00     01      02      03      04      05      06      07      08       09       10       11       12       13       14       15       16      17
Cherry March


Surechigai no kataomoi 

ตอนที่ 01

ที่อยู่ใหม่ที่ว่าเป็นแมนชั่นหรูใจกลางเมือง แม้ว่าวิวจะไม่ค่อยสวยและเสียงภายนอกออกจะดังไปซักหน่อย แต่โดยรวมแล้วดูสะดวกสบายทีเดียว ในห้องมีแยกออกเป็นห้องนอน 2 ห้อง ห้องครัว ห้องนั่งเล่นค่อนข้างกว้างซึ่งมีโต๊ะรับประทานอาหารวางห่างออกมาเหมือนแยกเป็นอีกเขตห้องหนึ่ง โดยรวมถูกตกแต่งด้วยสีครีม มีสีน้ำเงินและสีเทาตัดลงไปบ้าง ซึ่งก็ดูเหมาะกับมาซาฮิโระซัง
"ห้องของเธอห้องนั้น เอาของไปเก็บซะ ชั้นล่างสุดเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต อยากได้อะไรเพิ่มก็ลงไปซื้อเอา"
ผมพยักหน้าอย่างเด๋อด๋า
"แล้วมาซาฮิโระซังจะไปไหนครับ" ผมถามเมื่อเห็นเขาหยิบเสื้อโค้ต
"ออกไปออฟฟิส" เขาตอบพลางเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันมามอง
ผมถอนใจ แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมากมายเพราะนึกเอาไว้แล้ว
"เอาล่ะ... ต่อไปนี้เราจะต้องเป็นคนใช้ที่ดีให้ได้" ... เอ... จะว่าไปคำว่า "คนใช้" นี่ ก็รู้สึกแปลกๆ อยู่นะ

เช้าวันใหม่
ผมตื่นขึ้นมาอย่างร่าเริงแม้ว่าเมื่อคืนจะนอนไม่ค่อยหลับเพราะแปลกที่อยู่ก็ตาม
อาหารเช้าของเขา... ถ้าไม่ใช่ข้าวต้มไข่ร้อนๆ กับเครื่องเคียงแบบดั้งเดิมก็เป็นอเมริกันเบรคฟัสท์แบบไข่ดาว เบคอนกับไส้กรอกทอดเกรียมๆ ไข่ลวกที่น่าจะเรียกว่าลวกๆ จนเกือบดิบ ขนมปังแผ่นนึ่งร้อนๆ กับกาแฟดำ จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้เรื่องมากขนาดนั้นหรอกครับ เพราะจะว่าไปก็ทานแค่นิดเดียวพอเป็นพิธี แต่ถ้าใครไม่รู้ปิ้งขนมปังมาเสิร์ฟล่ะก็ ไม่ใช่ว่าจะโดนสายตาเย็นชาคู่นั้นเล่นงานหรอกนะ แต่ร้ายกว่าคือเขาจะออกจากบ้านโดยไม่แตะอะไรบนโต๊ะเลย
จะว่าไปผมก็ชินกับที่นี่อย่างรวดเร็วตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะครับ เพราะหลังจากจัดของของตัวเองเสร็จก็ทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถู เป็นการตีสนิทกับห้องไปในตัว
มาซาฮิโระซังเปิดประตูออกมาจากห้องในชุดที่ดูก็รู้ว่าจะออกไปทำงาน
"วันนี้วันอาทิตย์ ไม่หยุดเหรอครับ" ผมถามอย่างเกรงๆ ในใจนึกต่อว่าตัวเองที่พลั้งปากไปถามซอกแซก
"มีเอกสารที่ต้องศึกษาเพิ่มหลายอย่าง" เขาจิบกาแฟ แล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากางอ่านโดยไม่มองผมเช่นเคย
นั่นสินะ ก็เพิ่งเข้าไปทำงานก็ต้องลำบากเป็นพิเศษอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามผมได้แอบมองเขาทานอาหารเช้าฝีมือผมอยู่เงียบๆ อย่างดีใจ ตอนนี้ผมรู้สึกเข้าข้างตัวเองว่าเราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันเสียทีแม้ว่าท่าทีของเขาจะไม่ใช่ก็ตาม

หลังจากย้ายบ้านมาได้ 1 เดือน โรงเรียนของผมก็เปิดเทอม
ผมเริ่มชินกับการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับเขาแล้ว จะว่าไปของผมคนเดียวมากกว่า เพราะแม้จะเรียกว่าอยู่บ้านเดียวกัน แต่เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่
เช้ามาผมจะตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าให้เขา ไปโรงเรียน กลับมาบ้านทำความสะอาดห้อง ทำอาหารรอเขากลับมาทาน เตรียมน้ำอุ่น รอเก็บโต๊ะ จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้าย เข้าห้องตัวเอง ผมทำการบ้านอ่านหนังสือ คิดเมนูอาหารวันพรุ่งนี้ แล้วก็เข้านอน แม้จะวนเวียนอยู่แค่นี้ แต่ผมก็มีความสุขจริงๆ ผมเคยคิดอยู่เหมือนกันว่า ใต้หน้ากากที่ไร้ความรู้สึกนั้น เขาคิดอะไรอยู่ เขาจะคิดบ้างรึเปล่าว่าอาหารของผมอร่อย น้ำอุ่นพอดีหรือร้อนไป ผ้าปูที่นอนมีกลิ่นสะอาด หรือ...เขาจะไม่เคยคิดอะไร แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ กับงานๆๆ และข่าวในหนังสือพิมพ์ที่เขาอ่าน อย่างไรก็ตามแม้ไม่อาจเอื้อม แต่ผมก็เคยคิดอยากทำอะไรพิเศษกว่าทุกวันให้เขาบ้างเหมือนกัน ถ้าทำแล้วเขาจะสังเกตเห็นบ้างไหมหนอ?
ระยะหลังเขากลับดึกบ่อยๆ เขามีประชุมทุกเย็นวันศุกร์ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่กลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน เป็นโอกาสดีให้ผมหางานพิเศษทำตามประสานักเรียนม.ปลายได้ นอกจากนี้วันที่เขากลับค่ำมักจะมีโทรศัพท์จากเลขาของเขามาบอกผมว่าไม่ต้องทำอาหารรอ ทำให้ผมมีเวลาอ่านหนังสือเตรียมเอ็นท์ แต่ถึงกระนั้นการอยู่บ้านคนเดียวแบบนี้... เหงาจัง
ผมมีวิธีแก้เหงาโดยการอ่านหนังสือ โทรศัพท์รายงานทุกข์สุขกับคุณน้า (ส่วนใหญ่จะนินทามาซาฮิโระซังมากกว่า) บางครั้งก็โทรศัพท์คุยกับเพื่อน นัดเพื่อนมาติวหนังสือหรือเล่นเกมที่บ้านบ้าง แต่เพื่อนก็กลับตอนหัวค่ำอยู่ดี จริงๆ แล้วผมเคยเป็นฝ่ายไปบ้านเพื่อน แต่ก็มีกรณีที่มาซาฮิโระซังกลับมาเร็วกว่าที่บอกไว้จึงไม่เจอใคร ต้องออกไปกินข้าวข้างนอก ซึ่งเขาไม่เคยต่อว่า หรือแม้แต่จะบอกผมสักคำ แต่เพราะครั้งหนึ่งตอนที่ผมกลับจากบ้านเพื่อนผมเห็นเขานั่งทานข้าวคนเดียวในร้านอาหาร ทำให้ผมรู้สึกผิด และปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ทำผิดพลาดแบบนี้อีก
ผมเคยถามตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่า ที่ผมทำอยู่นี่เพื่ออะไร และหลายๆ ครั้งผมสรุปเอาเองว่า... ผมรักเขา
ครั้งแรกที่ผมเจอกับมาซาฮิโระซัง ผมยังอยู่ชั้นประถม ส่วนเขากำลังจะขึ้นม.ปลาย เขาเป็นเด็กหนุ่มที่รูปร่างสูงกว่าใครๆ ใบหน้าสวยแต่ดูหยิ่ง ไม่ค่อยมองใคร เงียบเฉย ไม่ค่อยพูด
ผมมองเขาอย่างชื่นชมมาตั้งแต่เด็กๆ เขาเป็นคนที่เก่ง เป็นความหวังของคุณลุง แม้ว่าเขาจะเย็นชากับทุกคน แต่ผมเคยแอบเห็นเขาทำแผลให้แมวจรจัดที่มาหลบอยู่ในสวนหลังบ้าน แอบเอาข้าวเอาน้ำไปให้จนมันหาย และมันก็ออกจากบ้านไป ทำให้ผมก็คิดว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ตอนที่แมวหนีไปแล้วผมยังรู้สึกเศร้าแทน และแอบชื่นชมเขาอยู่หลายวัน จนผมคิดว่าผมคงไม่สามารถละสายตาจากเขาได้
ยิ่งอยู่บ้านเดียวกัน ได้มีโอกาสทำอะไรหลายๆ อย่างให้เขา ทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองถลำลึกกว่าแต่ก่อนลงไปทุกที ไม่อยากห่างจากเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว แม้ว่าเขาจะไม่เห็นผมในสายตาก็ตาม

 

แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1