My aliens friends
ตอนที่ 8
วันรุ่งขึ้นผมก็ลากฟล็อกไปเรียนด้วยกันกับผมจนได้
ถึงแม้ฟล็อกจะยังอิดออดไม่อยากไปก็ตาม
"ทำไมชั้นต้องไปกับแสนด้วยนะ ไม่ได้ว่างเหมือนแสนสักหน่อย กลางวันก็ติดต่อกับมิธ
แถมกลางคืนก็ต้องมาสอนภาษาให้พี่ชายเจ้าอีก พี่น้องคู่นี้วุ่นกับชั้นซะจริง"
ฟล็อกบ่นกระปอดกระแปด
"เอาน่า ถ้ามาคนเดียวอาร์ดีนไม่ยอมปล่อยชั้นมานี่นา" ผมให้เหตุผล
พร้อมกับลากฟล็อกเดินตามไป
อย่างที่คาด ผมกลายเป็นจุดเด่นของโรงเรียนตั้งแต่วันแรก นอกจากผมที่ดำสนิทยังควบด้วยตำแหน่งเมรันอาอีกอย่าง
เด็กที่เรียนอยู่ชั้นอื่นยังวิ่งลงมาดูเลยครับ
เรื่องเรียนของชาวเอรันเทร่า ไม่ค่อยต่างจากโลกเท่าไหร่ คือมีเรียนหลายๆวิชา
แต่ว่าวิชาของที่นี่น่าสนใจสำหรับผมมาก สนุกสนานและน่าแปลกใหม่ ผิดกับฟล็อกที่ทำท่าเบื่อนั่งหาวตลอด
"ของพวกนี้ชาวเอรันเทร่าในอนาคตไม่ต้องเสียเวลามาเรียนหรอก
เรามีคอมพิวเตอร์พกพา แล้วบางเรื่องก็สามารถส่งผ่านข้อมูลโดยตรงเข้ามาทางสมองได้
การมานั่งเรียนถือเป็นการเสียเวลาอย่างหนึ่ง" ฟล็อกพูด ซึ่งผมเองฟังแล้วก็อิจฉาเหมือนกัน
"ถ้าไม่ไปโรงเรียนแล้วฟล็อกหาเพื่อนได้ยังไงล่ะ โรงเรียนเป็นที่แลกเปลี่ยนความคิดนะ
อย่างที่นี่ไง" ผมถามฟล็อกอย่างสงสัย
"เฮ้อ เจ้านี่ช่างขี้สงสัยจริง ทุกบ้านมีคอมพิวเตอร์สื่อสาร
ทุกคนสามารถติดต่อกันทางคอมพิวเตอร์ได้ ทุกอาทิตย์เราก็ไปที่นัดพบ
เที่ยวเล่น ออกกำลัง แค่นี้ก็ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดแล้ว"
ฟล็อกบอก
"นี่สองคนนั้นน่ะ เมื่อไหร่จะหยุดคุยสักที......พึ่งเข้ามาเรียนวันแรกก็คุยไม่หยุดซะแล้ว"
เสียงอาจารย์ตำหนิดังขึ้นมา เด็กคนอื่นในห้องแอบขำอยู่ในหน้า ผมพึมพำขอโทษ
ผมไปโรงเรียนทุกวันจนลืมเรื่องเวลาไปเลย ฟล็อกเองบางวันก็ไปบางวันก็ไม่ไป
บางวันผมต้องไปลากออกมาจากเตียงเพื่อให้ไปโรงเรียน ที่โรงเรียนก็มีกิจกรรมต่างๆให้ทำ
ผมเริ่มมีเพื่อนมากขึ้น แต่ที่สนิทจริงๆก็มีไม่กี่คน
"วันนี้ทำไมกลับเสียเย็นเลยแสน โรงเรียนเลิกตั้งนานแล้ว"
เสียงของอาร์ดีนดังขึ้นมาหลังจากผมเดินเข้าห้อง วันนี้ผมไปเที่ยวกับเพื่อนชาวเอรันเทร่ามา
ส่วนฟล็อกโดดเรียนกลับมาตั้งแต่ก่อนเลิกเสียอีก
"เอ่อ ผมไปข้างนอกกับเพื่อนต่อนะครับ" ผมบอกความจริง
"งั้นเจ้าพักสักพักก่อนแล้วค่อยมาเรียนภาษาก็แล้วกัน"
อาร์ดีนพูดเหนื่อยๆ
"ที่จริงอาร์ดีนไม่ต้องมาสอนผมแล้วก็ได้นะครับ ที่โรงเรียนก็มีสอนเหมือนกัน"
ผมพูดเพราะขี้เกียจเรียนแล้ว เรียนทั้งวัน แถมตอนกลางคืนก็ต้องมาเรียนกับอาร์ดีนต่ออีก
แต่พอผมพูดจบ คนตรงข้ามก็หน้าเครียดขึ้นมา ยกมือขึ้นทุบโต๊ะดังปัง
"ถ้าแสนคิดว่าจะไม่มีเวลาให้ชั้นอีก ชั้นก็จะไม่ให้แสนไปโรงเรียน"
อาร์ดีนพูดแบบโกรธ ผมเองก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าทำอะไรผิด
"ผมก็มีชีวิตของผมเองนะ ผมเห็นว่าอาร์ดีนวุ่นก็ไม่ได้ไปยุ่งเรื่องอะไรของคุณ
ทำไมต้องมาบังคับผมทำโน่นทำนี่ด้วย" ผมขึ้นเสียงพูด ไม่ยอมเหมือนกัน
"ผมอยากกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว ไม่ได้อยากอยู่นี่ให้วุ่นใครหรอกน่า"
"แล้วคิดว่าที่ชั้นอดทนอยู่เนี่ยเพื่อใคร ชั้นยอมแสนขนาดนี้แล้ว
ยังพูดแบบนี้อีกรึ" พูดจบอาร์ดีนก็กระชากผมเหวี่ยงไปที่เตียง
แล้วคร่อมตัวตามลงมา
ผมร้องด้วยความตกใจ ผมไม่เคยเห็นอาร์ดีนเป็นแบบนี้มาก่อน เกือบเดือนที่ผ่านมาเขาดูเป็นสุภาพบุรุษและไม่เคยล่วงเกินอะไรผมเลย
แต่ตอนนี้อาร์ดีนดูน่ากลัวมาก เขาก้มหน้าลงมาจูบผมแบบไม่ทันตั้งตัว
ผมหลับตาปี๋ ถีบขาสองข้างอย่างแรง แต่อาร์ดีนก็ทาบตัวลงมาจนผมขยับไม่ได้
แรงกดที่โถมลงมาทำให้ผมหายใจแทบไม่ออก ปากที่ประกบปากของผมก็ขยับไปมา
ลิ้นของฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มพยายามรุกราน ผมหันหน้าหนีแต่อาร์ดีนก็เอามือมาจับคางผมบีบให้อ้าปาก
ลิ้นของเขาเริ่มเข้ามาสำรวจในปากของผม มือที่ยังว่างก็ควานเข้ามาในเสื้อ
ลูบคลำอย่างไม่ค่อยถนอม ทุกส่วนช่วงบนของผมถูกมือของเขาจับต้องจนแทบจะไม่เหลือ
ความรู้สึกของผมตอนนั้นมีแต่ตกใจและกลัว น้ำตาไหลเป็นทาง ผมไม่มีทางชนะเขาแน่
ขนาดร่างกายก็ต่างกันแยะ จนในที่สุดผมก็เลิกต่อต้าน ได้แต่สะอื้นฮักๆอยู่ในลำคอ
อาร์ดีนเริ่มรู้สึกถึงการไม่ต่อต้านของผม เขาถอนปากออกพร้อมกับลุกขึ้นมา
อารมณ์เริ่มสงบขึ้น สายตาเริ่มกลับเป็นปรกติ
"ถ้าแสนพูดว่าอยากกลับบ้านหรือไม่มีเวลาให้ชั้นอีก ชั้นจะลงโทษแสนแบบนี้"
เขาพูดข้างๆหู ผมได้แต่สะอื้นพูดอะไรไม่ออก
"ผม..ผมเกลียดอาร์ดีนที่สุด" ประโยคแรกที่ผมโผล่งออกมาทั้งน้ำตา
ผมหันหน้าหนี ถอยตัวไปนอนคู้อยู่ตรงมุมเตียง ได้ยินร่างสูงถอนหายใจ
เขาลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมที่พาดบนเก้าอี้ขึ้นมาใส่ก่อนเดินออกไปนอกห้อง
ทิ้งผมให้นอนอยู่คนเดียว
คืนนั้นอาดีนก็ไม่ได้กลับมานอนที่ห้องปล่อยผมนอนร้องไห้เงียบๆ จนกระทั่งผมร้องจนไม่มีอะไรจะร้องนั่นแหละ
จึงได้สงบจริงๆ ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่าเกลียดอาร์ดีนไปหรอก
ใจจริงผมชอบเขาพอสมควร แต่คำพูดนั้นมันหลุดออกไปเอง ผมเกลียดที่เขาจู่ก็ทำแบบนั้นกับผม
ระยะนี้อาร์ดีนแปลกๆไป หงุดหงิดบ่อยแล้วก็ชอบบ่นว่าปวดหัว ผมคิดว่าเขาคงกังวลหลายๆเรื่อง
ผมวกกลับมาคิดเรื่องที่เขาทำกับผมเมื่อสักครู่ ยกมือขึ้นลูบปากตัวเอง
มืออีกข้างก็ลูบผิวเนื้อที่อาร์ดีนทิ้งรอยสัมผัสไว้ ตอนนี้ร่างกายผมกลับเริ่มตื่นตัวขึ้นมาเอง
ขนลุกซู่ ร่างกายเริ่มร้อน ผมกำลังมีอารมณ์!!!!
เช้านี้นาฬิกาประจำห้องหรือพี่ชายผมก็เดินมาหาผมตามปรกติเช่นเคย
พี่ถามผมอย่างสงสัยเมื่อเห็นอาร์ดีนนั่งอยู่ข้างนอกห้อง
"ทำไมอาร์ดีนไปนอนนอกห้องอีกแล้วล่ะ เกิดอะไรขึ้น" พี่ถามอย่างระแวง
"ก็ทะเลาะกันนิดหน่อยเมื่อวาน เรื่องโรงเรียน" ผมตอบผ่านๆ
ไม่อยากให้พี่ถามมาก ซึ่งพี่ก็พยักหน้าเข้าใจไม่ได้พูดอะไรต่อ
"วันนี้แสนไปโรงเรียนคนเดียวนะ เห็นฟล็อกบอกว่ามีธุระจะทำ"
ผมอือออไปตามเรื่อง ใจจริงเริ่มขี้เกียจไปโรงเรียน แต่พอคิดถึงหน้าอาร์ดีนก็ฉุนกึกขึ้นมา
ไปโรงเรียนก็ดีจะได้ไม่ต้องเห็นหน้า เมื่อคืนนี้ผมช่วยตัวเองจนสำเร็จ....แค่นึกถึงก็อายไปถึงไหนแล้ว
"ชั้นบอกแสนไปแล้วนะว่านายไม่ไปโรงเรียนวันนี้" ชัยบอกฟล็อกที่กำลังง่วนอยู่กับเครื่องมืออะไรบางอย่าง
"ดีแล้ว ขี้เกียจไปจะตายสอนแต่เรื่องซ้ำๆซาก" ฟล็อกบ่นออกมา
"ชัย วันนี้นายออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ" เขาเอ่ยปากขอร้องชัย
"ผมต้องการหาที่ให้มิธซ่อนตัวโดยไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่เพราะมิธใกล้จะซ่อมตัวเรียบร้อยแล้ว"
"จริงเหรอ...แต่ถ้าออกไปข้างนอกก็ต้องบอกอาร์ดีนก่อน"
ชัยกังวล
"บอกไม่ได้หรอก แอบออกไปแล้วกัน" ฟล็อกไม่อยากให้อาร์ดีนรู้เรื่องมากไปกว่านี้
ที่จริงพวกเขาก็รู้ว่าช่วงนี้ออกไปข้างนอกค่อนข้างอันตราย
ชัยรับรู้ เขากับฟล็อกแอบปีนกำแพงตึกออกไปข้างนอกโดยไม่มีใครรู้เห็น
อาณาเขตของบาร์นาเดียค่อนข้างกว้าง แต่ตัวเมืองมีขนาดไม่ใหญ่นัก
ล้อมรอบด้วยหุบเขาและทะเลสาบ หุบเขาบริเวณรอบนอกมีการทำเหมืองแร่
จึงไม่มีคนอาศัยมากนัก มีป่าโปร่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าไหร่
"ฟล็อก รู้สึกว่าเราจะมาค่อนข้างไกลแล้วนะ" ชัยเตือนเมื่อเขากับฟล็อก
เดินเข้าไปทางป่าค่อนข้างลึก เกือบถึงสุดเชิงเขา
"ผมรู้แล้วล่ะ แต่ว่ายังหาที่เหมาะให้มิธไม่ได้เลย มันน่าจะมีลานโล่งในป่าบ้าง"
ฟล็อกพูดอย่างคะเน พร้อมกับเดินไปอีกทาง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเลือกที่โล่งแห่งหนึ่ง
มีพุ่มไม้ขึ้นค่อนข้างแน่นหนา
"แล้วมิธน่ะ จะมานี่ได้ยังไง" ชัยถามอย่างสงสัย คงไม่ใช่ต้องเดินทางไปรับมาหรอกนะ
ฟล็อกยิ้มอย่างภูมิใจ พร้อมกับชี้ให้ชัยดูบนฟ้า
"ตอนนี้มิธก็อยู่เหนือหัวของพวกเรานี่เองแหละ ผมมีสัญญาณสื่อสารกับมิธอยู่"
ชัยเงยหน้าขึ้นมอง พยายามเพ่งตั้งนานถึงจะเห็นเค้าโครงร่างของยานอวกาศบนท้องฟ้า
ตอนนี้ยานของฟล็อกโปร่งใสสีกลืนกับสีท้องฟ้าแทบเป็นสีเดียวกัน เพียงแต่สังเกตเห็นขอบของยานเล็กน้อย
ถ้าไม่เพ่งจริงๆแทบจะแยกกันไม่ออก
"ระบบทั้งหมดเกือบจะสมบูรณ์แล้ว คงจะใช้เวลาอีกสองสามวันเท่านั้น"
ฟล็อกยิ้มแก้มแทบปริ ก่อนที่จะพูดอะไร ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงเฟี้ยว
ดังมาจากมุมหนึ่งของป่า ธนูดอกหนึ่งเฉียดผ่านหน้าฟล็อกไปแค่นิดเดียว
ชัยตกใจหน้าซีด
"ฟล็อก วิ่งเร็ว วิ่งออกจากป่าให้เร็วที่สุด" ชัยตะโกนสั่ง
พร้อมกับหันไปทางทิศที่ธนูพุ่งมา ซึ่งยังไม่เห็นอะไร ธนูดอกที่สองและสามก็ตามติดออกมาอย่างต่อเนื่อง
ชัยเองก็หันหลังวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตาเหมือนกัน
ฟล็อกก็ตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะสะบัดหน้าวิ่งนำหน้าชัยไป แต่ทั้งสองวิ่งได้ไม่เท่าไหร่ก็ประจันหน้ากับ
ชายร่างสูงสามคนมือถืออาวุธยาวคล้ายหอกยืนดักรออยู่ ฟล็อกกับชัยหันหลังกลับไปก็พบว่าด้านหลังมีชายร่างใหญ่อีกสามคนในมือถือธนูยืนกันอยู่เช่นเดียวกัน
ทั้งหมดหัวเราะเสียงแหบพร่า หน้าตาถมึงถึง
ตอนนี้พวกเขาอยู่กลางวงของชายประหลาดหกคน ที่บอกว่าประหลาดเพราะ
ชายทั้งหกนี้ถึงแม้เป็นคนเอรันเทร่า แต่ก็ต่างจากพวกอาร์ดีนและคนอื่นๆในเมือง
ถึงร่างกายสูงใหญ่เหมือนกัน แต่มีขนตามตัวค่อนข้างยาว หน้าผากโหนก
ตาสีแดง แถมผมสีส้มคล้ายไม้ผุๆยังยาวเกือบถึงพื้น เสื้อผ้าที่ใส่ก็เหมือนแค่เอาผ้าลายประหลาดๆมาพันไว้
ที่คอมีสายสร้อยติดเขี้ยวประหลาดสามสี่เส้นคล้องอยู่
"พวกชนเผ่าหลังหุบเขาบาร์แดน" ฟล็อกพูดเสียงเบา ถึงฟล็อกไม่พูดแต่ชัยก็พอคะเนพวกนี้ออก
"เคี้ยก ๆๆๆ " เสียงหัวเราะประหลาดดังมา
"เจ้าพวกผู้ดีนอกหุบเขานั่นเอง มีสมบัติอะไรปลดออกให้หมด"
เสียงแหบออกคำสั่งพร้อมกับชี้หอกมาที่พวกเขา
"พวกเราไม่มีสมบัติอะไรหรอก...เราไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาก่อนออกจากเมือง"
ชัยตอบเสียงสั่น คนพวกนั้นมองเขาสองคนอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า
ฟล็อกเกาะเขาไว้แน่น
"ไอ้คนนี้ประหลาดนัก ทำไมมันมีผมสีดำตาสีดำเล่า" หนึ่งในคนกลุ่มนั้นชี้มาที่ชัย
"ช่างมันเถอะน่า แต่ผู้หญิงที่มากับมันน่าสนใจมากกว่า"
พวกมันทั้งหมดจ้องฟล็อกด้วยสายตากระหาย ชัยรีบเอาตัวมาบังฟล็อกไว้
"เพื่อนผมเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงปล่อยพวกเราไปเถอะน่า"
ชัยพยายามใช้ไม้อ่อน
"เหอะๆๆๆ จะชายหรือหญิงก็ไม่สำคัญหรอกน่า....พวกเราก็สนุกได้เหมือนกัน
เมื่อเสร็จแล้วก็ฆ่าซะ ตอนฆ่านี่แหละสนุกที่สุด เฉือนโน่นนิดนี่หน่อย
ดูพวกมันดิ้นก่อนตาย ฮ่า ฮ่า" เสียงหัวเราะอุบาทว์ดังพร้อมๆกัน
ชัยขนลุกซู่
ถึงตอนนี้ชัยก็นึกออกว่าชาวเอรันเทร่าสามารถหาคู่ได้ทั้งชายและหญิง
ตัวเขาเองก็คงไม่ปลอดภัยเช่นเดียวกัน ถึงเขาจะค่อนข้างสูงเกือบร้อยแปดสิบ
แต่เทียบกับพวกนี้ก็ยังต่างกันเกือบสิบเซนต์ ส่วนฟล็อกสูงเลยหัวไหล่เขาแค่นิดเดียว
"ข้าเองไม่เคยเห็นใครสวยขนาดเจ้านั่นมาก่อนเลย" หนึ่งในพวกนั้นจ้องฟล็อกน้ำลายไหลเยิ้ม
เดินเข้ามาใกล้พร้อมยื่นมือจะจับฟล็อก
โดยที่มันไม่ทันตั้งตัว ชัยเหวี่ยงหมัดสวนเข้าหน้ามันทันควัน พร้อมกระแทกไหล่ซ้ำเข้าไปอีก
เจ้านั้นล้มโครม คนอื่นๆอึ้ง ชัยได้โอกาสคว้ามือฟล็อกวิ่งไปทางที่เจ้านั่นล้มไป
แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าว เสื้อเขาก็ถูกฉุดด้วยแรงจากด้านหลังขาดดังแควก
เขาเสียหลักล้มกลิ้งแว่นตากระเด็นไป แต่ก่อนล้มก็อุตส่าห์ผลักฟล็อกให้วิ่งต่อ
แต่ฟล็อกเองยังไม่ทันวิ่งก็ถูกรัดจากด้านหลัง เขาพยายามดิ้นแต่ก็ดิ้นไม่หลุด
ถูกยกขึ้นตัวลอยทั้งๆที่เท้าทั้งสองยังเตะเหวี่ยงไปมา ฟล็อกได้แต่ร้องตะโกนด่า
ถึงตอนนี้เจ้าคนที่ถูกชัยต่อยกลิ้งไปแตะเขาอย่างแรง ชัยจุกงอตัวพูดไม่ออก
พร้อมกันนั้นเท้าอีกไม่รู้กี่เท้าประเคนมาที่เขาจนแทบหมดสติ เขารู้สึกเหมือนซี่โครงจะหัก
หลังจากนั้นชัยเจ็บแปล็บขึ้นมาที่หัวไหล่ หอกเล่มหนึ่งแทงทะลุไหล่เขาไป
ชัยร้องอย่างสุดเสียง เหงื่อผุดพราวเต็มหน้า ฟล็อกเองก็ร้องอย่างตกใจเช่นเดียวกันเมื่อเห็นภาพนั้น