00     01      02      03      04      05      06      07      08       09       10       11       12       13       14       15       16      17
Cherry March


Surechigai no kataomoi

ตอนที่ 06

 ผมลืมตาขึ้น รู้สึกปวดหัวหนึบ แต่กระนั้นรู้สึกสบายตัวกว่าเมื่อคืน
จินัตสึกำลังหลับอย่างเงียบๆ อยู่ข้างๆ ผมตกใจเล็กน้อย จำไม่ได้ว่าเขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร เขาเกาะเสื้อนอนผมแน่น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าได้อยู่ใกล้ใครบางคนนานขนาดนี้ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก่อนขึ้นมา
เด็กคนนี้จูบผม แล้วบอกว่ารัก... เรื่องแบบนั้นทำกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเลยงั้นหรือ แล้วถ้าผมจะลองทำดูบ้างล่ะ....
ผมมองใบหน้ายามหลับของเขา เป็นครั้งแรกที่ได้พิจารณาใบหน้าใครซักคนแบบนี้ พวงแก้มใส ขนตายาวเรียงเป็นแพ จมูกโด่งนิดๆ ดูรั้นหน่อยๆ คนอะไรหน้าอย่างกับเด็กผู้หญิง จริงสิ จะว่าไปหน้าแบบนี้ก็เห็นบ่อยๆ ทางโทรทัศน์ บางทีอาจเป็นโทนหน้าของเด็กสมัยนี้กระมัง
ผมค่อยๆ พลิกตัวเขา ไหล่บางกว่าที่คิด เป็นเด็กที่ผอมขนาดนี้เชียวหรือ... จริงสิ จะว่าไประยะนี้รู้สึกตัวสูงขึ้น เพราะมัวแต่ห่วงเรื่องปากท้องของผม เลยไม่ค่อยได้สนใจตัวเองกระมัง
เขายังคงหลับสนิท เมื่อคืนคงไม่ค่อยได้นอนเพราะต้องดูแลผมแน่ๆ
ผมกลั้นหายใจ ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปจรดริมฝีปากเบาๆ ที่เรียวปากของเขา ดูเหมือนเขาจะรู้สึกตัวเล็กน้อย ผมจึงรีบถอยออกมา แล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมาเห็น จริงสิ... จะว่าไปก็รู้สึกต่างจากคราวก่อน ตรงไหนนะ... ใบหน้าตัวเองที่ร้อนผ่าว หัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะได้ยินเสียงของมัน หรือความรู้สึกที่... ไม่อยากห่างจากใบหน้ายามหลับนั้นเลย

พอผมออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ไม่อยู่เสียแล้ว เตียงก็จัดอย่างเรียบร้อย เสียงทำอาหารลอยมาจากในครัว จะว่าไปก็เป็นเสียงที่คุ้นเคยเช่นทุกวัน แต่กลับมีบางอย่างในตัวผมที่ไม่เหมือนทุกวัน... จริงสิ ผมยังป่วยอยู่ นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่ปกติ แต่อาการก้าวขาจากห้องไม่ออกนี่ก็เป็นเพราะป่วยด้วยอย่างนั้นหรือ
ผมกังวลไปหมด เขารู้เรื่องที่ผมทำไปเมื่อกี้หรือเปล่า ถ้ารู้เขาจะคิดอย่างไร แล้วผมควรมองหน้าเขาแบบไหนดี อันที่จริงผมไม่เคยมองหน้าเขาอยู่แล้ว ถ้าจะหลบสายตาอย่างทุกทีก็คงไม่แปลก แต่สิ่งที่ขัดแย้งกันอยู่ก็คือความรู้สึกของผมที่อยากมองหน้าของเขานี่สิ...
ความคิดผมต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น
จินัตสึโผล่หน้าเข้ามา
"ยาก่อนอาหารครับ" เขาถือถาดที่มียากับแก้วน้ำวางอยู่เข้ามาในห้อง
"วางไว้ตรงโต๊ะนั้นแหละ" ผมบอก
เขาก้มหน้าตลอดเวลา นี่เป็นอาการปกติของเขาหรือเปล่านะ
"เอ่อ..." ผมทักขึ้นเมื่อเห็นเขากำลังจะออกจากประตู
"ครับ"
"ฉันดีขึ้นแล้วล่ะ วันนี้เธอไปโรงเรียนเถอะ"
"ครับ" เขาตอบแล้วเดินออกไปจากห้องไป

วันนี้ผมหยุดงานอีกวัน หลังจากจินัตสึออกไปโรงเรียนแล้ว ตอนสายเลขาของผมแวะนำเอกสารด่วนมาให้ พร้อมกับข้อความ
"มีโทรศัพท์จาก คุณซากุระดะ คานาโกะ เมื่อเช้านี้ ประมาณ 9 นาฬิกา บอกว่าจะโทรศัพท์มาหาบอสที่บ้านอีกครั้ง"
ยังไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เลขาของผมเห็นดังนั้นจึงขอตัวกลับบริษัท
"สวัสดีค่ะ ซากุระดะ คานาโกะ คู่หมั้นของคุณค่ะ"
ผมอึ้ง นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเคยหมั้นกับผู้หญิงคนหนึ่งทั้งๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้า หลังจากจบมัธยมปลาย
"ฉันอยากคุยกับคุณเรื่องงานแต่งงานค่ะ"
"คือเรื่องนี้..." ผมกำลังจะแย้ง เร็วเกินไป ถึงแม้จะเป็นการแต่งงานการเมือง แต่เรื่องแบบนี้ผู้ใหญ่ทางเขาควรจะเป็นคนมาคุยกับผมมิใช่หรือ
"คุณพ่อฉันป่วย อยากให้ฉันแต่งงานให้เร็วที่สุดค่ะ"
"แต่ผมกับคุณยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อน..."
"ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะไปอยู่กับคุณ 2 อาทิตย์ จริงๆ แล้วอยู่ได้แค่ 2 อาทิตย์มากกว่า เพราะฉันต้องไปดูงานที่ฝรั่งเศสต่อ"
"อยู่กับผมงั้นเหรอ" ผมอึ้งอีกครั้ง ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของผู้หญิงคนนี้จริงๆ
"ค่ะ อยู่ก่อนแต่งไงคะ ไม่ต้องห่วง เพราะฉันไม่ถือ ยังไงๆ ก็ต้องแต่งงานกับคุณอยู่แล้ว น่าจะจำเป็นด้วยซ้ำ"
ผมเงียบ... ผู้หญิงแบบนี้หรือ ที่คุณพ่อจะให้ผมแต่งงานด้วย
"ถ้างั้น... ฉันจะให้เวลาคุณถึง 5 โมงเย็น โทรเข้ามือถือฉันนะคะ แต่งานนี้คุณจำเป็นต้องตอบ 'เยส' เท่านั้นค่ะ"
พูดจบก็วางหูไป
ผมยังงงๆ อยู่ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้รีบเร่งนักหนา... หรือว่า...
ผมรีบโทรหาเลขา
"คุณช่วยสืบเรื่องบริษัทของคุณพ่อคุณซากุระดะหน่อยนะ"
จะว่าไปผมก็เคยอ่านประวัติของคุณซากุระดะคนนี้มาบ้าง ดูเธอเป็นผู้หญิงที่ดูร้ายๆ อย่างไรก็ไม่รู้ แต่เพราะเหตุผลทางธุรกิจทำให้ผมต้องหมั้นกับเธอ... นานจนผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองมีคู่หมั้น เพราะหลังจากที่หมั้นกันเป็นลายลักษณ์อักษรโดยความตกลงของผู้ใหญ่ เธอก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ และเราก็ไม่เคยติดต่อกันด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็โทรมาบอกว่าจะแต่งงานอย่างนี้ มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ ถ้าสันนิษฐานของผมไม่ผิด ถ้าไม่ใช่เรื่องปัญหาภายในของบริษัทของตระกูลซากุระดะ ก็คงเป็นปัญหาส่วนตัวบางอย่าง เช่น พ่อของเธออาจจะป่วยร้ายแรงอย่างที่เธอบอก แต่ถึงกระนั้นก็ยังแปลกอยู่ดี
ผมกลุ้มอยู่ทั้งวัน จนกระทั่งจินัตสึกลับมา ชั่วแวบแรกที่ผมเห็นหน้าเขา ผมรู้สึกโล่งในหัวยังไงบอกไม่ถูก แต่วินาทีหลังจากนั้น ความอึดอัดบางอย่างก็เกิดขึ้นในอก
"อาการดีขึ้นมั้ยครับ" เขาถามทั้งที่ยังก้มหน้า เหมือนกับไม่ได้คุยกับผมอย่างนั้นแหละ
"ดีขึ้นแล้วล่ะ พรุ่งนี้ฉันคงไปทำงานได้แล้ว"
"ดีจังเลยนะครับ" เขาตอบแล้วเดินเข้าครัวไป
เขาโกรธผมงั้นหรือ... ที่ผมทำอย่างนั้นเมื่อเช้า หรือนี่เป็นกิริยาปกติของเขา
ในขณะที่เขาไม่มองหน้าผมเลยนั้น ผมกลับหงุดหงิดที่ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้สบสายตาของเขา ทั้งที่ปกติผมไม่เคยแยแสกับเรื่องพวกนี้แท้ๆ
หรือบางที... ความรักที่ว่าอาจจะเป็นแบบนี้...
ที่แย่กว่านั้นก็คือ จินัตสึเป็นผู้ชาย
จริงอยู่ แม้เรื่องงานบ้านงานครัวจะเก่งอย่างกับผู้หญิง แต่ยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นผู้ชาย แล้วหน้าตาที่เห็นว่าน่ารักเมื่อเช้านี้ นั่นก็เป็นเพราะความเยาว์วัยมิใช่หรือ บางที... ถ้าผมลองมองเด็กผู้หญิงวัยเดียวกับเขา อาจจะรู้สึกว่าน่ารักกว่านี้เป็นแน่
จริงสิ... คงเป็นเพราะผมเอาแต่ทำงาน เอาแต่หนีจากโลกของคนรอบข้าง ทำให้ผมไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้มาก่อน บางทีการได้ลองใช้ชีวิตกับผู้หญิงดู อาจเป็นวิธีท่าจะทำให้เข้าใจได้ชัดเจนขึ้นก็ได้
ผมตัดสินใจโทรศัพท์ไปตอบตกลงกับคุณซากุระดะ เสียงเธอท่าทางดีใจในขณะที่ตอบว่า "ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าฉันจะเอาของไปไว้ที่บ้านคุณก่อนไปทำงานนะคะ"
ผมถอนหายใจ แล้วนี่ผมจะบอกจินัตซึยังไงดีล่ะ... ถ้าให้เขาออกจากบ้านไปชั่วคราวก็ไม่ต่างจากการที่ผมหนีอะไรบางอย่าง... บางอย่างเกี่ยวกับเขาที่ยังคลุมเครืออยู่ในใจผม
ไม่ได้... เพราะอย่างนี้สิ ผมถึงต้องกำจัดเจ้าความรู้สึกนั้นออกไปไม่ว่ามันคืออะไรก็ตาม ยิ่งถ้าเป็นความรักด้วยแล้วล่ะก็... มันจะต้องไม่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเขา แม้ผมจะมีความรักแต่ผมจะต้องมีกับผู้หญิง แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ใช่คนที่ผมจะแต่งงานด้วยก็ตาม

แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1