My aliens friends
ตอนที่ 7
ด้วยความที่นอนไม่หลับ ชัยจึงออกมาเดินนอกห้องตั้งแต่เช้าตรู่
เมื่อเขาเดินมาถึงห้องโถงกลางก็พบกับอาร์ดีน ร่างสูงกำลังนั่งอิงเก้าอี้ตัวใหญ่หลับตาอยู่
แต่พอเขาเดินเข้าไปใกล้ร่างนั้นก็ลืมตาขึ้นมา
"แสนล่ะ..." ชัยถามอย่างเป็นห่วง พูดถึงเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรอาร์ดีนหนักหรอก
แต่ด้วยความที่เขาเป็นพวกนักวิชาการหัวโบราณ ยอมรับเรื่องรักร่วมเพศหรือว่าพวกโฮโมได้ยาก
แต่หลังจากที่เมื่อคืนทั้งคืนแทบไม่ได้นอนเลย ทำให้เขาเริ่มคิดได้....เขากับแสนยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไร
ยานของฟล็อกก็ไม่รู้ว่ากว่าจะซ่อมตัวเองเสร็จนี่อีกนานเท่าไหร่ ถ้าเขากลับไปไม่ได้ล่ะ
หรือต้องติดอยู่ที่นี่อีกนาน การที่มีที่พึ่งเป็นอาร์ดีนก็นับว่าดีไม่ใช่น้อย
เขาจึงสงบไปแยะ
"นอนอยู่ในห้องน่ะ...." ร่างใหญ่ตอบแค่นั้นก็เงียบไป "แล้วเจ้าล่ะ
ทำไมไม่นอนออกมาเดินแต่เช้า"
"นอนไม่หลับ..." ชัยตอบตามความจริง เขาคาดว่าอาร์ดีนคงจะประสบปัญหาเดียวกัน
แต่คนละแบบเท่านั้น
"หรือว่าเจ้าก็....." อาร์ดีนยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่ชัยส่ายหัว
"ผมไม่ได้คิดลามกเหมือนคุณหรอกน่า" ชัยขัดคอ เขาเดาได้หรอกว่าสาเหตุที่อาร์ดีนนอนไม่หลับเพราะอะไร
เขาเองก็ยอมรับเหมือนกันว่าแสนหน้าตาสวยเหมือนแม่ พ่อของแสนเองก็หน้าตาดี
บางทีเขาเองเข้าใจว่าแสนเป็นน้องสาวมากกว่าน้องชายเสียอีก เลยเป็นห่วงมากเกินจำเป็นไปหน่อย
"คุณเองก็ต้องทำตามข้อตกลงด้วย ห้ามยุ่งกับแสน...เอ่อ..ถ้าแสนไม่ยอม"
เขาชะงักไปพร้อมกับต่อประโยค ว่าถ้าแสนไม่ยอมเข้ามา ที่จริงเขาอยากจะห้ามขาดเลย
แต่น้องชายเขาคงไม่ชอบ เขาพึ่งนึกออกเมื่อวานนี้ว่าเขาลืมวันเกิดน้องชายตัวเองไปเต็มๆ
เพราะปัญหาที่เข้ามาประดัง แสนคงน้อยใจเขาพอสมควร เขาควรจะเริ่มปล่อยน้องชายให้คิดเองได้แล้วมั้ง....
"ก็เพราะสัญญากับพวกเจ้าไว้ไงล่ะ ชั้นเลยต้องออกมางีบนอกห้องแบบนี้"
อาร์ดีนพูดยิ้มๆ ชัยชักเริ่มรู้สึกสงสารอาร์ดีน เขารู้ว่าแสนมีนิสัยติดหมอนข้าง
ยังดีที่ไม่นอนดิ้น ช่วงก่อนพวกเขานอนกลางดินกินกลางทรายด้วยกัน
นอนหลับๆตื่นๆ ก็เลยไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้มาแยกห้องนอน แล้วห้องก็แสนสบาย
นิสัยเดิมก็เลยออก แสนจะกอดหมอนข้างที่ไหนถ้าไม่ใช่เอาคนข้างๆมากอดแทน....แค่คิดเขาก็พอเข้าใจความทรมานของอาร์ดีนแล้ว
"เฮ้อ ที่จริงอาร์ดีนหาห้องให้แสนนอนต่างหากคนเดียวเลยก็ได้นะ
จะได้ไม่ทรมาน...ไม่ต้องบอกใครก็ได้นี่ถ้ากลัวเสียชื่อ"
"ชั้นไม่แยกห้องนอนหรอก...ถ้าแยกกันไปแล้วเมื่อไหร่จะมีโอกาสชนะใจแสนเล่า"
อาร์ดีนพูดตรงๆ เขายอมรับต่อหน้าพี่ชายตรงๆแล้วว่าชอบแสน
"อย่าลืมนะ ว่าผมกับแสนไม่ใช่คนของที่นี่ สักวันพวกเราก็ต้องกลับบ้าน..."
ผมพูดเสียงเบา
"แต่ถ้าแสนตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ ชัยเองก็ไม่มีสิทธิ์บังคับแสน
"
อาร์ดีนพูดเหมือนตัดสินใจอะไรสักอย่างได้
เวลาผ่านไปเร็วเหมือนติดปีกบิน
ไม่นานก็ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว เวลาที่เอรันเทร่ากับโลกค่อนข้างคล้ายกัน
คือมีช่วงกลางวันและกลางคืน แต่ผมคะเนว่าเวลาที่เอรันเทร่าจะเร็วกว่าโลก
ระยะนี้อาร์ดีนกังวลกับเรื่องงานและเรื่องชายแดนมากแทบจะไม่ได้คุยกับผมเลย
บางคืนก็กลับมาตอนผมหลับ ตอนเช้าก็ออกไปตั้งแต่ผมยังไม่ตื่น ส่วนพี่ชายผมก็กลายเป็นที่ปรึกษาสำคัญของอาร์ดีนไปเสียแล้ว
บางครั้งก็เข้าไปประชุมในห้องโถงด้วยกัน ผมกับฟล็อกก็เลยต้องมานั่งคุยกันข้างนอก
"อีกไม่นานมิธก็จะซ่อมตัวเองเสร็จแล้วนะ" ฟล็อกบอกผมด้วยความดีใจ
"ชั้นเริ่มติดต่อกับมิธได้แล้ว"
"จริงเหรอ...นายติดต่อกับมิธทางไหนน่ะ" ผมกระตือรือร้นอยากรู้เหมือนกัน
แต่อีกใจก็รู้สึกโหวงๆชอบกล
"ชั้นมีอุปกรณ์สื่อสารขนาดเล็ก แต่ยังไงกว่ามิธจะซ่อมตัวเสร็จสมบูรณ์ก็คงจะอีกเกือบเดือน
เพราะเสียหายค่อนข้างมาก" ฟล็อกอธิบายให้ผมฟังเสียงเหนื่อยๆ
"งั้นเหรอ...ต้องอีกเกือบเดือนเชียวเหรอ" ผมนั่งเงียบไป
ที่จริงที่นี่ก็ไม่เลว โรงเรียนก็ไม่ต้องไป แถมอาร์ดีนยังพาไปข้างนอกค่อนข้างบ่อย
หรือไม่บางทีก็ให้คนอื่นพาไป สนุกมากทีเดียว แถมทุกคนก็ให้ความเคารพเขาเพราะตำแหน่งเมรันอาที่อาร์ดีนประกาศออกไป
"ผมแสนเริ่มยาวแล้วนะ ตอนแรกที่เห็นรู้สึกว่าสั้นมาก แต่ตอนนี้ยาวเกือบถึงหัวไหล่แล้ว"
ฟล็อกตั้งข้อสังเกต ผมเองก็รู้สึกเหมือนกัน
"อาจจะเพราะสิ่งแวดล้อมแล้วก็อาหารน่ะ ผมของผมไม่เคยยาวเร็วขนาดนี้เลยนะ
ธรรมดากว่าจะยาวขนาดนี้ต้องเกือบห้าเดือนมั้ง แต่นี่แค่สามอาทิตย์เอง"
ผมจับผมของตัวเอง ผมยาวแบบนี้ทำให้หน้าผมเป็นผู้หญิงเข้าไปใหญ่ ก็คล้ายๆกับฟล็อกน่ะแหละ
แยกเพศออกที่ไหน ผมคุยกับฟล็อกไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็แอบถามเรื่องพี่กับฟล็อก
"พี่ชายนายทำยังกับชั้นเป็นเด็กตลอดเวลาแนะ เลยทะเลาะกันค่อนข้างบ่อย
แต่ก็ไม่ได้เลวร้าย" ฟล็อกพูดหน่ายๆ แต่ผมก็พอจับน้ำเสียงฟล็อกได้ว่าชอบพี่ชายผมพอสมควร
ผมชวนฟล็อกคุยเรื่องห้องแล้วก็เรื่องอาบน้ำ...พอพูดจบฟล็อกอ้าปากเหวอ
"ฮ้า...ไอ้หินในกระถางไฟนั่นเอาไว้ทำให้น้ำอุ่นเหรอ" เขาพูดอย่างแปลกใจทำให้ผมงงบ้าง
"ก็อาร์ดีนทำให้ผมดูนะ แล้วฟล็อกกับพี่ทำยังไงล่ะ..."
ผมย้อนถาม อย่าบอกนะว่า....
"ก็ไม่เคยทำอะไรเลย หนึ่งอาทิตย์มานี่ชั้นกับชัยอาบน้ำเย็นมาตลอด..."
ฟล็อกตอบอ้อมแอ้ม เล่นเอาผมหัวเราะก๊าก พี่ก็มีวันทำเปิ่นได้เหมือนกันแฮะ
แต่ยังไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงปึงปังออกมาจาห้องโถง อาร์ดีนเดินออกมาหน้าตามีกังวล
"แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่กองทหารจะมาถึงเล่า" อาร์ดีนถามชายแก่คนหนึ่งข้างๆ
"ก็อาจจะล่าไปถึงปลายเดือนหน้าน่ะครับ" ชายคนนั้นตอบอย่างกังวล
"ปลายเดือนหน้า!!! ตอนนี้พวกหลังหุบเขาบาร์แดนก็เริ่มระรานพวกชาวบ้านตามชายแดนแล้วนะ
ทั้งปล้นสะดม ทั้งจับผู้หญิงไป จะรอจนกระทั่งมันยกกองทัพมาฆ่าพวกเราหมดก่อนหรือไง"
อาร์ดีนพูดเสียงเครียด ผมฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ก็รู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่
"ทางเคนน่าเองก็อยากจะส่งกำลังมาช่วยให้เร็วที่สุด ติดเสียแต่ว่าการก่อจลาจลภายในทำให้ไม่สามารถส่งทหารมาช่วยได้ทัน
แต่ว่าทางนั้นได้ติดต่อหัวเมืองอาเธเซียไปแล้วนะขอรับ"
"หัวเมืองอาเธเซีย ก็นั่นแหละที่เป็นปัญหาล่าช้าไม่ใช่หรือไง
จากอาเธเซียเดินทางมาบานาเดียกินเวลาตั้งเกือบเดือนแล้ว" อาร์ดีนพูดพร้อมถอนหายใจ
ผมชักเริ่มจับความได้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นอาร์ดีนก็ขอตัวกลับไปที่ห้องก่อนบอกว่าปวดศีรษะ
ส่วนตัวผมเองตามเข้าไปทีหลัง
พอผมเข้าไปในห้องผมก็รู้สึกถึงความมืด อาร์ดีนนั่งอยู่ตรงมุมห้อง
เอามือกุมศีรษะไว้ สงสัยคงจะปวดหัวจริงๆอย่างที่บอก
"ไม่สบายหรือฮะ อาร์ดีน จะเรียกหมอหน่อยไหมครับ" ผมถามด้วยความเป็นห่วง
"เอ่อ ไม่ต้องหรอก ชั้นแค่ปวดหัวนิดหน่อยนะ นอนเดี๋ยวก็หาย
ขอโทษนะ วันนี้คงไม่มีเวลาสอนแสนแล้ว" อาร์ดีนตอบผม
"จริงๆ อาร์ดีนไม่จำเป็นต้องเอาเวลามาสอนภาษาเอรันเทร่าให้ผมก็ได้นะฮะ
อาร์ดีนวุ่นเรื่องงานอยู่แล้วยังมาวุ่นเรื่องผมอีก" ผมบอกอย่างเกรงใจ
ทุกคืนอาร์ดีนจะต้องมานั่งสอนผมเรื่องภาษาเอรันเทร่า ด้วยเพราะว่าฟล็อกบอกว่าเครื่องแปลภาษาที่ให้มาคงจะใช้ไม่ได้ตลอดไป
สักวันพลังงานก็จะหมด ถ้าผมไม่หัดเรียนก็อาจจะฟังกันไม่เข้าใจสักวัน
ผมก็เลยต้องมานั่งเรียนภาษาเอรันเทร่าเป็นภาษาที่สามรองจากไทยและอังกฤษ
ส่วนพี่ชายผมก็ได้ฟล็อกสอนไป ได้ข่าวว่าสอนไปทะเลาะกันไป บางทีพี่ผมบ่นว่าวิธีสอนของฟล็อกมันผิด
ทำให้เข้าใจยากบ้างหรือว่าอธิบายคลุมเครือบ้างอะไรนี่แหละ ฝ่ายฟล็อกก็ไม่ยอมกัน
คู่นี้เลยกลายเป็นคู่กัดประจำที่นี่ไปเสียแล้ว
"สอนเธอชั้นถือว่าเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งนะ" อาร์ดีนตอบ
เขาพยายามยิ้ม ผมหน้าแดงหลบสายตาของเขา
"แต่วันนี้อาร์ดีนนอนพักดีกว่านะครับ เดินไหวไหมผมจะพยุง"
อาร์ดีนพยักหน้าน้อยๆ ผมเดินเข้าไปหาเขา ส่งเขาถึงเตียง
ผมเองก็เป็นห่วงอาร์ดีนพอสมควร พูดถึงนิสัยอาร์ดีนเป็นคนรักษาสัญญาเกินคาด
เขาไม่เคยลวนลามผม กลางคืนนอนด้วยกันผมเองจะเป็นฝ่ายไปนอนกอดเขาเสียอีก
แต่เขาก็ไม่เคยทำท่าทางเจ้าชู้กับผม ทำให้ผมมองเขาในแง่ดี เป็นสุภาพบุรุษมาก!!
หรือว่าเขาเลิกสนใจผมแล้วก็ไม่รู้ แต่พี่ชายผมก็ยังมาที่ห้องผมทุกเช้า
คล้ายๆกับมาสำรวจนั่นแหละ จนอาร์ดีนแอบตั้งฉายาว่านาฬิกาประจำห้อง
พอพี่สังเกตจนพอใจว่าอาร์ดีนไม่ได้ทำอะไรผมก็จากไป
อาร์ดีนเคยพาผมกับพี่แล้วก็ฟล็อกไปเหมืองแร่ของเขา เป็นเหมืองแร่ที่ใหญ่โตมากครับเจาะเข้าไปในภูเขาทั้งลูก
คนงานนับร้อยคน เครื่องมือใหญ่โตวางเต็มพื้นที่ด้านนอก อาร์ดีนบอกว่าแร่ที่ขุดมาได้ส่วนใหญ่เป็นแร่ฟูทาเดียม
แต่เขายังหาวิธีที่จะทำให้แร่ฟูทาเดียมแข็งแกร่งแบบยานของฟล็อกไม่ได้
เขาเอาตัวแร่ให้ผมดู สีคล้ายๆกับสียานของฟล็อก แต่หักง่ายมาก จับนิดเดียวก็แตกเสียแล้ว
บางทีอาร์ดีนก็พาผมไปว่ายน้ำเล่นที่ทะเลสาบใหญ่ๆ สอนขี่เจ้าสัตว์คอยาวที่เคยเห็นอาร์ดีนขี่ตอนแรก
คล้ายๆขี่ม้ายังไงยังงั้นสนุกดี
ผ่านไปไม่นานอาร์ดีนก็หลับ ตอนนั้นก็ค่อนข้างหัวค่ำ แต่ผมตามเข้าไปนอนด้วยเพราะไม่รู้จะทำอะไร
เวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเหมือนๆเดิม
ผมแทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งๆนอน ความรู้สึกเบื่อและอยากกลับบ้านเข้ามา
ที่โลกผมมีเพื่อนมากมาย แต่ที่นี่ทุกคนล้วนแล้วแต่ยุ่งกับงาน พี่เองหายไปช่วยอาร์ดีนเรื่องอาวุธแล้วก็ผสมแร่ฟูทาเดียมใหม่
นับว่างานล้นมือเหมือนกัน ส่วนฟล็อกก็ว่างแต่เขาก็ติดต่อกับมิธอยู่
เออใช่!! ผมลืมบอกไปครับเมื่อสองวันที่แล้วพี่กับฟล็อกทะเลาะกันครับ..ด้วยเรื่องไม่เข้าเรื่อง
สาเหตุเริ่มมาจากความเนี้ยบของพี่ชายผม พี่ชายผมเริ่มรู้สึกรำคาญกับผมที่งอกยาวเร็วขึ้นทุกวัน
ในที่สุดเขาก็ออกปากให้ฟล็อกตัดผมให้ เจ้าตัวดีตัดอีท่าไหนก็ไม่รู้ครับ
พี่ผมหัวเกรียนยังกับทหารเกณฑ์ ทำเอาพี่ไม่พูดกับฟล็อกไปเกือบสามวัน
ผมเองเอาแต่หัวเราะกับผมทรงใหม่ของพี่ ฟล็อกเองก็บอกว่าทรงนั้นเหมาะกับชัยดี...
"อาร์ดีน ธรรมดาเด็กที่เอรันเทร่าที่เขาทำอะไรกันน่ะ"
ผมถามอาร์ดีนในวันหนึ่งหลังจากเบื่อเต็มที่ "ผมอยากหาอะไรทำบ้าง"
อาร์ดีนมองผมก่อนจะตอบว่า "ถ้าเด็กอายุเท่าเจ้า ส่วนใหญ่ก็เรียนรู้เรื่องใช้อาวุธ
หลักการปกครอง ภาษา หรือไม่ก็ออกกำลัง พวกเขาก็ไปเรียนทุกวันที่ตึกใหญ่
ใกล้ๆกำแพงเมืองนั่นไง"
"ผมขอไปเรียนด้วยได้ไหม" ผมออกปากขออาร์ดีน เพราะเท่าที่ฟังดูก็เหมือนกับไปโรงเรียน
ยังไงก็คงได้เพื่อนใหม่หรือว่าแก้เบื่อได้บ้าง อาร์ดีนลังเลไปพักหนึ่ง
"นะครับ อาร์ดีน ให้ผมไปเรียนนะ ผมไม่อยากนั่งๆนอนๆอยู่ที่นี่เฉยๆ"
ผมพยายามอ้อนเต็มที่ เข้าไปจับแขนอาร์ดีนพร้อมกับจ้องตา อาร์ดีนเสมองไปทางอื่น
ก่อนจะถอนหายใจ
"เอ้า ก็ได้ จะลองไปเรียนดูก็ได้ แต่ยังไงก็พาฟล็อกไปด้วยแล้วกัน
เขาเองก็อายุเท่าแสนนี่นา" อาร์ดีนพูดขึ้น
"เย้ ขอบคุณมากครับ งั้นพรุ่งนี้ผมไปเลยนะ"