที่เขาเคยสงสัยตลอด
"ท่านเป็นคนเผ่าเวหารึเนี่ย" ฟารูสตกใจมาก เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นมนุษย์มีปีกจริงๆ
"ปีกสีดำคือการตีตราไง.....ข้าไม่สามารถใช้เวทมนต์ชั้นสูงได้อีก
ข้าต้องอาศัยมุกวารีในการได้พลังกลับคืนมา" นาไนท์มองไปที่ฟารูส
"เมื่อใดที่มุกวารีนี้กลับไปเป็นสีเงินยวงละก็เวลานั้นของข้าก็จะมาถึง......ส่วนท่าน....ถ้าหายดีเมื่อไหร่ก็จะเป็นของเล่นของข้าตลอดไป
ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
ฟารูสเสียวสันหลังวูบ เขาได้ยินเสียงหัวเราะที่รู้สึกขยะแขยงที่สุด...
"ข้าจะบุกเข้าไปที่ปราสาท" ลาเลียสตะโกนก้อง
"ท่านจะบ้าไปแล้วรึ จะฆ่าตัวตายรึไง"
โอมาตะคอก
"ทุกคนก็รู้สึกกังวลกันทั้งนั้นแหละ....แต่ไม่มีใครบ้าระห่ำเท่าท่านเลย"
"ถ้าไม่มีใครเสนอวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ได้ละก็
ข้าก็จะบุกเข้าไปที่ปราสาท จับไอ้ราชครูที่ชื่อนาไนท์นั่นมาเค้นคอถามซะให้สิ้นเรื่อง"
ลาเลียสจ้องตรงไปที่โอมา ใช่สิ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงแล้ว ถ้าที่ซาเรสพูดขู่เป็นความจริงละก็........
"งั้นเราไปด้วยกันเลย" เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งพูดขึ้นมา
คราวนี้เสียงที่ขัดกลับเป็นเสียงของลาเลียสแทน
"ซาเรส เจ้าพูดอะไรของเจ้า"
เขาไม่อยากให้เด็กผู้ชายตัวเล็กๆต้องไปเสี่ยงอันตรายด้วย
"ถ้าไปด้วยกันสองคนข้าก็วางใจหน่อย"
เสียงโอมาพูดขึ้นมา
เขามองไปที่ซาเรสสายตาของเขามีแวววิงวอน
"ท่านช่วยดูแลลาเลียสด้วยแล้วกัน
เขาค่อนข้างเป็นคนใจร้อน ถ้าท่านช่วยปรามเขาไว้บ้างก็ดี"
โอมาเปลี่ยนสรรพนามจาก "เจ้า"
มาเป็น "ท่าน" ทุกคนฟังก็รู้สึกแปลกๆอยู่ ซาเรสเป็นใครโอมาถึงเคารพยกย่องขนาดนี้
โอมาก็อายุมากโขแล้ว แถมยังเคยพบกับซาเรสตอนยังเป็นราชครูอยู่
ตอนนั้นลาเลียสอายุแค่แปดเก้าขวบเท่านั้น
ซาเรสอายุเท่าไหร่กันแน่......
ลาเลียสค่อนข้างคุ้นเคยกับเส้นทางในปราสาท
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแอบเข้ามา เขานึกถึงฟารูส ครั้งแรกเขามาเพื่อ
"ฆ่า" แต่ครั้งนี้เขามาเพื่อ "ช่วย" เขาสังเกตคนที่ตามเขามาติดๆ
ซาเรสคล่องตัวไม่แพ้เขาเลย เหมือนเป็นคนที่ฝึกมาอย่างดี โอมาก็ดูท่าจะนับถือซาเรสมากซะด้วย
เขาเองก็ไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็น จึงเก็บความสงสัยเอาไว้ข้างใน ทหารยามเข้าเวรตามปกติ
ซาเรสสันนิษฐานว่าฟารูสคงจะถูกซ่อนตัวอยู่ที่อื่น เพราะสถานะของเจ้าชายฟารูสคือคนตายไปแล้ว
นาไนท์คงไม่ซ่อนเจ้าชายฟารูสไว้ในปราสาทที่ทุกคนเข้าออกง่ายๆเป็นแน่
ห้องของนาไนท์ว่างเปล่าปราศจากสิ่งมีชีวิต
ทั้งสองคนช่วยกันค้นทุกแทบทุกห้องในปราสาท ก็ไม่พบ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้ว
ทั้งสองคนซ่อนตัวอยู่บนขื่นข้างบนเพดาน ลาเลียสกระสับกระส่ายขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นสายตาเขาก็มองไปเห็นร่างๆหนึ่งเดินผ่านทางเดินข้างใต้เขาไป
ร่างนั้นถือตะเกียงเหมือนเพิ่งกลับมาจากข้างนอก หน้าตาค่อนข้างสับสน
ลาเลียสรีบกระโดดเข้าไปขวาง ร่างนั้นตกใจจะส่งเสียงแต่ถูกลาเลียสปิดปากไว้ก่อน
"แม่นมแฟรเซีย นี่ข้าเอง ท่านไม่ต้องร้องนะ"
ลาเลียสกระซิบข้างๆหู พร้อมกับเอามือออกช้าๆ แม่นมหันหน้าไปมองลาเลียสมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า
"ท่านออกไปไหนมาดึก ๆ ดื่น ๆ "
ลาเลียสถามพร้อมกับจับที่ไหล่แม่นม
"ข้า..ข้า...ข้าแอบตามราชครูนาไนท์ออกไป.....ข้าสงสัยเขา
...ตอนที่เจ้าชายฟารูสถูกจับฐานะกบฎ เขาบอกข้าว่าอยากจะช่วยเจ้าชาย
..เขาวานข้าส่งจดหมายไปให้เจ้าชายฟารูส........" เสียงแม่นมชะงักไป
เสียงฝีเท้าของทหารยามใกล้เข้ามา ทั้งสามคนเลยวิ่งแอบเข้าไปซ่อนในห้องของนาไนท์ที่อยู่ข้างๆ
"ข้า.....ข้าแอบดูในจดหมาย ....เขานัดเจ้าชายไปเจอที่วิหารร้างก่อนวันพระจันทร์เต็มดวง...บอกว่ามีวิธีหยุดสงครามได้......แต่หลังจากนั้นก็มีข่าวเจ้าชายฟารูสถูกฆ่า...ฮึก...ฮือ..."
แม่นมสะอื้นออกมาอย่างหยุดไม่ได้ "ข้าไม่อยากจะเชื่อ......
หลังวันที่เจ้าชายฟารูสถูกฆ่า ......ข้าก็เห็นนาไนท์ออกไปข้างนอกทุกคืน....."
"ไปที่วิหารร้างนั่นใช่ไหม"
ซาเรสพูดขัดขึ้นมา "วิหารนั้นอยู่ที่ไหน !!"
" อยู่ที่ชายป่าทางทิศตะวันตก......."
แม่นมพูดพร้อมเสียงสะอื้น
|
|
|