01      02      03      04      05      06      07      08       09       10       11       12       13       14       15       16      17
Peebee

My aliens friends

ตอนที่ 4

พวกผมถูกจับกันแยกไป ฟล็อกเองยังคงตกใจอยู่ หลังจากนั้นเขาเงียบตลอดทาง ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเอรันเทร่าหลังปีปฏิวัตินี่มันคือเมื่อไหร่ ผมถูกจับนั่งบนหลังบนหลังตัวประหลาดตัวเดียวกับชายหนุ่มที่ท่าทางเป็นหัวหน้า พี่กับฟล็อคถูกแยกไปนั่งกันคนละตัว
"เธอชื่ออะไร" ชายคนนั้นถามผม เอามือลูบผมสีดำเบาๆ
"เอ่อ แสน…แสนยากร เดชานุภาพ เรียกแสนเฉยๆก็ได้" ผมตอบเสียงเบา ชายคนนั้นยิ้ม เล่นเอาผมหน้าแดงไปเหมือนกัน ชายหนุ่มด้านหน้าผมถึงมีลักษณะที่ต่างจากมนุษย์โลก แต่ก็แค่สีผมและสีตาเท่านั้น สีผิวของชายคนนี้คล้ำกว่าฟล็อก แต่ก็เรียบเนียน โครงหน้าสะอาดสะอ้านเป็นรูปเหลี่ยม คิ้วค่อนข้างหนา รูปร่างสูงใหญ่ ผมกะว่าน่าจะมากกว่าร้อยเก้าสิบด้วยซ้ำ 'หน้าตาดีชะมัดเลย ถ้าอยู่บนโลกสงสัยได้เป็นดาราแน่ๆ' ผมคิดในใจ
"ชั้นชื่อ อาร์ดีน เป็นผู้ดูแลของบานาเดีย หัวเมืองทางเหนือ" ชายคนนั้นหยุดพูดไปสักพัก "ชั้นชอบสีผมของเธอมาก ถ้าไว้ยาวก็คงดี"

ในยุคนั้นเอรันเทร่าประกอบไปด้วยเมืองสำคัญห้าหัวเมืองด้วยกัน ราเรียเป็นเมืองหลวง มีบานาเดีย เป็นหัวเมืองทางเหนือ อาเธเซียเป็นหัวเมืองทางตะวันออก เคนน่าหัวเมืองตะวันตก และ ฟอริเอนเป็นหัวเมืองทางใต้ ทุกหัวเมืองจะมีผู้ปกครองเป็นเอกเทศยกเว้นราเรีย ซึ่งปกครองโดยสภาส่วนกลางที่มีตัวแทนจากทุกหัวเมืองประจำอยู่ เมื่อใดเกิดมีปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือปัญหาร้ายแรงในแต่ละหัวเมือง ทางหัวเมืองจะต้องรอรับคำตัดสินจากสภาส่วนกลางซึ่งถือเป็นเอกฉันท์
คืนนั้นพวกเราก่อกองไฟ ตอนนี้เองผมกับพวกพี่ได้อยู่ด้วยกัน
"ชั้นไม่ได้มัดพวกเจ้า แต่พวกเจ้าก็อย่าคิดหนีเลย แถบนี้มีแต่อันตราย และอีกหลายพีค..ถึงจะถึงเมืองราเรีย( พีค-หน่วยวัดระยะของเอรันเทร่า 1 พีค ประมาณ 10 กิโลเมตร) เจ้าไม่มีพาหนะเดินทาง ไม่มีน้ำและอาหาร ถ้าหนีไปพวกเจ้าต้องตายระหว่างทางแน่นอน" อาร์ดีนพูดขู่ ก่อนที่จะเดินไปก่อไฟอีกกองหนึ่ง พวกผมได้แต่จับกลุ่มกันสามคน
"ฟล็อก สรุปว่าที่นี่คือเอรันเทร่าใช่ไหม" พี่ผมถามด้วยความสงสัย "เอรันเทร่าหลังปฏิวัตินี่มันคือเมื่อไหร่รึ"
ฟล็อกเอามือกุมศีรษะ
"พวกเราย้อนเวลากลับมาอดีตน่ะสิ!!! ราเรียเป็นเมืองหลวงของเอรันเทร่า…เรานำชื่อเมืองสำคัญมาตั้งเป็นชื่อของยานและเครื่องยนต์ ตอนที่เราทำลายราเรียลูกนั้น แรงแม่เหล็กรอบยานเสียสมดุล พร้อมกับแรงเหวี่ยง ทำให้เราหลุดมาในโลกอดีต" ฟล็อกพูดอย่างกังวล "ปีปัจจุบันของเอรันเทร่าตอนที่ผมจากมา คือหลังปฏิวัติปีที่ 2516 เราย้อนอดีตมากว่าสองพันปี!!!"
"หา" ชัยอุทานด้วยความตกใจ แค่ถูกบังคับให้ออกมานอกโลกก็ปวดหัวพอแล้ว แล้วนี่ยังมาหลงยุคกับเค้าอีก พวกเขาจะกลับบ้านได้ยังไง ฟล็อกเหมือนอ่านสีหน้าพี่ออก
"เอ่อ ชัย…ผมขอโทษ ที่ให้พวกชัยต้องมาพัวพันเรื่องพวกนี้" ฟล็อกอ่อนข้อให้พี่ หลังจากที่เมื่อตอนกลางวันทะเลาะกันจนเกือบถึงขั้นชกหน้า พี่เงยหน้ามอง
"ชั้น..ชั้นเองก็ขอโทษนายเหมือนกัน ฟล็อก เมื่อตอนกลางวันชั้นหุนหันไปหน่อย เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดนาย"
"พวกเราต้องหาทางกลับไปที่ยานให้ได้นะ" ฟล็อกบอกชัย
"กลับทำไม…ในเมื่อของพวกนั้นตอนนี้ก็เป็นแค่เศษเหล็ก" พี่บอกอย่างท้อแท้
"คือว่าตอนนั้นผมโมโหชัย….ที่จริงมิธมีระบบซ่อมแซมตัวเอง แต่เราต้องเปิดระบบพลังงานสำรองของยาน ก่อน" ฟล็อกพูดขึ้นมา พวกเราเริ่มมีความหวังรำไร
"จริงเหรอ….แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเราคือ ทำยังไงถึงจะกลับยุคปีหลังปฏิวัติที่ 2516 ได้ต่างหาก" ชัยพบว่าปัญหาทั้งหมดที่เขาเผชิญเหมือนปัญหาซ้อนปัญหา ไม่สามารถแก้ไขได้
"ถ้ามาได้ก็ต้องกลับไปได้สิน่า มิธน่ะ เป็นคอมพิวเตอร์อัจฉริยะนะ" ฟล็อกพูดอย่างเชื่อมั่น ชัยถอนหายใจ
หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็เข้านอน ฟล็อกกับแสนนอนหลับอย่างรวดเร็วด้วยเพราะความเพลียถึงแม้จะเป็นแค่ผ้าบางๆปูบนพื้นก็เถอะ และอีกอย่างทั้งสองเป็นเด็กวัยกำลังกินกำลังนอนทั้งคู่ ส่วนชัยยังนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว
"เจ้ายังไม่นอนอีกรึ" เสียงห้าวๆดังมาจากทางด้านหลัง ชัยหันไปมองก็เห็นเป็นอาร์ดีน
"ธรรมดาผมเป็นคนนอนดึกอยู่แล้ว แล้วยิ่งมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมนอนไม่ลงหรอกครับ" ชัยพูดอย่างสุภาพ
"นายดูท่าจะเป็นคนที่พูดรู้เรื่องที่สุดในกลุ่ม" อาร์ดีนพูดชม ฟล็อกกับแสนดูเป็นแค่เด็กที่ไม่ค่อยประสีประสานัก
"ก็คงงั้นมั้ง ผมท่าทางจะแก่ที่สุดในหมู่พวกเรา" ชัยรับคำ ปีนี้เขาเองก็ย่างสามสิบแล้ว
"พวกเจ้ามีลักษณะที่แปลกมาก ผมดำตาดำ พวกเราไม่เคยพบมาก่อน ส่วนอีกคนก็ร่างกายราวกับผู้หญิงถึงแม้จะเป็นชาวเอรันเทร่าก็เถอะ" อาร์ดีนพูดอย่างให้ความสนใจ "เฮ้อ….อย่างพวกเจ้านะไม่เป็นไร แต่อย่างฟล็อก….ร่ายกายดูอ่อนแอแบบนั้นจะรบทัพจับศึกได้อย่างไร ชาวเอรันเทร่าชายทุกคนจะต้องออกรบ"
"พวกท่านมีสงครามกันด้วยเรอะ" ผมถามอย่างตกใจ
"แน่สิ พวกเรายังทำสงครามกับชนเผ่าหลังหุบเขาบาร์แดนอยู่ พวกนั้นชอบบุกมาชิงอาวุธและสายแร่ของเรา สงครามยังไม่สิ้นสุดง่ายๆหรอก" อาร์ดีนถอนหายใจ ชัยเริ่มรู้สึกว่าหลงมาในดินแดนอันตรายซะแล้ว
"แล้วพวกผม…เอ่อ ที่ท่านบอกว่าจะต้องถูกพิพากษาน่ะ…พวกเราจะเป็นยังไงรึ" ชัยพยายามเลียบเคียงถาม อาร์ดีนมองพร้อมกับยิ้มมุมปาก
"ก็คงไม่มีอะไรมาก ถ้าสภาพิสูจน์ได้ว่าพวกนายไม่ได้มาจากชนเผ่าหลังหุบเขาบาร์แดนก็คงเว้นโทษประหาร แต่อาจถูกขังในคุก ส่วนฟล็อก เขาคงจะต้องออกรบในฐานะชายเอรันเทร่า"
ชัยขนลุก ถูกขังคุกงั้นเรอะ ฟังยังไงก็ไม่เห็นดีขึ้นเลย แค่เว้นโทษประหารแค่เนี้ย
"ขังคุก…..อะไรกัน ผมไม่ได้เป็นชนเผ่าหลังหุบเขาบาร์แดนอะไรนั่น แล้วก็ไม่ใช่ชาวเอรันเทร่าด้วย ทำไมไม่ปล่อยพวกเราไปล่ะ"
"ปล่อย พวกเจ้าคิดง่ายไปแล้ว ช่วงนี้ไม่มีใครไว้ใจใครทั้งนั้นแหละ ใครจะพิสูจน์ได้ว่าพวกเจ้าไม่ใช่ไส้ศึกจากภายนอก" อาร์ดีนพูดเนือยๆ ชัยเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อล้อต่อเถียงเขาจึงเงียบ อาร์ดีนพูดต่อ "แต่ชั้นอาจช่วยพวกเจ้าได้…." ชัยหันหน้าไปมองทันควัน
"ชั้นจะบอกกับสภาว่าชั้นจะเป็นคนรับผิดชอบพวกนายเอง….หลังจากชั้นหมดธุระกับสภา ก็จะต้องเดินทางกลับบานาเดีย พวกเจ้าต้องไปกับพวกเราด้วย…..ถ้าไปกับชั้นพวกนายจะอยู่ในฐานะอาคันตุกะ" อาร์ดีนพูดพร้อมกับมองหน้าชัย นี่นับเป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธยากอยู่ คุกกับอาคันตุกะ ใครอยากจะไปอยู่คุกกันเล่า แต่ข้อเสนอดีขนาดนี้มันแปลกๆอยู่
"นายต้องการอะไรจากพวกเราหรือเปล่า..คงไม่เสนออะไรดีๆโดยเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรอก ใช่ไหม" ชัยถามตรงๆ อาร์ดีนถอนหายใจ
"นายนี่ก็เป็นพวกเข้าใจอะไรง่ายนะ ชั้นเพียงแต่มีความสนใจในพาหนะของพวกนาย..พวกนายเดินทางเข้ามากลางทุ่งหญ้า ไม่มีแม้แต่รอยเท้า แสดงว่าพวกนายมาทางอากาศ แถมพาหนะก็ทำจากวัตถุที่ชั้นไม่เคยเห็นมาก่อน ก็เลยอยากจะศึกษาก็เท่านั้น"
ชัยอึ้งไปพักหนึ่ง ในใจเริ่มนับถืออาร์ดีนขึ้นมา นี่ละมั้งคนมีความเป็นผู้นำ ช่างสังเกตและรอบคอบ มีความคิดก้าวไกล แต่ถ้าอาร์ดีนสนใจพวกเขาก็มีโอกาสกลับไปที่ยานอีกครั้งสิ
"นายเริ่มเชื่อพวกเราแล้วใช่ไหม พวกเราไม่ใช่คนยุคนี้ พวกเรามาจากอนาคต" ชัยบอกความจริงไป จ้องหน้าฝ่ายตรงข้าม สีหน้าอาร์ดีนยังเรียบเฉย เพียงแต่แววตาที่เป็นประกาย เขาเป็นคนเก็บอารมณ์ได้ดีทีเดียว
"ถึงชั้นเชื่อนาย แต่คนอื่นไม่เชื่อนายนี่นา" อาร์ดีนพูดยอมรับ
"แล้วฟล็อกล่ะ" ชัยถามต่อ
"เขาเป็นชาวเอรันเทร่า ข้าจะพาเขาไปพร้อมกับพวกเจ้าก็ได้ แต่ในฐานะนักรบ" อาร์ดีนพูด ชัยอ้าปากค้าง อย่างฟล็อกน่ะนะ นักรบ จับดาบยังไม่รู้จะยกไหวหรือเปล่าเลย
"ข้าว่า…ไม่ไหวมั้ง อย่างฟล็อกน่ะ…ดูยังไงก็อ่อนแอเหมือนผู้หญิง" ชัยพูด
"หึ ถ้าชัยอยากให้เขาอยู่ในฐานะเหมือนสตรีก็คงได้" อาร์ดีนตอบ มองหน้าชัย
"นายหมายความว่าไงเรอะ…" ชัยงง
"สตรีชาวเอรันเทร่าไม่ต้องออกรบ ผู้หญิงก็เปรียบเสมือนสิ่งของ ถ้านางมีเจ้าของเมื่อไหร่ ชายอื่นในเอรันเทร่าก็ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ แต่ตอนนี้จำนวนของผู้หญิงของเอรันเทร่ามีจำนวนลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย เจ้าลองคิดดูแล้วกัน ชายวัยหนุ่มฉกรรจ์หลังจากออกรบกลับมาย่อมต้องมีการอยากปลดปล่อย จำนวนผู้หญิงก็แทบไม่มี จึงทำให้ไม่มีการแบ่งแยกเพศในการเลือกคู่ หน้าตาแบบฟล็อกถ้าเข้าเมืองไปถึงแม้เป็นผู้ชายก็คงทำให้บุรุษในเอรันเทร่าใฝ่ฝันอยากได้ครอบครองเหมือนกันแหละ"
ถึงตอนนี้ชัยกลับไปนึกถึงพวกทหารเรือขึ้นบก…พอขึ้นทีไรก็ต้องหาผู้หญิงคงจะอารมณ์เดียวกันมั้ง
"ฟล็อกรู้เข้ามีหวังได้โมโหตายแน่" แค่พิธีดูมาร์ยังหนีมาเลย ชัยคิดต่อในใจ
"อันนี้ก็แล้วแต่ฟล็อก ถ้านายเป็นห่วงเค้านายรับเป็นของตัวเองเสียก็ได้ ถ้านายอยู่ในฐานะอาคันตุกะ"
"หา…ผมเนี่ยนะ…ผมเป็นผู้ชายนะ!!!"
"หึ …ถ้าชัยไม่รับ มีหลายคนที่อยากรับเต็มที่ ชั้นเห็นสายตาของคนของชั้นที่ตามมาวันนี้ก็รู้"
"เอ่อ…อันนี้รวมนายด้วยรึเปล่า" พี่ชายผมถามเล่นๆ แต่อาร์ดีนยิ้มน้อยๆ พร้อมตอบว่า
"อย่างชั้นน่ะ ชอบผมดำตาดำมากกว่า"

แนะนำติชมได้ที่บอร์ดนิยายนะคะ...................
1