My aliens friends
ตอนที่ 11
วันนี้เป็นวันที่ผมกับอาร์ดีนตื่นสาย
ด้วยเหตุผลที่ว่านาฬิกาประจำห้องไม่ได้มาปลุกเหมือนเคย ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมพี่ถึงไม่มา
แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมัวแต่สังเกตอาร์ดีนมากกว่า เขายังไม่รู้ว่าผมเอายาของเขาไปทิ้งเสียหมดแล้ว
อาจเพราะยาของเก่ายังไม่หมดฤิทธิ์
ผมออกจากห้องกะจะไปชวนฟล็อกไปโรงเรียน แต่พอไปถึงก็พบว่าฟล็อกยังไม่ยอมลุกจากที่นอนเลย
ส่วนพี่ผมออกไปประชุมแล้ว
"ฟล็อก...นายจะไปโรงเรียนหรือเปล่า ไม่ได้ไปนานแล้วนะ ตื่นเสียทีสิสายโด่งแล้ว"
ผมพูดเสียงดัง ฟล็อกหรี่ตามองผมแล้วก็มุดหัวลงกับหมอน
"ไม่ไป...ไม่มีแรงแล้ว ปวดเมื่อยไปหมด ชัยเล่นไม่ยั้งเลย ไหนบอกว่าไม่อยากทำเด็ก...."
ฟล็อกพูดพร้อมบ่นกระปอดกระแปด ยกมือขึ้นจับหัว
"อะไร นายโดนพี่ทำโทษอะไรอีกหรือไง" ผมซักไปหัวเราะไป
เหลือบมองมือฟล็อกที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา
"เฮ้ย แขนนายเป็นอะไรน่ะ เป็นจ้ำๆเต็มไปหมดเลย" ผมดึงแขนฟล็อกขึ้นมาดู
ด้วยความที่ฟล็อกขาวใสอยู่แล้ว จึงเห็นรอยแดงๆได้ชัดเจน ฟล็อกรีบดึงมือกลับพร้อมกับยกผ้าห่มขึ้นมาปิดตัว
"มะ ไม่มีอะไร แมลงกัดนิดหน่อยนะ นายไปโรงเรียนเถอะเดี๋ยวสายนะ"
ฟล็อกบุ้ยหน้าให้ผมออกจากห้อง ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก เดินออกจากห้องไป
ข้างฝ่ายฟล็อกเมื่อลุกขึ้นยืน ก็ทรุดลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บ ก้มลงมองตัวเองก็พบว่ารอยแดงๆไม่ได้มีแต่เฉพาะที่แขน
แต่มีทั่วลำตัวระเรื่อยไปจนถึงต้นขา ฟล็อกหน้าแดง บ่นไปตามเรื่องก่อนเดินโขยกเขยกไปอาบน้ำ
ดีนะที่แสนไม่ได้เห็นไปถึงข้างในด้วย
ข้างฝ่ายผมก็ไปโรงเรียนตามปกติ ตอนนี้ผมเริ่มถอดเครื่องแปลภาษาที่มือออกแล้ว
คุยกับคนอื่นก็พอรู้เรื่องถึงจะต้องใช้ภาษาใบ้บ้างก็ตาม
ผมเกือบลืมเรื่องยาไปเสียสนิท ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อตอนที่กลับห้องเห็นข้าวของกระจัดกระจาย
อาร์ดีนรื้อคุ้ยของโยนออกมาเต็มไปหมด แถมไม่ได้รื้อแต่ของตัวเอง
ข้าวของของผมก็ถูกรื้อมาวางไว้บนเตียง หนังสือบนชั้นก็เกลื่อนอยู่บนพื้น
เจ้าตัวคนรื้อก็หน้าตาเป็นกังวล มือเสยผมยุ่งเหยิงที่ถูกขยี้จนไม่เป็นทรง
เมื่อพอเห็นผมก็หน้าเครียดขึ้นมา
"แสน นายเห็นยาของชั้นหรือเปล่า" อาร์ดีนถามเสียงเครียด
"ยา..ยาอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง" ผมปั้นหน้าเสเสร้งเป็นไม่รู้ไม่เห็น
"ชั้นว่าชั้นเอาไว้ที่ชั้นหนังสือนี่...ในห้องนี้มีแต่นายกับชั้นถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใคร
คนอื่นไม่กล้ามายุ่งของของชั้นหรอกน่า" อาร์ดีนพูดแกมโมโห จ้องตาผม
ผมเริ่มหลบสายตาไม่กล้ามองตรงๆ แบบคนมีชนักติดหลัง
"อาร์ดีนอาจจะไปลืมไว้ที่อื่นก็ได้นี่" ผมมองเสไปทางอื่น
"เอายามาให้ชั้น" อาร์ดีนยื่นมือมาทางผมแบบไม่ฟังคำแก้ตัว
ผมคิ้วขมวด
"ถ้าเป็นน้ำโดม่าอะไรนั่นล่ะก็ ผมไม่มีคืนให้หรอก ทิ้งไปหมดแล้ว"
ผมบอกตรงๆในที่สุด อาร์ดีนคำรามออกมา
"ทิ้งไปแล้ว !!! นายกล้าดียังไงมารื้อข้าวของของชั้น"
อาร์ดีนปัดแก้วน้ำบนโต๊ะแตกกระจาย ผมเริ่มกลัวแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
"นั่นมันยาพิษชัดๆ อาร์ดีนคิดจะฆ่าตัวตายหรือไง ผมเป็นห่วงหรอกนะถึงทิ้งไปน่ะ"
ผมเถียง
"ไม่ต้องมาเป็นห่วงชั้นหรอกน่า ทิ้งยาไปแบบนั้นไม่คิดเป็นห่วงตัวเองบ้างหรือไง
เกลียดชั้นไม่ใช่เรอะ!!!" เค้าตะคอกออกมา ผมกลัวจนน้ำตาไหล
"ผะ..ผมบอกแล้วไงว่าเป็นห่วง ถ้าเกลียดจริงผมปล่อยให้อาร์ดีนดื่มยานั่นจนตายไปแล้ว"
ผมตอกกลับไป สะอื้นฮักๆ ก็เพราะไม่ได้เกลียดนะสิ ถึงเอาทิ้งไป
ถึงตอนนี้ความโกรธในดวงตาของคนตรงข้ามเริ่มจางลง
"งั้นก็หมายความว่าไม่ได้เกลียดชั้น..." เสียงเริ่มเบา
"ก็ไม่ได้เกลียดนะสิ...." ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตา
"งั้นก็ชอบ..." ร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้ ก้มลงกุมมือผม
แถมยังยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้อีก ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น ได้แต่ก้มหน้างุดๆ
ร่างใหญ่ถือวิสาสะเข้ามาหอมแก้มแถมยังชิมรสน้ำตาที่อยู่สองข้างแก้มของผม
ก่อนจะถอนตัวออกมาจ้องหน้าผมตรงๆ ผมหลบสายตา หน้าเริ่มแดง คราวนี้ร่างสูงยิ้มร่าก้มลงยกผมลอยแถมยังหมุนไปรอบๆอีก
"ชั้นกังวลมาตลอด ตั้งแต่ตอนที่แสนบอกว่าเกลียดชั้น...ชั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับขนาดไหนรู้หรือเปล่า"
ร่างสูงกอดผมแน่นเข้า
"ถ้าโดนทำแบบนั้นใครก็ต้องเกลียดทั้งนั้นแหละ" ผมพูดงอนๆ
อาร์ดีนวางผมลงก่อนที่จะเข้ามากระซิบที่ข้างหู
"งั้นแสนก็ยอมชั้นแล้วใช่ไหม" ร่างสูงจูบระมาตามใบหน้า
มือยังตระคองกอดผมอยู่
"เอ่อ...ผะ...ผม...ผมขอทำใจก่อน ผมกลัว" ผมหันหลบริมฝีปากของอาร์ดีนที่ก้มลงมาจะสัมผัส
อาร์ดีนถอนหายใจ
"ชั้นบอกแล้วชั้นจะไม่บังคับใจแสน แสนจะขอเวลากี่วันล่ะ"
ร่างสูงถามคาดคั้น
"เดือนนึง" ผมนึกอะไรไม่ออกได้แต่บอกเวลาไป อาร์ดีนหน้าม่อยลง
"ถ้าเดือนนึงปล่อยชั้นกินยานั่นตายไปตามเดิมเถอะ..." ร่างใหญ่พูดอย่างน้อยใจ
"เอ่อ...งั้นก็สองอาทิตย์" ผมย่นเวลาลงมา
"อาทิตย์นึง ชั้นให้เวลาแสนทำใจอาทิตย์หนึ่งนะ แค่นั้นชั้นก็ทรมานจะแย่อยู่แล้ว"
อาร์ดีนพูดตัดบท ผมอ้าปากค้าง ไหนบอกว่าจะไม่บังคับใจ แต่นี่มันขู่เข็ญกันทางอ้อมนี่หว่า
ห้องประชุมวันนี้เงียบขรึมเป็นพิเศษ
ทุกคนล้วนกังวลกับพวกหลังหุบเขาที่เริ่มลุกลามเข้ามาทุกวัน จนเมื่อวานนี้ถึงขนาดยกพวกเข้ามาปล้นสะดมและฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน
ถึงแม้เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่นอกตัวเมืองแต่ก็ทำให้อาร์ดีนและทุกคนเครียดกับการปล้นที่อุกอาจนี้
"นี่ผ่านมาตั้งสามเดือนกว่าแล้ว ผมยังไม่เห็นกองกำลังของอาเธเซียหรือว่าของเคนน่าที่บอกว่าจะส่งมาช่วยเราแม้แต่เงา"
นายทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งพูดเสียงเครียด คนอื่นที่นั่งล้อมโต๊ะพยักหน้าเห็นด้วย
"เราได้ติดต่อไปทางราเรียหลายครั้งแล้ว ทั้งสองเมืองเกิดปัญหาภายในไม่สามารถส่งกำลังมาช่วยได้
หัวเมืองอื่นก็ลำบากเกินไปที่จะเดินทางมาบานาเดียซึ่งอยู่ทางเหนือสุด"
อาร์ดีนพูดพร้อมถอนหายใจ
"พวกเราอาจจะต้องหาทางแก้กันเอง"
"ด้วยกองกำลังแค่สามพันเนี่ยหรือครับ พวกหุบเขาบาร์แดนถึงแม้จะเป็นพวกป่าเถื่อนกระจัดกระจายกันอยู่
แต่ก็มีคนเกือบห้าพันแล้วนะครับ!!! แล้วยิ่งตอนนี้พวกมันกำลังเริ่มรวบรวมกำลังอยู่ด้วย
ไม่เกินเดือนหน้ามันต้องเข้ามาบุกถึงเมืองหลวงเราแน่"
ตอนนี้ทุกคนล้วนหน้าเครียดกว่าเดิม จนกระทั่งชัยผู้ซึ่งนั่งเงียบมาตลอดเอ่ยปากพูดขึ้นมา
"ผมขอพูดอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม เมื่อก่อนที่ผมจะบาดเจ็บคนของทางเหมืองของอาร์ดีนแจ้งมาว่า
เขาพบสายแร่ตัวใหม่ทางด้านในของเหมือง ผมได้ลองไปตรวจสอบดูแล้ว....ถ้านำแร่ตัวนี้มาผสมกับฟูทาเดียมจะได้วัสดุที่ทนทานคล้ายตัวยานของฟล็อก.."
ชัยอธิบายให้ทุกคนฟัง พร้อมกับหยิบตัวอย่างวัตถุสีขาวขึ้นมา อาร์ดีนตาเป็นประกาย
"จริงรึ...พระเจ้าเข้าข้างเราแล้ว....ถ้าเราผลิตชุดเกราะจากแร่นั้นได้ก็จะทำให้เราได้เปรียบ"
อาร์ดีนหยิบแร่ชิ้นนั้นส่งให้ทุกคนที่อยู่รอบโต๊ะดู เขาลองเอามีดพกที่ติดตัวมาแทงเต็มแรง
ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ทุกคนมองด้วยความทึ่ง
"ถึงแม้เราจะมีคนน้อย แต่ถ้าเรามีเกราะที่ป้องกันอาวุธใดๆก็ได้
จะทำให้เราได้เปรียบ เกราะที่ทำจากแร่ที่ชัยคิดค้นได้มีน้ำหนักเบากว่าของเดิมมาก
เคลื่อนไหวสะดวก" อาร์ดีนพูดพร้อมกับหันหน้าไปหาชัย
"ชัย ถ้าเราจะสร้างเสื้อเกราะสองพันชุดให้เสร็จภายในหนึ่งเดือนจะเป็นไปได้ไหม"
อาร์ดีนเอ่ยปากถาม
"มันก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องใช้กำลังคนและแรงงานมาก
เพราะว่าเวลามันกระชั้นชิดเหลือเกิน" ชัยคิ้วขมวด
"ไม่เป็นไร ต่อให้ต้องเปิดเหมืองทั้งวันทั้งคืนก็ต้องได้...ส่วนกำลังคนก็ให้ผลัดเวรกันเข้ามาทำงาน
เรื่องเร่งด่วน" อาร์ดีนออกคำสั่งทันที
หลังจากนั้นไม่นาน การประชุมก็ยุติ ทุกคนออกไปทำงานตามปกติ หน้าตาแช่มชื่นขึ้น
ขณะที่ชัยกำลังจะเดินออก อาร์ดีนก็ฉุดเขาเอาไว้
"เดี๋ยวก่อน...ชั้นมีเรื่องจะคุยกับนายน่ะ" อาร์ดีนพูดยิ้มๆ
ตอนนี้เรื่องกังวลก็คลายลงไปมากแล้ว
"ทำไม เรื่องอะไรหรือ"
"ก็เรื่อง......"อาร์ดีนพูดเสียงยานคาง "นายไม่มาหาแสนตอนเช้าแล้วหรือไง...สองวันนี้ชั้นเลยตื่นสายทุกวันเลย
ขาดนาฬิกาอย่างนายไป สงสัยธุระยุ่งตอนดึกใช่ไหม อย่ารุนแรงกับฟล็อกมากนักซิ"
อาร์ดีนยิ้มยั่ว เพราะเขาแอบทราบจากแม่หมอเซียร่าว่า ชัยแอบมาขอยาทาแผลกับเธอพร้อมกับน้ำมันหล่อลื่น
(คล้ายกับวาสลีน) ทีแรกเธอก็กังวลว่าใครเจ็บป่วย เลยซักถามจนได้ความ
ชัยหน้าแดงแจ๋ ขนาดเขาย้ำกับแม่หมอแล้วว่าห้ามบอกใคร แค่ครึ่งวันเองอาร์ดีนก็รู้เรื่องเสียแล้ว
นิสัยคนนี่ไม่ต่างกันเลย ไม่ว่ามนุษย์ต่างดาวหรือว่ามนุษย์โลก
อาร์ดีนตบไหล่ชัยเบาๆ "ดีใจด้วย ในที่สุดก็ได้คู่จริงๆซะที...ชั้นซะอีก..."
"น้องชายชั้นยังเด็ก...นายตัดใจซะเถอะน่า" ชัยพูดอย่างสงสาร
"เปล๊า ชั้นแค่จะบอกว่า...ชั้นซะอีกต้องรออีกตั้งอาทิตย์หนึ่ง"
พูดจบอาร์ดีนก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ชัยอ้าปากค้างอยู่คนเดียว
ชัยพยายามจะไม่คิดมากเรื่องที่อาร์ดีนบอก เขาเคยบอกอาร์ดีนไปแล้วว่าถ้าแสนยอมเขาจะไม่ขัดขวาง
แต่จริงๆเขาอยากจะวิ่งตรงไปถามแสนให้รู้เรื่อง ถ้าไม่ติดว่าอาร์ดีนอยู่กับแสนตอนนี้
ชัยเดินกลับห้องไป
เมื่อถึงห้องเขาก็พบว่าฟล็อกไม่อยู่ อาหารเย็นถูกยกมาวางไว้ในห้องแล้ว
เขานั่งรอจนกระทั่งเย็นชืด ฟล็อกก็ยังไม่มา ชัยเริ่มกังวล
"ไปไหนน่ะ อาการตัวเองก็ยังไม่หายเจ็บแท้ๆ" ชัยบ่นพึมพำ
ผ่านไปอีกสองชั่วโมง เจ้าตัวเล็กก็วิ่งเข้ามา หน้ายิ้มแป้นมือถือม้วนกระดาษแผ่นหนึ่ง
"ไหนวันนี้บ่นว่าเจ็บขอนอนทั้งวัน แล้วนั่นออกไปไหนมาล่ะ"
ชัยถามเสียงดุๆ
"ผมเห็นว่ายาของแม่หมอไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ ก็เลยออกไปหามิธนะ"
ฟล็อกยักไหล่แบบไม่แคร์
"ออกไปหามิธ!!! ตอนนี้มันอันตรายแค่ไหน ครั้งที่แล้วยังไม่เข็ดเหรอ"
ชัยอุทาน
"ก็เพราะรู้แล้วนะสิว่ามิธเก่งแค่ไหน ก็เลยกล้าออกไป ตอนนี้ผมหายดีแล้วแล้วก็มีข่าวดีมาบอกด้วย"
ฟล็อกยิ้มพร้อมยื่นม้วนกระดาษให้ชัยดู ชัยคลี่ออกมาก็พบว่าเป็นแปลนเครื่องยนต์อย่างหนึ่ง
"อันนั้นเป็นวงจรของราเรีย ยานติดตามขนาดเล็กที่พวกเราเคยยิงตกน่ะ
ผมถามมิธแล้ว ถ้าเราจะกลับเอรันเทร่ายุคปัจจุบันได้ เราจะต้องทำให้เกิดสถานการณ์เดียวกันกับตอนก่อนมา
การผันผวนของคลื่นแม่เหล็กทำให้เกิดมิติเวลา มิธบอกว่า ถ้าเราเชื่อมรอยต่อของมิติเวลาได้
เราจะสามารถกลับไปช่วงเวลาเดิมได้โดยปรกติ" เจ้าตัวเล็กอธิบายยิ้มร่า
ชัยเองก็ตื่นเต้นจนหายโกรธไปด้วย
"หมายความว่าจะให้ชั้นสร้างราเรียขึ้นมาใช่ไหม โดยใช้แปลนนี้"
ชัยพิจารณาแปลนโดยละเอียด
"ไม่ต้องสร้างทั้งหมดก็ได้ สร้างแค่ตัวปล่อยคลื่นแม่เหล็กก็เพียงพอแล้ว
แค่นั้นไม่แน่จะเกินสองอาทิตย์" ฟล็อกอธิบายต่อ
"ฟังดูก็ไม่ยาก แต่ว่าช่วงนี้ชั้นมีธุระยุ่งน่ะ ชั้นต้องคุมคนงานสร้างเสื้อเกราะให้อาร์ดีนสองพันชุดก่อน"
"โธ่ เรื่องพวกนั้นไม่เกี่ยวกับพวกเราสักหน่อย เรื่องกลับบ้านสิสำคัญกว่า
ที่นี่มันเป็นประวัติศาสตร์ ถ้าเราเข้าไปวุ่นมากประวัติศาสตร์อาจจะเปลี่ยนก็ได้
และอีกอย่างพลังงานสำรองของมิธไม่ได้มีตลอดไปนะ แล้วที่นี่ก็ไม่มีแหล่งเติมพลังงานของมิธด้วย"
ฟล็อกเถียงขึ้นมา ชัยได้แต่เงียบ จริงอย่างที่ฟล็อกบอก แต่ว่าตัวเขาเองจะยืนเฉยปล่อยให้คนที่รู้จักและเพื่อนรักต้องพบอันตรายทั้งๆที่ช่วยได้เนี่ยเหรอ