00     01      02      03      04      05      06      07      08       09       10       11       12       13       14       15       16      17
Cherry March


Surechigai no kataomoi

ตอนที่ 11

"คุณจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดตอนกลางวันเหรอคะ" คานาโกะนั่งทำงานที่โซฟาหน้าทีวีเหมือนกับวันแรกที่เธอมา
ผมไม่ได้ตอบอะไร ที่โต๊ะอาหารมีกับข้าววางตั้งอยู่ โดยแต่ละจานมีพลาสติกถนอมอาหารคลุมไว้
"นี่คุณทำงั้นเหรอ" ผมถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
เธอนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้า
"หิวแล้วเหรอคะ ถ้างั้นฉันจะเอาอาหารไปอุ่นนะ" เธอวางกองเอกสารลงแล้วขนอาหารไปเข้าเตาไมโครเวฟ
ผมนั่งลงที่โซฟา หยิบเอกสารขึ้นมาดูคร่าวๆ
"งานคุณเยอะขนาดนี้เชียวเหรอ"
"จริงๆ ก็ไม่เยอะหรอกค่ะ แต่เพราะว่าย้ายมาอยู่ที่นี่ คุณก็รู้ว่าบ้านคุณน่ะไกลบริษัทฉันจะตาย อะไรที่เคลียร์ทีหลังได้เลยหอบกลับมาทำที่บ้านหมด" เสียงเธอตะโกนตอบมาจากในครัว
"จริงๆ ไม่น่าลำบาก"
เธอเดินเข้ามานั่งบนที่วางแขนแล้วโอบรอบไหล่ของผม
"แหม... แค่ 2 อาทิตย์เองค่ะ อีกหน่อยพอเราแต่งงานกันแล้ว ย้ายไปอยู่ที่อื่นกันเถอะนะ ที่บ้านฉันก็ได้"
"แต่ที่นี่เป็นบ้านของผม" ผมแย้ง
"บ้านเหรอคะ... ที่นี่น่ะ แคบจะตาย อยู่ใจกลางเมืองเวลาจะนอนก็หนวกหู สระว่ายน้ำก็ไม่มี ที่จอดรถก็แพง ที่สำคัญไม่มีคนรับใช้ ฉันต้องทำงานข้างนอกไม่มีเวลามาทำงานบ้านให้คุณหรอกนะ"
"ถ้างั้นแต่งแล้วคุณก็ย้ายกลับไปอยู่บ้านคุณสิ"
เธอทำเสียงแหลม "ได้ไงคะ แต่งแล้วก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ"
พอดีเสียงสัญญาณเตาไมโครเวฟดังขึ้น เธอจึงกลับไปยกจานอาหารออกมา
ผมเข้าไปวางกระเป๋าเอกสารของตัวเองในห้องของจินัตสึ
ห้องโล่งขึ้นเยอะ.... กองสัมภารกของเขาถูกจัดวางเป็นระเบียบจนน่าใจหาย บางที... ผมอาจจะเพรียกหาความรู้สึกของความเป็นเด็กในตัวจินัตสึมาตลอดก็ได้...
ผมเติบโตมาในฐานะของทายาทประธานบริษัทมาตลอด ตั้งแต่เด็กถูกหัดให้คิดแบบผู้ใหญ่ ความคิดที่เอาแต่จะหากำไรและผลประโยชน์ให้บริษัท ผมเป็นความหวังของทุกคนในบ้าน ในขณะที่จินัตสึมักจะได้พูดคุยเล่นหัวกับคุณพ่อเสมอ มีเพื่อนเล่นมากมาย หัวเราะเป็นเมื่อรู้สึกมีความสุข ร้องไห้เป็นเมื่อรู้สึกเสียใจ มีชีวิตที่เป็นชีวิต อยากจะพูดอะไรก็พูดโดยไม่ต้องสนใจสายตาใคร ตอนเด็กๆ หลายครั้งที่ผมเห็นดวงตากลมโตคู่นั้นมองมาจากข้างหลัง เขาคงจะสงสารผมอยู่สินะ ทำไมไม่รู้ผมเกลียดความรู้สึกนั่น ในขณะเดียวกันก็อิจฉาที่เขาเป็นอย่างนั้น จะว่าไปการที่จู่ๆ เขาเข้ามาในชีวิตโดยการเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับผมแล้วทำอะไรต่อมิอะไรให้เหมือนกับเป็นเรื่องโกหก
"มาซาฮิโระ มาทานข้าวเถอะค่ะ" คานาโกะเรียกผม
ข้าวสวยร้อนๆ ที่เพิ่งตักจากหม้อ ทำให้รู้สึกคิดถึงอย่างประหลาด... ทั้งๆ ที่เมื่อตอนกลางวันผมก็เพิ่งจะกินข้าวมา ผมมองรอยยิ้มของคานาโกะข้างหน้า นี่เธอทำเองจริงๆ เหรอ? แต่แล้ว... ทันทีที่กับข้าวเข้าปาก ผมจึงได้รู้ว่า นี่เป็นรสชาติเฉพาะของจินัตสึ
ผมจำได้ว่าก่อนเขาจะย้ายเข้ามา เขาฝึกทำอาหารกับแม่ครัวที่บ้านคุณพ่อ แต่เพราะหัดได้ไม่กี่วัน จึงทำให้ทำได้เพียงไม่กี่อย่าง อย่างไรก็ตามฝีมือการทำอาหารของเขาพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จากรสชาติธรรมดาๆ ก็เกิดเป็นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา คิดถึงเหลือเกิน... น่าแปลกที่บางครั้งผมมีประชุม หรือเลี้ยงลูกค้าที่บริษัททำให้ไม่ได้กลับมาทานข้าวเย็นที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกคิดถึงขนาดนี้ อาจเป็นเพราะทุกครั้ง จะมีเขารอเก็บโต๊ะอยู่ในครัว
ผมทานอาหารจนหมด แล้วหันไปยิ้มกับคานาโกะอย่างอารมณ์ดี
"ขอบใจนะ" แล้วลุกจากโต๊ะไป
แม้แต่ตัวเองยังแปลกใจ... ถ้าเป็นปกติผมคงมองเธอด้วยสายตาตำหนิที่เธอหลอกผม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกหัวใจพองโต ถ้าผมเดาไม่ผิด จินัตสึคงแวะมาที่บ้านระหว่างที่ไม่มีใครอยู่สินะ
หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ทำงานที่ค้างอยู่อีกนิดหน่อยจนเสร็จแล้วก็เข้านอน
น่าเสียดายที่จินัตสึเปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนด้วย อย่างไรก็ตามกลิ่นน้ำยาซักผ้าที่คุ้นเคยก็กลับคืนมา
จินัตสึ... ทำไมช่วงนี้โลกของผมมีแต่จินัตสึ... ทั้งๆ ที่ตอนที่หมอนั่นอยู่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแท้ๆ ผมอาจจะรักเขาเข้าแล้วก็ได้ นึกเรื่องนี้ทีไร รู้สึกสับสนขึ้นมาทุกที เด็กนั่นเป็นเด็กผู้ชายแท้ๆ ต่อให้เก่งงานครัว แต่ยังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิง ที่บอกว่ารักผมวันก่อนน่ะ บางทีอาจเป็นเพราะอยู่ในวัยที่กำลังสับสนเรื่องพวกนี้อยู่กระมัง อีกหน่อยเมื่อก้าวสู่สังคมภายนอก ได้เจอคนมากมาย ก็จะพบผู้หญิงที่เขารัก แต่งงาน และมีทางของเขาเอง ที่แย่กว่านั้นก็คือผมนี่สิ ไม่ได้อยู่ในวัยแบบนั้นแท้ๆ แต่กลับมานั่งสับสนกับตัวเองเป็นเด็กๆ ไปได้ เหมือนพวกผิดปกติ...

ผมรู้สึกเหนื่อยกับตัวเองเหลือเกิน ปัญหาเรื่องงานสำหรับผมตอนนี้กลายเป็นเรื่องจ้อยๆ ไป
"ไข้กลับเหรอครับบอส" ฟุจิอิ เลขาของผมทักขึ้นเมื่อเห็นผมถอนหายใจหลายรอบระหว่างที่อ่านรายงาน
"เอ่อ... ขอโทษครับ ไม่ได้มีเจตนาจะวิจารณ์ แต่ระยะนี้เห็นบอสดูไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน ตั้งแต่ให้สืบเรื่องคุณหนูซากุระดะคราวก่อน"
"ฉันทำงานแย่ลงงั้นเหรอ" ผมใจหายวูบ รู้สึกว่าตัวเองกำลังบกพร่องเรื่องสำคัญอยู่
"เปล่าครับ... แต่ผมเห็นบอสดูไม่กระฉับกระเฉง (ในใจคงคิดว่า ไม่ดุ) เหมือนทุกที บางทีบอสอาจจะเครียด หรือทำงานมากเกินไปจนรู้สึกเหนื่อย"
"งั้นเหรอ" จริงสินะ... ผมรู้สึกว่าไม่ได้เรียกพนักงานมาตักเตือนเรื่องงานหลายวันแล้ว
ผมยื่นเอกสารคืนให้เลขา
"ฟุจิอิ" ผมเรียกขณะที่เขากำลังจะเดินออกจากห้อง
"ครับ" ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า แต่เขาสะดุ้งโหยงราวกับเพิ่งไปทำผิดอะไรมา
"นายเคยมีความรักรึเปล่า"
เลขาหนุ่มของผมหันขวับด้วยอาการยิ้มค้างแปลกๆ
"เคยสิครับ"
"จริงสิ... เธอเคยแต่งงานมาแล้วครั้งนึงสินะ" ตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ ผมได้ไปงานศพภรรยาที่เสียชีวิตไปในเวลาไล่เลี่ยกับงานศพคุณพ่อ
"มีอะไรรึเปล่าครับ"
"ถ้ามีเพื่อนร่วมงานของเธอ เกิดชอบเพศเดียวกันขึ้นมา... เธอคิดว่ายังไง"
"เพื่อนร่วมงาน... จริงๆ ก็มีนะครับ หรือว่าบอสจะหมายถึง อาซาโนะซัง"
ผมสะดุ้ง... อาซาโนะฝ่ายจัดซื้ออย่างนั้นหรือ หมอนั่นเป็นเกย์อย่างนั้นหรือ
"เอ่อ... บอสอย่าไล่เขาออกเลยนะครับ" เลขารีบปราม
"ฉันจะไล่เขาออกได้ยังไง เขาไม่ได้ทำอะไรผิดกฎบริษัทซักหน่อย" ผมนึกขำ ท่าทางคนที่นี่จะกลัวผมกันหมด "ฉันแค่อยากจะถามว่านายคิดยังไงกับคนที่รักเพศเดียวกันเท่านั้นเอง"

แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1