My aliens friends
ตอนที่13
"ครืน" เสียงปากเหมืองที่ถล่มลงมาอีกรอบทำให้ตัดขาดจากโลกภายนอก
อาร์ดีนพยายามหลบหลีกหินที่ทลายลงมา ด้วยความที่พะวงกับคนเจ็บที่เขาเข้ามาช่วยเหลือ
ทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก ช่วงขาและแขนของเขาถูกหินบาดเป็นแผลลึกยาวหลายสาย
แถมถูกแรงระเบิดดันกลิ้งไปอีกทางหนึ่ง อาร์ดีนลุกขึ้นมาอย่างตกใจเขาไม่ใส่ใจกับแผลของตัวเอง
รีบตะโกนถามคนอื่น
"ทุกคนปลอดภัยใช่ไหม"
"ครับท่านอาร์ดีน คนเจ็บเคลื่อนย้ายมาทางนี้แล้วครับ"
เสียงดังจากทางคบเพลิงที่จุดขึ้น
"แต่บางคนมีแผลปริแตกเราต้องทำการห้ามเลือดก่อนนะครับ"
เสียงเดิมบอกด้วยความกังวล
"ทำไปเลย ดูแลให้ดีด้วย ชั้นจะไปสำรวจลู่ทาง" อาร์ดีนพยายามเดินไปทางปากเหมือง
ไม่มีใครรู้ว่าเขาบาดเจ็บเพราะไร้แสงไฟ เขาเองก็ไม่ต้องการให้ทุกคนแตกตื่น
อาร์ดีนได้แต่ห้ามเลือดแบบลวกๆไปก่อน มือนึงถือมีดพกประจำตัว เขาเคาะสำรวจผนังที่ถล่มลงมาก็พบว่ามีหินก้อนใหญ่ขวางอยู่
แทบไม่มีทางที่จะเคลื่อนย้ายได้เลย ถ้าจะใช้ระเบิดก็อาจจะเป็นอันตรายหรือไม่เหมืองก็อาจจะถล่มอีกรอบ
อาร์ดีนถอนหายใจ ไฟจากคบไฟก็เริ่มที่จะริบหรี่ เป็นสัญญาณว่าอากาศจะเริ่มไม่มีแล้ว
ตัวเขาเองก็เริ่มจะหน้ามืดจากที่ขาดอากาศและเสียเลือด ตอนนี้ใบหน้าที่ลอยเข้ามาในความคิดของเขาก็คือแสน...
"พวกหลังหุบเขาบาร์แดน"
ชัยร้องออกมา ถึงตายเขาก็จำลักษณะคนพวกนี้ได้
"คุณชัย ฟล็อกกับคุณแสน กลับเข้าเมืองไปก่อนดีกว่าครับ คนทางเรามีมากกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"
ซีวาบอก
"แล้วอาร์ดีนกับคนข้างในล่ะ ใครจะรีบช่วยเขาออกมา" ผมถามด้วยความเป็นห่วง
ซีวาไม่ตอบคำแต่ทำสีหน้าลำบากใจ
"ยังไงเราก็ต้องป้องกันคนของเราไว้ก่อน ทางพวกหลังหุบเขาเองก็ยังรวบรวมคนได้ไม่มาก
เท่าที่ดูคงประมาณสองร้อยกว่าคนได้ พวกนั้นคงได้ข่าวเรื่องเหมืองจึงลอบมาวางระเบิดและยกพลขึ้นมาตัดกำลังเรา"
ซีวาคะเน
"แต่ถ้าเราไม่รีบช่วยอาร์ดีนออกมา คนข้างในจะไม่มีอากาศหายใจนะ"
ชัยพูดอย่างตกใจ
"เราจะพยายามจัดการให้ได้เร็วที่สุด แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไว้ขุดปากทางเหมืองด้วย"
ซีวาบอกชัย
"ผมไม่กลับจนกว่าจะได้เห็นอาร์ดีนปลอดภัย" ผมพูดเสียงแข็ง
พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเขาขุดทุกเมื่อ
ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนั้นผมทำหน้าอย่างไร แต่พี่ชัยก็ไม่ได้ห้ามผมอย่างที่ผมคาด
ผมวิ่งเข้าไปช่วยกลุ่มคนที่กำลังขุดเหมืองอยู่ ฟล็อกเองก็เข้าไปร่วมด้วย
ซีวานำคนเข้าไปต้านทานพวกจากหุบเขาบาร์แดน โชคยังดีที่คนของทางบาร์นาเดียมีจำนวนมากกว่าเกือบเท่าตัว
ทำให้ต้านทานได้ไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่เสียงการต่อสู้ก็ข่มขวัญพวกเราได้พอสมควร
ตอนนี้ทุกนาทีของพวกเรามีค่า ยิ่งเราช้าเท่าไหร่ คนที่อยู่ด้านในก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น
แต่การดำเนินการก็ไม่สามารถรวดเร็วได้เพราะติดปัญหาตรงหินก้อนมหึมาที่ขวางทางเข้าพอดีไม่สามารถเคลื่อนได้เลย
จะใช้ระเบิดก็เกรงว่าจะทำให้สถานการณ์แย่ยิ่งขึ้น ผมเองไม่ได้ใส่ใจกับตัวเอง
หยิบอะไรได้ก็ขุดดันไปสุดแรง มือไม้ถลอกปอดเปิกเลือดไหลซิบๆ ร้องไห้ไปด้วย
ในที่สุดชัยก็หันไปทางฟล็อก
"ฟล็อก เรียกมิธออกมาช่วยพวกเราหน่อย"
"หา...ว่ายังไงนะ" ฟล็อกทำหน้าตกใจ "ไม่ได้หรอก มิธต้องรักษาพลังงานสำรองไว้นะ"
"ได้ซิ ฟล็อก....ผมขอร้อง ผมไม่อยากเห็นอาร์ดีนเสียชีวิตอยู่ในนั้น...มิธนะแค่คำนวณยิงเลเซอร์นิดเดียวก็ทำลายหินก้อนนี้โดยไม่มีอันตรายได้แล้ว"
ผมอ้อนวอนฟล็อกเต็มที่ ความหวังเรืองรองขึ้นมา
"แต่ว่า..." ฟล็อกทำท่าจะเถียง แต่พอมองสีหน้าผมกับชัยก็นิ่งเงียบ
ถอนหายใจออกมา
"ก็ได้..." ฟล็อกบอกเสียงเบา
การปรากฏตัวของยานอวกาศ สร้างความแตกตื่นให้กับทุกคน โดยเฉพาะกับพวกหลังหุบเขาบาร์แดน
ดูเหมือนพวกนั้นจะหวาดกลัวมิธเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะมิธเคยสังหารพวกมันไปถึงสี่คนโดยที่พวกมันแทบไม่ได้เงื้ออาวุธ
บางคนถึงขนาดคุกเข่า การต่อสู้หยุดชะงักไป ฟล็อกออกคำสั่งให้มิธยิงเลเซอร์เจาะหินก้อนใหญ่ที่ขวางปากถ้ำอยู่
แค่เพียงพริบตาก้อนหินก็กลายเป็นผงธุลี ผมกับคนงานหลายคนวิ่งเข้าไปในเหมืองเพื่อตามหาอาร์ดีนกับคนอื่น
สภาพอาร์ดีนที่ผมเห็นแทบจะทำให้เข่าทรุด อาร์ดีนนอนจมกองเลือดอยู่ใกล้ปากทางพอสมควร
แผลที่ขาค่อนข้างใหญ่ ส่วนแผลที่แขนไม่มีอะไรมาก ทหารประคองอาร์ดีนออกมาข้างนอกพร้อมทำการปฐมพยาบาลให้
ฟล็อกออกคำสั่งให้มิธยิ่งเลเซอร์ขู่ขวัญไปทางพวกหลังหุบเขาบาร์แดนด้วย
พวกนั้นแตกตื่นจนวิ่งหนีกลับไปเหลือทิ้งแต่คนบาดเจ็บที่เคลื่อนไหวไม่ได้
กับซากศพทั้งสองฝ่ายเกลื่อนเต็มพื้น ยังดีที่ซีวาเคยเห็นยานของฟล็อกมาก่อน
จึงระงับความแตกตื่นได้บ้าง
"นะ นี่มันอะไรกันนี่....." ตอนที่ข้าเห็น มันยังเป็นแค่เศษเหล็กบุบๆอยู่เลย
ทำไมตอนนี้มัน..!!!.."
"ช่างมันเถอะ ก็แค่ซ่อมเสร็จแล้ว รีบเข้าไปดูอาร์ดีนก่อนแล้วกัน"
ชัยตัดปัญหาวิ่งเข้าไปหาแสนกับฟล็อก
"ท่านอาร์ดีนคงต้องรักษาตัวประมาณสองอาทิตย์ค่ะ บาดแผลภายนอกถึงจะหายสนิท"
แม่หมอร่างท้วมบอกกับทุกคนหลังจากตรวจอาการเรียบร้อยแล้ว
"ผมมียาดี ถ้ากินยาผมอาจจะหายไวกว่านั้น ไว้ยังไงจะเอามาให้อาร์ดีนแล้วกัน"
ฟล็อกบอก เขาให้มิธช่วยอาร์ดีนออกมาแต่ไม่ยอมให้อาร์ดีนรักษาตัวในยานของเขาอีก
เพื่อรักษาพลังงานของมิธไว้ ใครจะหาว่าเขาใจดำก็ตามเถอะ ยังไงอาร์ดีนก็รอดแล้วนี่
จะนานจะช้าก็หายได้แน่ แม่หมอเซียร่าค้อนเขาวงใหญ่ ก่อนจะบอกให้ทุกคนปล่อยให้คนเจ็บพักผ่อน
พี่ชัยลากผมออกมาคุยกันข้างนอก
"โชคดีแล้วนะแสน ช่วงนี้อาร์ดีนบาดเจ็บ ยังไงสัญญาเจ็ดวันอะไรนั่นก็คงเป็นไปไม่ได้
เหลืออีกแค่สองวันเท่านั้นเอง พี่เองก็ใกล้จะสร้างราเรียสำเร็จแล้ว
พออาร์ดีนหายเราคงจะบอกลาอาร์ดีนได้" ชัยบอกกับแสน แสนเงียบไปก่อนที่จะพึมพำตอบคำ
"....."
"พูดอะไรน่ะแสน พี่ไม่ได้ยินเลย" ชัยถามน้องชายอีก
"ผมไม่กลับ" คราวนี้เสียงหนักแน่นกว่าเดิม ชัยถึงขั้นอึ้งไป
"ว่าไงน๊ะ" คราวนี้ชัยขึ้นเสียงดังบ้าง แต่แสนก็ตอบมาดังไม่แพ้กัน
"ผม..ไม่..กลับ"
นี่เป็นครั้งแรกที่แสนไม่ทำตามที่ชัยแนะนำ ชัยกำหมัดแน่น...
"ผมโตแล้ว ผมตัดสินใจอะไรได้แล้ว ผมรักอาร์ดีน ผมจะอยู่ที่นี่
พี่จะกลับกับฟล็อกก็กลับไป" แสนรัวคำพูดออกมาไม่หยุด คำพูดที่อัดอั้นตันใจอยู่ห้าวันพรั่งพรูออกมา
"แสน แต่ที่นี่ไม่ใช่โลกของเรานะ เราอยู่นี่ไม่ได้หรอก"
คราวนี้เสียงฟล็อกดังขึ้นด้านหลัง
"ผมไม่สน ผมอยู่มาสามเดือนได้ ผมก็คงจะอยู่ตลอดชีวิตได้...เอรันเทร่าก็ไม่ใช่โลกของผมอยู่แล้ว
พี่กับฟล็อกก็เหมือนกัน กลับไปจะตัดสินใจยังไง ...ถ้าคิดว่าผมกับอาร์ดีนอยู่ด้วยกันไม่ได้
พี่กับฟล็อกก็คงอยู่กันไม่รอดหรอก!!!" พูดถึงตรงนี้ชัยก็โมโหจนตัวสั่นเงื้อมือขึ้นมา
แต่ฟล็อกวิ่งเข้ามาดึงแขนจากทางด้านหลังไว้ ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะวิ่งเข้าห้องไป
"ลูกนก เมื่อปีกกล้าขาแข็ง
ก็บินจากรังสู่โลกกว้างสินะ" เสียงชัยนั่งบ่นพึมพำอยู่บนที่นอน
เขาเองก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน กว่าจะยอมรับความจริงที่ว่าแสนน้องชายที่แสนน่ารักของเขาเติบโตเกินกว่าที่จะอยู่แต่ในรังที่เขาสร้างขึ้นมา
ฟล็อกลุกขึ้นมาโอบเขาไว้
"แสนอาจจะพูดอะไรตามแต่ใจไปหน่อยก็ได้ ไว้เดี๋ยวผมจะไปอ้อนวอนเขาอีกที"
ฟล็อกบอกชัยพร้อมกับเอนหัวมาซบไหล่ชัย ชัยได้แต่ถอนหายใจ
"ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ชั้นมีลางสังหรณ์แปลกๆตั้งแต่ตอนที่แสนวิ่งเข้าไปหาอาร์ดีนตอนที่อยู่ที่เหมืองแล้ว..."
"ถ้าพวกเราจะอยู่ที่นี่ตลอดไป...."ชัยพูดต่อแต่ก็หยุดกลางคัน
ในเมื่อเขารู้อยู่เต็มอกว่าฟล็อกต้องไม่ยอมแน่ เพราะฟล็อกนั่งนับนอนนับวันที่จะกลับตลอดเวลา
ถึงเขาพูดออกไปก็คงไม่มีประโยชน์
คืนนั้นผมนั่งเฝ้าอาร์ดีนทั้งคืน จริงๆก็นั่งคิดไปถึงคำพูดที่พูดกับพี่ไปด้วย
แต่ยิ่งมองอาร์ดีนความรู้สึกผมก็ยิ่งหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ 'ผมรักอาร์ดีน'
คำพูดนั้นก้องอยู่ในหัว ผมเคยรู้สึกเสียใจแทบตายเมื่อตอนที่คิดว่าเสียพี่ไปแล้ว
แต่ตอนนี้ผมกับปัดข้อเสนอที่จะกลับไปกับพี่
เสียงพลิกตัวของคนหลับทำให้ผมรู้สึกตัว ผมหันกลับไปมองอาร์ดีนซึ่งตอนนี้มีแต่ผ้าพันแผลเต็มไปหมด
ริมฝีปากค่อนข้างซีด ผมยื่นมือเข้าไปลูบเรียวปากสวยได้รูปนั้น
"มีข่าวดีครับ" ทหารนายหนึ่งเข้ามารายงานในห้องประชุม
ถึงแม้ตอนนี้อาร์ดีนจะยังมาร่วมประชุมไม่ได้ แต่ก็มีนายทหารอาวุโสหลายคนมานั่งประชุม
รวมทั้งชัยด้วย
"ทหารของอาเธเซียสามพันนายจะเดินทางมาถึงในอีกสามวันข้างหน้าครับ
ทหารทางทัพหน้าส่งข่าวมา" เสียงพึมพำด้วยความดีใจดังมารอบด้าน
ชัยเองก็รู้สึกเบาใจลงไปด้วย ตอนนี้เหมืองก็ถูกสั่งปิด เสื้อเกราะที่ต้องการสองพันพึ่งจะได้ไม่ถึงสองร้อย
แต่ถ้ามีกองทัพมาช่วยละก็ ทุกอย่างคงไม่ต้องพึ่งพวกเขาแล้ว....
หลังออกจากห้องประชุม ทุกคนสีหน้าแช่มชื่นขึ้น ชัยเดินตรงไปที่ห้องของเขาแต่ระหว่างทางเขาตัดสินใจที่จะเดินไปหาอาร์ดีนก่อน
ซึ่งยังไงก็คงจะได้พบน้องชายเขาด้วย
เขาพบอาร์ดีนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ตอนนี้สภาพร่างกายของอาร์ดีนเกือบหายดีแล้ว
ได้ยาทั้งของแม่หมอเซียร่าและของฟล็อกทำให้หายเร็วกว่าปกติ อาร์ดีนหันมามองเขาก่อนจะก้มไปปิดสมุดที่กำลังเขียนอยู่
"แสนออกไปกับฟล็อกแน่ะ เมื่อกี้ฟล็อกเข้ามาหา"
"เปล่าชั้นมาหาอาร์ดีนต่างหาก จะมารายงานเรื่องประชุมเมื่อกี้นี้"
ชัยบอกตามตรง
"ทหารของอาเธเซียจะเดินทางมาถึงอีกไม่กี่วันนี้ แถมช่วงนี้พวกหลังหุบเขาบาร์แดนก็ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรอีก
สงสัยคงจะกลัว..." ชัยรายงานให้อาร์ดีนฟัง อาร์ดีนพยักหน้ารับคำ
ไม่ได้แสดงท่าทีดีใจอะไรนัก
"ชั้นเองก็ต้องขอบใจพวกนายที่ช่วยชีวิตไว้ด้วย ซีวาบอกว่าพวกนายซ่อมยานเสร็จแล้ว..."
"อือ..ก็ใช่ นายขอบใจฟล็อกดีกว่า เพราะว่าเขาเป็นเจ้าของยาน...."
ชัยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขาเห็นแววตาของอาร์ดีนเศร้าๆ
"พวกนายก็คงจะเดินทางกลับสินะ รวมทั้งแสนด้วย..." อาร์ดีนพูดเสียงเศร้า
ถึงตอนนี้ชัยก็รู้แล้วว่าแสนยังไม่ได้บอกอาร์ดีนเรื่องที่แสนตัดสินใจจะอยู่ที่นี่
หรือว่าพวกเขายังมีความหวังที่จะเอาตัวแสนกลับไปด้วย
"คงจะก่อนหน้าที่ทัพอาเธเซียจะเดินทางมาถึงนี่แหละ ชั้นมาลานายด้วยเลยแล้วกัน"