Surechigai no kataomoi
ตอนที่ 08
เขาไม่อยู่แล้ว... เด็กหนุ่มที่ทำให้ผมหวั่นไหวทุกครั้งที่เห็นหน้า
ต่อไปนี้ผมอาจจะได้ใช้ชีวิตที่สงบขึ้นเสียที
พอคิดเช่นนี้ทีไร ความกังวลเมื่อเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าของใครก็ไม่รู้ที่วางเต็มห้องนอนของผมก็ผุดขึ้นมาไม่ให้หายใจหายคอได้สะดวก
บางที... ผมคิด บางทีไม่นานผมอาจจะชิน ตอนนี้เธอเป็นคนแปลกหน้า ผมจึงวางตัวไม่ถูกเท่านั้น
ผมหงุดหงิดกับอารมณ์ของตัวเองทั้งวัน มันสับสนมาตั้งแต่ 2-3 วันก่อนแล้ว
จินัตสึ... เขาจะเสียใจกับการผลักไสของผมหรือเปล่านะ ไม่หรอก...เด็กผู้ชายคงไม่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยหรอกน่า
แล้วผมล่ะ... เสียใจกับการผลักไสเขาไปหรือเปล่า... ผมตอบไม่ได้ รู้แต่วินาทีแรกที่เดินออกจากห้องนอนแล้วพบว่าเขาไม่อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว
มันใจหายไม่ใช่น้อย อย่างน้อย... ผมก็อยากเห็นหน้าเขาครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะอยู่ห่างกันนานๆ
พอคิดถึงตอนนี้มันอดไม่ได้ที่จะคิดว่า บางทีผมอาจจะแค่หลงรูปเท่านั้น
จริงสิ... ผมก็แค่เห็นว่าเด็กนั่นหน้าตาน่ารักกว่าวัยรุ่นทั่วไปที่เคยเห็นมา
(ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่เคยมองต่างหาก) แต่อีกหน่อยพอเขาโตขึ้น ตัวต้องสูงกว่านี้
ไหล่คงจะหนากว่านี้ (หรืออาจจะอ้วนกว่านี้) เสียงต้องใหญ่กว่านี้
เขาจะต้องดูเป็นผู้ชายเต็มตัวอย่างผมหรือใครอีกหลายๆ ที่เดินสวนไปมาในบริษัท
จริงสิ.. ยิ่งใส่สูท ผูกเนคไทด้วยแล้ว... คงสง่างาม ไม่สิ... สวย...
ไม่ไม่ไม่... น่ารัก...
แย่ล่ะสิ อาการผมดูเหมือนจะแย่กว่าทุกวัน ปกติผมเป็นคนจริงจัง และมีสมาธิสูงมาก
ไม่เคยฟุ้งซ่าน คิดอะไรเพ้อเจ้ออย่างนี้มาก่อน บางทีผมอาจจะยังไม่หายป่วยก็ได้
ผมคว้าโทรศัพท์ กดหมายเลขไปที่บ้าน
"สวัสดีครับ"
"กรี๊ด~ มาซาฮิโระคุง คิดถึงจังเลยค่ะ น้าเองนะ" แม่เลี้ยงผมโวยวายลั่นจนผมต้องถอยห่างจากหูโทรศัพท์
"เป็นยังไง สบายดีรึเปล่าคะ"
"ครับ"
"จิ๊ตจังบอกว่าคุณเพิ่งหายป่วย"
"ครับ" จิ๊ตจังงั้นเหรอ... ได้ข่าวว่าลูกชายคุณน้าก็ปาเข้าไป
16 จะ 17 อยู่แล้ว "จินัตสึกลับถึงบ้านรึยังครับ"
"ถึงแล้วล่ะค่ะ เพิ่งจะออกไปเรียนเมื่อกี้นี้เอง เสียดายจังคุณโทรมาช้าไปหน่อย
แต่เห็นว่าสายแล้วด้วย เลยรีบออกไป"
"ครับ... ผมแค่โทรมาเช็คเท่านั้นเองครับ"
"เดี๋ยวสิคะ มาซาฮิโระคุง"
"ครับ"
"ที่ว่าคู่หมั้นน่ะค่ะ..."
ผมเหงื่อตก กะแล้วเชียวว่าต้องโดนถาม
"เอ่อ... จริงๆ น้าก็เคยได้ยินมาบ้างค่ะ แต่ยังไม่เคยพบตัวจริงซักครั้งเลย
ยังไงก็ฝากสวัสดีด้วยนะคะ"
คุณน้าคงกลัวผมไม่พอใจ น้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นเมื่อครู่จึงหายไปเปลี่ยนประเด็นการสนทนา
"เอาเป็นว่า ถ้าสะดวกผมจะพาเธอไปเยี่ยมบ้านซักครั้งนะครับ"
ผมตัดบทก่อนวางหู
กลับมาคิดฟุ้งซ่านเรื่องจินัตสึต่อ การตัดสินใจของผมคราวนี้ผลลัพธ์มันจะเป็นไปอย่างที่ผมคิดแน่หรือ
ผมเดินกลับบ้านอย่างเซ็งๆ พอเปิดประตูเข้ามาก็พบคานาโกะนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
บนตักมีกองเอกสารวางซ้อนกันอยู่
"กลับมาแล้วเหรอคะ" เธอทักผมทั้งที่ยังก้มหน้าอ่านเอกสาร
"กลับมาแล้ว" ผมตอบไปอย่างที่ควรจะตอบ รู้สึกแปลกๆ พิกล
"วันนี้ฉันไม่ได้ไปทำงาน มัวแต่นั่งจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ อ้อ...จริงสิ
ตอนเย็นเราจะไปทานข้าวกันที่ไหนดีคะ"
ผมเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมารินดื่ม ทุกทีจินัตสึจะเป็นคนรินมาให้
"คุณไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้หรอกเหรอ"
"ไม่ได้เตรียมค่ะ แค่ย้ายของเข้ามาก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว แล้วปกติคุณทานข้าวเย็นที่ไหนล่ะ"
"จินัตสึเตรียมไว้ให้น่ะ แต่ถ้ากลับมืดก็จะทานจากข้างนอก"
"จินัตสึ... อ้อ... เด็กคนนั้นน่ะเอง อ้าว... อย่างนี้ก็แย่สิคะ
ฉันทำอาหารไม่ค่อยเก่งซะด้วย"
"คุณเคยไปอยู่เมืองนอกมาไม่ใช่เหรอ" ผมย้อนถาม
"ก็กินข้าวข้างนอกทุกวันนี่คะ เอาล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะพยายาม เอาเป็นว่าเย็นนี้เราไปทานนอกบ้านกันก่อนดีมั้ยคะ"
จะไหวเหรอ... ผมคิด เท่าที่ทราบมา ซากุระดะ คานาโกะคนนี้เป็นลูกคนเดียว
ถูกเลี้ยงมาไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่... เอาเถอะ ยังไงผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก
แค่นี้... อีกไม่นานเธอก็จะเผยด้านลบของเธอออกมาเหมือนกับทุกคนอยู่ดี