|
สงครามตำนานแห่งรัก
ตอนที่ 4 หลบหนี
ฟารูสตอนนี้แทบจะกลายเป็นคนไม่มีจิตใจ ความจริงที่เขารู้ทำให้เขาหมดหวังในทุกเรื่อง
เมื่อลูกแก้ววิเศษไม่มีทางได้คืนมาแน่สงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ก็คงไม่จบสิ้น
แถมเขายังไม่กล้าที่จะพบหน้ากับลาเลียสอีกด้วย
"ท่านรู้รึเปล่าว่าอัลเมอร์จะเอาท่านเป็นเหยื่อล่อ....ฆาตกรคนนั้น"
นาไนท์บอกกับเขาก่อนที่จะจากไปเมื่อวานนี้ ทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่ลึกๆ
แน่นอนลาเลียสคงต้องยอมเสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยเขาแน่ คงไม่ใช่เพราะรัก
แต่ถ้าเขาตายไปซะก็เหมือนสายใยที่จะโยงไปถึงลูกแก้ววิเศษนั้นขาดไปด้วย
"แย่แล้วเพคะ เจ้าชายฟารูส "
เสียงแม่นมเฟรเซียที่วิ่งกระหืดกระหอบดังเข้ามา
"เจ้านายพลผู้โหดร้ายจะสั่งประหารเจ้าชายพรุ่งนี้ที่ลานกลางเมือง"
แม่นมน้ำตานองหน้า เจ้าชายฟารูสไม่สะทกสะท้านเพราะเขารู้อยู่ก่อนแล้ว
ลานกลางเมือง!! ลานประหารนักโทษที่ทำความผิดร้ายแรง ถ้าใครถูกประหารที่นี่นับเป็นความอัปยศที่สุดของวงศ์ตระกูล
จะมีการผูกนักโทษติดกับเสาและให้ทหารหามไปทั่วเมือง พวกประชาชนก็จะนำของต่างๆมาขว้างปาเป็นการประนาม
"เจ้าชายของหม่อมฉัน......."
แม่นมพูดพร้อมเข้าไปกอด เจ้าชายฟารูสรู้สึกถึงกระดาษก้อนกลมๆที่แม่นมยัดเข้าไปในมือของเขา
เขารีบเก็บมันทันทีก่อนที่ทหารยามจะสังเกตเห็น
"ข้าอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ท่านช่วยออกไปก่อนได้ไหม"
เมื่อแม่นมเฟรเซียเดินออกไปแล้วฟารูสก็หลบทหารยามแกะก้อนกระดาษนั้นออกอ่าน
' พรุ่งนี้ ตอนท่านผ่านประตูตะวันตก ให้รีบหนี
ใต้รถม้ามีดาบอยู่ คืนก่อนวันพระจันทร์เต็มดวงให้มาพบนาไนท์ที่เทวสถาน
มีวิธีหยุดยั้งสงครามแล้ว' เมื่ออ่านจนขึ้นใจแล้ว ฟารูสรีบขยำกระดาษเป็นก้อนโยนใส่ปากเคี้ยวกลืนลงไป
ยามนี้สายตาของลาเลียสกำลังมองใบประกาศใบใหม่ที่อยู่ในมือของเขา
'ประกาศประหารเจ้าชายฟารูส' เขามองพร้อมกับหวนคิดไปเมื่อหลายราตรีก่อน
อาจจะเป็นเพราะเขาไหวตัวทันหลบหนีสายตาของทหารที่เข้ามาตรวจค้นในปราสาทน้ำได้ทันท่วงทีจึงไม่ถูกจับได้
ยามแรกเขาสงสัยว่าเจ้าชายฟารูสจะทรยศเขาเหมือนเช่นพระราชาแมนนอน
เขาซุ่มซ่อนดูเหตุการณ์อยู่ตลอดจนกระทั่งเห็นเจ้าชายฟารูสถูกกระบี่ของอัลเมอร์จนเป็นแผลฉกรรจ์นั่นแหละจึงตัดสินใจลงมาช่วย
แต่ไม่คาดมาก่อนเลยว่าการลงมาช่วยของเขาจะทำให้สถานการณ์ของฟารูสย่ำแย่ลง
ในยามนั้นเขารู้เพียงแต่ว่าไม่อยากให้ฟารูสบาดเจ็บมากกว่านี้ เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นฟารูสตาย!
"ท่านคิดจะเข้าไปช่วยเจ้าชายฟารูสรึเปล่า"
เสียงชราภาพแต่เข้มแข็งดังขึ้นมา
"นี่อาจจะเป็นกับดักเพื่อล่อท่านออกมาก็ได้"
ใช่แล้ว ท่านโอมาก็มีความคิดเช่นเดียวกับลาเลียสว่านี่อาจจะเป็นกับดัก
แต่ถ้าเป็นกับดักแล้วเขาจะปล่อยให้ฟารูสตายงั้นหรือ
"ถึงเป็นกับดักข้าก็ต้องขอฝ่าเข้าไปสักครั้ง
ท่านโอมา ตอนนี้ฟารูสก็นับเป็นสหายคนหนึ่งของข้า ข้าย่อมไม่ทอดทิ้งเขา"
คำตอบของลาเลียสทำให้โอมาแปลกใจมาก เพราะไม่เคยเห็นลาเลียสเป็นห่วงใครถึงขนาดนี้เลย
ทั้งๆที่ยามแรกลาเลียสเห็นฟารูสเป็นศัตรูที่ไม่น่าอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้แท้ๆ
"ท่านโอมาครับ ท่านโอมา มีรายงานข่าวด่วนจากพระราชวังมาแล้วครับ"
เสียงอานูวิ่งเข้ามาในบ้าน "มาจากรานีน้องสาวข้าที่เข้าไปทำงานเป็นสาวรับใช้ในวัง"
"รานี สาวใช้ที่เคยวางยาในอาหารน่ะรึ"
ลาเลียสนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น
"ใช่ครับ นางเข้าไปคุยกับแม่นมเฟรเซีย
สารภาพว่าเป็นคนของทางฝ่ายเราและต้องการที่จะช่วยเจ้าชายฟารูสออกมา
แม่นมเฟรเซียจึงได้แพร่งพรายแผนการของนางที่จะช่วยเจ้าชายให้กับรานีมาครับ
นางเองก็ไม่อยากเห็นเจ้าชายฟารูสถูกประหาร"
"อย่างนี้แผนการที่จะช่วยฟารูสก็คงจะง่ายเข้ามาสักหน่อยแล้ว"
ลาเลียสรำพึงกับตัวเอง
"ปัญหามันก็ขึ้นกับร่างกายข้านี่แหละว่าจะทนไปได้อีกสักเท่าไหร่"
เมื่อล้วงตลับยาออกมาดูก็เห็นว่ามียาเหลืออีกเพียงสามสี่เม็ด เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
แสงอาทิตย์อันร้อนอบอ้าวส่องกระทบบ้านเรือน
แต่จิตใจของผู้ที่เฝ้ารอคอยนั้นรุ่มร้อนยิ่งกว่า ขบวนแห่ประจานนักโทษที่ออกจากตัวเมืองใกล้จะมาถึงแล้ว
ลาเลียส กับอานูแต่งกายกลมกลืนกับชาวบ้าน แต่ภายใต้เสื้อคลุมล้วนแล้วแต่ซุกซ่อนอาวุธเอาไว้
เขากำลังรอคอย.....เขารู้ว่าฟารูสจะหนีทางประตูทิศตะวันตกจากข่าวของรานีจึงมาดักรอที่นี่
เขายังไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นกับดักหรือเปล่า ขบวนแห่ประจานนักโทษเริ่มเห็นมาแต่ไกล
ทหารสี่คนที่เดินแบกคานหามอยู่ตรงมุมของไม้กระดานแผ่นใหญ่ ตรงกลางมีเสาสูงตั้งตระหง่าน
ทั้งลาเลียสและอานูก็เห็นร่างของเจ้าชายฟารูสถูกมัดติดกับเสา พวกชาวบ้านที่เห็นเจ้าชายต่างก็ร้องประณามหยามเหยียดด้วยความเข้าใจว่าเจ้าชายฟารูสทรยศต่อเผ่าพันธุ์
บางคนถึงขั้นขว้างปาสิ่งของขึ้นไป เมื่อมีคนหนึ่งปาแล้วชาวบ้านที่เหลือต่างก็รุมกันขว้างปาสิ่งของที่หาได้ใกล้มือขึนไปบ้าง
ลาเลียสที่เฝ้ามองอยู่อยากจะกระโจนเข้าไปฟาดฟันบรรดาชาวบ้านที่ขว้างปาสิ่งของเข้าไปนัก
เพราะเขา! ฟารูสถึงต้องมาเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ ดีที่อานูพยายามห้ามปรามไว้
ด้วยศักดิ์ศรีฟารูสยอมกัดฟันทนต่อการขว้างปาของชาวบ้าน เขาไม่ปริปากร้องสักคำ
ของบางอย่างที่ชาวบ้านขว้างขึ้นมาก็ทั้งหนักทั้งแข็ง โลหิตไหลซึมออกมาตามร่างกาย
เขากำลังรอเวลาอยู่ เมื่อไหร่ที่ทหารเดินผ่านประตูทางทิศตะวันตกอย่างที่นัดแนะไว้
เขาจะหลบหนี เขาจะต้องกลับมาเพื่อพิสูจน์ความจริงให้ได้ เชือกที่มัดแขนเขาไว้มีรอยบากอยู่
ถ้าเขาเกร็งกำลังกระชากออกก็คงจะขาดได้ไม่ยาก ตอนนี้ฟารูสกำลังเพ่งมองหารถม้าที่นาไนท์บอกว่าซุกซ่อนอาวุธไว้
และในที่สุดสายตาเขาก็หาพบจนได้!!
"เมื่อไหร่แผนการจะเริ่มเสียทีนี่
ตอนนี้ขบวนจะผ่านประตูตะวันตกแล้วนะ" อานูพูดขึ้นอย่างใจร้อน
ยังไม่ทันจะพูดจบ เขาก็เห็นเจ้าชายฟารูสกระชากเชือก หลุดออกจากเสาที่มัดพร้อมด้วยเสียงสับสนของชาวบ้าน
ฟารูสรีบวิ่งไปที่รถม้าพร้อมทั้งควานหาอาวุธ ดาบของเขา! ดาบประจำตัวของเขา
ฟารูสดีใจเป็นยิ่งนักเหมือนราชสีห์ติดปีก สะบัดดาบตัดเชือกเทียมม้าออก
เมื่อม้าทั้งสองตัวเป็นอิสระต่างก็ร้องอย่างฮึกเหิม
เจ้าชายรู้ดีว่าม้าทั้งสองตัวล้วนแล้วแต่ถูกเตรียมมาเพราะเป็นม้าชั้นดีที่เหมาะแก่การศึก
เขารีบกระโจนขึ้นควบม้าตรงออกไปทางประตู
แต่ยังไม่ทันถึงจุดหมายก็ถูกปะทะด้วยทหารอีกนับสิบนายที่แอบซ่อนอยู่
ลาเลียสรู้สึกขนลุกซู่ นี่เองกับดักที่จะล่อเขาเข้าไป นี่ถ้าเขามุทะลุรีบเข้าไปช่วยฟารูส
เขาก็ต้องเผชิญกับทหารที่ดักซุ่มกลุ่มนี้แน่ ฟารูสฟาดฟันดาบคู่ใจไปที่ทหารเหล่านั้นเพื่อที่จะเปิดทางหลบหนี
โดยฝีมือฟารูสเก่งกาจกว่าพวกทหารเหล่านี้มากนัก แต่เมื่อเขาตีทหารแตกกระเจิงไปกลุ่มหนึ่ง
ทหารกลุ่มใหม่ก็รีบแทรกตัวเข้ามาทันทีจนรับมือแทบไม่ทัน ลาเลียสเมื่อเห็นดังนั้นจึงวิ่งไปที่ม้าอีกตัวที่ปล่อยว่างไว้
พร้อมทั้งสั่งอานู
"ข้าจะไปช่วยฟารูส เจ้าไปรอข้าที่ถ้ำชายป่าแล้วกัน
รีบไปด่วน" เมื่อสั่งจบลาเลียสก็ควบม้าตะบึงเข้าไปในวงล้อมทหาร
ตอนนี้นี่เองชายสองคนที่เคยมีความแค้นต่อกันมาก่อนต่างก็ร่วมกันต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
ประกายดาบที่สะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายดูสวยงามยิ่งนัก
ฟารูสกับลาเลียสควบม้าตะบึงออกจากเมือง
แต่ม้าของทั้งสองคนล้วนแล้วแต่มีบาดแผลวิ่งได้ไม่เต็มกำลังนัก ฝ่ายทหารอาจจะติดตามมาทันโดยง่าย
ทั้งสองจึงตัดสินใจลงจากม้าเพื่อเดินเท้าแทนแต่ยังปล่อยให้ม้าสองตัววิ่งต่อไปเพื่อเป็นกลลวง
เส้นทางที่ทั้งสองคนเลือกค่อนข้างจะเป็นป่ารกชัฎเพื่อไม่ให้ติดตามได้โดยสะดวกแถมยังอำพรางร่องรอยได้
ฟารูสรีบเดินโดยไม่กล้าที่จะไปสบตาลาเลียส ไม่มีคำพูดระหว่างสองคน
เขาสับสนจนไม่ทันสังเกตว่าลาเลียสถูกทิ้งห่างไปไกล
"จะรีบไปไหน ค่อยๆเดินเก็บพลังไว้ก็ได้"
ลาเลียสตะโกนไล่หลัง นับเป็นคำพูดประโยคแรกระหว่างที่หนีมาด้วยกัน
" หึ เจ้าอ่อนแอเดินช้าเองต่างหาก
แถวนี้ข้าเดินเล่นเหมือนสวนหลังบ้านอยู่แล้ว" พูดจบฟารูสก็เร่งฝีเท้าขึ้นอีก
แล้วหันหน้ากลับมามองลาเลียสเป็นระยะ แต่แทนที่ลาเลียสจะเร่งฝีเท้าตาม
เขากลับเดินช้าลงอีกเหมือนจะแกล้ง
"นี่เจ้าจะเดินชมนกชมไม้รึไง เดี๋ยวพวกทหารก็ตามมาทันหรอก"
ว่าแล้วฟารูสก็โหนตัวปีนขึ้นเนินที่ค่อนข้างชัน
"เดี๋ยวถ้าปีนผ่านเนินนี่ก็จะมีถ้ำเล็กๆแห่งหนึ่ง
เราหยุดพักแรมกันที่นั่นคืนนี้แล้วกัน ตอนนี้พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าแล้ว"
เมื่อปีนถึงยอดเนินฟารูสก็รีบไปที่ถ้ำนั้นทันที จากความทรงจำมันยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
เพียงแต่มีกลิ่นเหม็นของมูลสัตว์อยู่บ้าง ฟารูสหาท่อนไม้มากวาดเศษใบไม้ในถ้ำออกไป
เมื่อจัดเตรียมที่เรียบร้อยแล้วฟารูสก็หันไปมองลาเลียส ตอนนี้เองที่เขาเริ่มรู้สึกผิดปรกติ
"เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า" ลาเลียสเงียบไม่ตอบคำ
ร่างกายเริ่มโงนเงน ฟารูสรีบวิ่งเข้าไปประคอง
"ลาเลียส !! ตัวเจ้าร้อนจี๋เลย เจ้าอาการกำเริบนี่นา
ทำไมไม่บอกข้า" เขารู้สึกเสียใจที่เร่งลาเลียสเดินทาง "ยาเจ้าอยู่ไหนล่ะ"
"มะ..ไม่มีแล้ว......" ลาเลียสพูดปนเสียงหอบ
"อึ๊อ....." ร่างกายเขารู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา เหมือนโดนเหล็กเผาไฟนาบ
"ตัวเจ้าร้อนยังกับไฟแน่ะ" ฟารูสหันรีหันขวางไม่รู้จะช่วยยังไง
"นะ...น้ำ" ลาเลียสพูดเหมือนคนเพ้อ
"ขอน้ำ...." ร่างกายบิดเกร็งด้วยความเจ็บปวด ผิวที่เคยมีน้ำมีนวล
ตอนนี้ดูแห้งผาก แถมมีเลือดซึมออกตามผิวหนัง ฟารูสรีบวิ่งออกจากถ้ำ
เขามองซ้ายขวาเพื่อที่จะหาแหล่งน้ำ เขาเดินเล่นป่าแถบนี้มาตั้งแต่เด็ก
แหล่งน้ำที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ไกลจากตรงนี้มาก กว่าจะไปเอามาถึงลาเลียสคงตายก่อนแน่
นี่ถ้าเขามีลูกแก้ววิเศษล่ะก็............พอคิดถึงตรงนี้ฟารูสก็ชะงักไป
ลูกแก้ววิเศษ! ใช่แล้วเพราะเขากินลูกแก้ววิเศษเข้าไปทำให้เขาแตกต่างจากคนเผ่านารูก้าคนอื่น
ลูกแก้วอยู่ในตัวเขานี่แหละ ประกายแห่งความหวังวูบเข้ามา
"ลาเลียส นี่ ดื่มนี่ซะ" ฟารูสจับลาเลียสขึ้นมานั่ง
พร้อมยื่นใบไม้ที่ใส่ของเหลวอย่างนึงไปตรงหน้า
"อือ.....เหม็นคาว.....ไม่ใช่น้ำนี่"
ลาเลียสดื่มเข้าไปอึกนึงแล้วทำท่าจะพ่นออกมา
"อย่านะ ดื่มมันเข้าไปแหละ"
ฟารูสบีบคางลาเลียสพร้อมกับกรอกของเหลวนั่นเข้าไปทั้งหมด ลาเลียสสำลักออกมาหลายครั้ง
แต่จากสติอันลางเลือนเขารู้สึกสบายขึ้น ฟารูสจ้องมองใบหน้ายามหลับนั้นอย่างเหม่อลอย
ลาเลียสอาการดีขึ้นแล้ว แสดงว่าได้ผลจริงๆ ลูกแก้วอยู่ในตัวเขา เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเขาก็ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลูกแก้ว
แต่เขาไม่แน่ใจว่าต้องกินปริมาณเท่าไหร่จึงจะทำให้ลาเลียสหายทรมาน
เขานั่งเฝ้าลาเลียสมาตลอด ตอนนี้ลาเลียสนอนหลับแล้วเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้น
เขาเดินเข้าไปใกล้พร้อมประทับริมฝีปากลงอย่างแผ่วเบา
"นี่อาจจะเป็นจูบสุดท้ายที่ข้าจะได้จากเจ้าก็เป็นได้
" ฟารูสรำพึง เขาคิดว่าต่อไปลาเลียสคงจะไม่ทรมานแบบนี้อีกแล้วพร้อมกับความลับเรื่องลูกแก้วก็คงจะเปิดเผยออกมาด้วย
ถึงเขาจะตามลาเลียสกลับไปที่เผ่านารูก้า สงครามจะหยุดยั้งลงหรือเปล่า......ในห้วงความคิดของเขาก็นึกไปถึงจดหมายฉบับนั้น
.......... 'คืนก่อนวันพระจันทร์เต็มดวงให้มาพบนาไนท์ที่เทวสถาน
มีวิธีหยุดยั้งสงครามแล้ว'
แสงแดดที่แยงตาทำให้เขารู้สึกตัว นี่เขายังไม่ตายหรือนี่
ลาเลียสลุกขึ้นมานั่ง กำลังของเขายังไม่ฟื้น แต่เขาไม่รู้สึกทรมานแล้ว
เป็นไปได้ยังไง ตอนที่เขาสลบไปเขาก็นึกภาพจุดจบของตัวเขาเองออก ร่างกายแห้ง
ผิวหนังปริแตก เลือดไหลออกจากตัว ทรมานจนตาย เขาสำรวจตัวเองก็เห็นคราบเลือดอยู่บนชุด
ไม่ใช่เลือดเขา เขานึกถึงของเหลวกลิ่นเหม็นที่ฟารูสให้เขาดื่มขึ้นมา
เลือด!
"ฟารูส เจ้าอยู่ที่ไหนน่ะ "
ลาเลียสส่งเสียงเรียก สมองเขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว เขาพยุงร่างขึ้นมาเดินไปที่หน้าถ้ำที่มีใบไม้อำพรางเอาไว้
ลาเลียสพยายามเพ่งมองออกไปข้างนอก แต่ก็ไม่พบร่องรอยอะไร มีแต่เสียงนกและเสียงลมพัดใบไม้ปลิว....
"ฟารูส.....ส.ส.ส.ส." ลาเลียสพยายามเรียกเป็นครั้งสุดท้าย
น้ำตาอุ่นๆไหลออกมา เขาเป็นอะไรไปเนี่ย!! ลางสังหรณ์ประหลาดเกิดขึ้นมาเหมือนกับว่าการที่ฟารูสหายไปครั้งนี้จะไม่ได้พบกันอีก..........................................
|
|
|